นิ้วของหานเซิ่นสัมผัสกับด้ามจับสีเงิน และก่อนที่เขาจะจับมันได้อย่างเต็มที่ สายฟ้าสีเงินก็ช็อตใส่นิ้วมือของเขา
สายฟ้าไหลไปทั่วร่างกายของหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าสูญเสียการควบคุมสติของตัวเอง หานเซิ่นถูกส่งพุ่งออกไปชนเข้ากับกำแพงกระดูกขาวอย่างแรง
โชคดีที่หานเซิ่นสวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ร่างกายของเขาก็ชาไปหมดทั้งแต่หัวจรดเท้า
“นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ ถึงสายฟ้านั่นอาจจะไม่สร้างความเสียหายมากจนเกินไป แต่อาการชาหลังจากถูกช็อตนั้นเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว!”
หานเซิ่นรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเพื่อพยุงตัวเองกลับขึ้นมา เขามาอยู่ในท่านั่งแต่เขายังคงรู้สึกอ่อนแออย่างมาก
เจ้ากิเลนโลหิตกระโดดลงมาจากหลังของกิเลนสีดำ มันวนรอบๆตัวของหานเซิ่นและส่งเสียงร้องออกมาราวกับว่ากำลังบอกว่า “นายเป็นอะไรไหม?”
“ฉันไม่เป็นอะไร แต่สายฟ้านั่นคืออะไรกันแน่? มันเป็นอะไรที่แปลกจริงๆ แม้แต่เกราะระดับราชันก็ป้องกันมันไม่ได้”
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมสายฟ้านั้นสามารถทำร้ายกิเลนโลหิตได้ ทั้งๆที่มันแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ดูเหมือนสายฟ้านั้นจะเจาะผ่านการป้องกันทุกรูปแบบและช็อตใส่ร่างกายโดยตรง
กิเลนโลหิตไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันผิดหวัง มันรู้สึกเศร้าใจที่หานเซิ่นไม่สามารถดึงอาวุธนั่นออกมาได้
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาทางดึงมันออกมาให้ได้”
หานเซิ่นคิดว่านี่ถือเป็นโอกาสดี เขาบอกได้ว่าเจ้ากิเลนโลหิตจะมีความสุขอย่างมาก ถ้าเขาสามารถดึงอาวุธนั้นออกมาได้สำเร็จ บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะสามารถทำให้มันเชื่องได้
เมื่อคิดว่ามันเป็นอะไรที่เท่ขนาดไหนที่จะขี่เจ้ากิเลนโลหิต หานเซิ่นก็ตัดสินใจว่าจะลองดูสักตั้ง
แต่เจ้ากิเลนโลหิตดูจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการที่หานเซิ่นจะลองดูอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะดึงอาวุธนั่นออกมาได้
บอกตามตรงหานเซิ่นเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน แต่ถ้าเขาถูกโจมตีด้วยสายฟ้า บางทีเขาจะสามารถห่อหุ้มด้ามจับด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนก่อนที่จะดึงอาวุธนั่นออกมา
หานเซิ่นนำเอาถุงมือที่เป็นฉนวนไฟฟ้าหลายอันออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา เขาใส่ถุงมือหลายชั้นเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกช็อต หลังจากนั้นเขาก็บินกลับขึ้นไปบนหลังของกิเลนสีดำ เขามองกลับไปที่กิเลนโลหิตและคิด
‘ถึงแม้นายจะเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่วันหนึ่งอาจจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่นายยังคงโง่เขลา นายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์อย่างนั้นใช่ไหม? เดี๋ยวพี่จะช่วยแสดงให้นายเห็นเองว่ามนุษย์นั้นใช้สติปัญญาเพื่อแก้ปัญหาแบบนี้ได้!’
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ยื่นมืออกไปจับด้ามสีเงิน จากประสบการณ์ในครั้งแรก หานเซิ่นรู้ว่าสายฟ้าของด้ามจับเป็นอะไรที่น่ากลัว แต่มันไม่ได้รุนแรงพอที่จะฆ่าเขา นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
หานเซิ่นยื่นมือออกไปจับด้ามจับสีเงินอย่างมั่นใจและพยายามจะดึงมันออกมา หลังจากนั้นสายฟ้าสีเงินก็ปะทุขึ้นมา
ถุงมือฉนวนไฟฟ้านั้นไม่ได้ผล และสายฟ้าก็ช็อตทั้งร่างกายของเขาก่อนที่จะส่งเขากระเด็นออกไปอีกครั้ง หานเซิ่นไปชนเข้ากับกำแพงกระดูกก่อนที่จะร่วงลงไปนอนกองกับพื้น
ตอนนี้หานเซิ่นได้แต่คิดว่า ‘วิทยาศาสตร์เฮงซวย ฉันก็คิดว่าแกจะได้ผลซะอีก ฉันมันไร้เดียงสาเกินไปที่หลงเชื่อมัน! สมองของฉันปวดไปหมดแล้ว’
เนื่องจากครั้งนี้หานเซิ่นจับด้ามจับสีเงินเอาไว้แน่น การช็อตของไฟฟ้าจึงรุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ หานเซิ่นใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่สติของเขาจะคืนกลับมาอย่างเต็มที่ เมื่อเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาก็ยกหัวขึ้นมาเพื่อมองไปรอบๆ เขารู้สึกตัวว่าเจ้ากิเลนโลหิตลากตัวเขาออกมาจากกระดูกขาวที่หล่นลงมาทับตัวของเขา
โชคดีที่เจ้ากิเลนโลหิตไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไรต่อเขา ถึงเขาจะถูกเจ้ากิเลนโลหิตคาบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
‘ที่มันลากเราออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’ หานเซิ่นคิดอย่างอับเฉา เขาพักต่ออีกหน่อย ขณะที่ร่างกายของเขาใกล้จะพื้นตัวอย่างเต็มที่
เจ้ากิเลนโลหิตมองหานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นเด็กไม่ดี สายตาของมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกอับอาย
“นายคิดว่าฉันเอาอาวุธนั่นออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรอ? ฉันจะไม่ยอมรับเรื่องนั้นเด็ดขาด!”
หานเซิ่นลุกขึ้นมาและมองไปที่ด้ามจับด้วยความโมโห แต่เมื่อเขานึกถึงอากาศปวดชาทั่วร่างกายแล้ว เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะพยายามจับมันอีกครั้ง
‘ถึงเราจะทำมันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้ตัวคนเดียว เรามีความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้นมันไม่มีอะไรต้องกลัว?” หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเป่าเอ๋อออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา
“เป่าเอ๋อ หนูเห็นอาวุธที่ยื่นออกมาจากหลังของกิเลนนั่นไหม? มันถูกปกป้องด้วยสายฟ้าที่ทรงพลังมากๆ ดังนั้นพ่อจึงนำมันออกมาไม่ได้ หนูพอจะนำมันออกมาให้พ่อได้ไหม?” หานเซิ่นยิ้มให้กับเป่าเอ๋อขณะที่พูด
ดวงตาของเป่าเอ๋อเบิกกว้างเมื่อเธอมองไปที่อาวุธนั่น เธอคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ไม่ได้”
“ไม่มีทาง! หนูเองก็ดึงมันออกมาไม่ได้เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเป่าเอ๋อยอมรับตรงๆว่าไม่สามารถทำอะไรบางอย่างได้
เป่าเอ๋อกระพริบตาและพูด “มันมีบางอย่างผิดปกติกับอาวุธนั่น วิญญาณของมันยุ่งเหยิงมากๆ มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปสัมผัสมัน หนูจะถูกช็อตถ้าหนูไปดึงมันออกมา”
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แม้แต่เป่าเอ๋อก็เอาอาวุธนั่นออกมาไม่ได้ มันไม่มีหวังที่จะดึงอาวุธนั่นออกมาจริงๆ
แต่หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา “พ่อไม่ให้จิ้งจอกสีเงินลองดู มันมีพลังธาตุสายฟ้า ดังนั้นมันอาจจะมีวิธีดึงอาวุธนั่นออกมา”
“นี่เราลืมจิ้งจอกสีเงินไปได้ยังไง!” หานเซิ่นตบหัวของตัวเอง สายฟ้านั้นคงจะต้องช็อตสมองของเขา และทำให้เขาลืมจิ้งจอกสีเงินไปซะสนิท
หานเซิ่นรีบปล่อยจิ้งจอกสีเงินออกมา ทันทีที่จิ้งจอกสีเงินปรากฏตัวออกมา เขาก็กอดมันเอาไว้ หลังจากนั้นก็บินขึ้นไปบนหลังของกิเลนสีดำ
“จิ้งจอกสีเงิน อาวุธนั่นมีพลังสายฟ้าอยู่ ฉันสัมผัสมันไม่ได้ นายคิดว่านายจะนำมันออกมาได้ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่ชี้ไปที่ด้ามจับสีเงิน
จิ้งจอกสีเงินกระโดดลงจากอ้อมแขนของหานเซิ่น มันเดินอย่างสง่างามไปรอบๆด้ามจับสีเงิน ขณะที่ดวงตาสีเงินของมันจับจ้องไปที่โลหะสีเงินนั่น
ทันใดนั้นจิ้งจอกสีเงินก็หยุดนิ่งไป ร่างกายของมันเริ่มปะทุด้วยสายฟ้าสีเงิน สายฟ้านั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและร่างกายของจิ้งจอกสีเงินก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น หางสายฟ้าสิบหางด้านหลังจิ้งจอกสีเงินแกว่งไปมาราวกับหัวของไฮดรา
วินาทีต่อมา จิ้งจอกสีเงินที่มีร่างเป็นสายฟ้าก็อ้าปากของมัน มันงับไปที่ด้ามจับสีเงินและพยายามจะดึงมันออกมาจากหลังของกิเลนสีดำ
ด้ามจับสีเงินปล่อยสายฟ้าเข้าใส่จิ้งจอกสีเงิน และพลังสายฟ้าทั้ง 2 ก็ปะทะกัน มันดูเหมือนกับว่าพลังสายฟ้าทั้ง 2 กำลังระเบิดเมื่อสัมผัสซึ่งกันและกัน
สายฟ้าของด้ามจับไม่ได้ส่งจิ้งจอกเงินกระเด็นออกไปเหมือนกับหานเซิ่นและกิเลนโลหิต จิ้งจอกสีเงินคาบด้ามจับเอาไว้แน่นและเริ่มค่อยๆดึงด้ามจับออกมาจากหลังของกิเลนสีดำ
ภายในประกายของสายฟ้าสีเงิน จิ้งจอกสีเงินก็ค่อยๆดึงด้ามจับออกมาและอาวุธก็เริ่มเผยให้หานเซิ่นเห็นอย่างช้าๆ