“อย่าบอกข้านะว่าหานเซิ่นเป็นชื่อปลอมของเจ้า” ราชินีจิ้งจอกพูดพร้อมกับยิ้มให้หานเซิ่น
“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ส่วนซานมู่เป็นชื่อเล่นของข้า ญาติๆและเพื่อนสนิทของข้าจะเรียกข้าด้วยชื่อนั้น” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
ราชินีจิ้งจอกกรอกตาของเธอ แต่เธอไม่คิดจะพูดถึงมันไปมากกว่านั้น เธอหันกลับไปมองที่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น
“แล้วพวกเจ้าล่ะเป็นใครกัน?”
ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด “พวกเราคือหน่วยอัศวินไอซ์บลูของเอ็กซ์ตรีมคิง ได้โปรดอย่าได้เข้าใจเจตนาพวกเราผิดไป พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อจับตัวคนทรยศเท่านั้น พวกเราไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินท่าน!”
“เขาทำอะไร พวกเจ้าถึงต้องการตัวเขามากขนาดนั้น?”
ราชินีจิ้งจอกถามด้วยความสงสัย “นี่ถือเป็นทีมออกล่าที่ใหญ่พอดู”
ราชาอัศวินไอซ์บลูและเอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว พวกเขาจงใจบอกเธอว่าพวกเขามาจากเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งนั่นเป็นชื่อที่หวาดกลัวไปทั่วทั้งจักรวาล
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นใบหน้าของราชินีจิ้งจอก พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว การพยายามข่มขู่เธอด้วยชื่อของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นล้มเหลวไม่มีชิ้นดี
จิ้งจอกเปลี่ยนร่างไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อะไร และถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นจิ้งจอกเปลี่ยนร่างระดับเทพเจ้า อีกฝ่ายก็ควรจะต้องหวาดกลัวต่อชื่อของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ดี แต่ทว่าราชินีจิ้งจอกนั้นไม่ได้กระวนกระวายอะไร
พวกเขาไม่รู้ว่าราชินีจิ้งจอกถูกกักขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะขึ้นมายิ่งใหญ่ ชื่อของพวกเขาจึงไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอ เพราะพวกเขาเป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์เล็กๆในยุคสมัยของเธอ
“เขาคือคนทรยศของหน่วยอัศวินไอซ์บลู แต่เขาเป็นคนที่หนีเก่งและมันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่จะจับตัวของเขา พวกเราตามรอยของเขาจนมาถึงที่นี่ มันไม่เคยอยู่ในเจตนาของพวกเราที่จะละเมิดท่าน” เอ็ดเวิร์ดพูด
หานเซิ่นและราชินีจิ้งจอกเพียงแค่แลกเปลี่ยนคำพูดกันไม่กี่คำต่อหน้าของเอ็ดเวิร์ด แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่อบอุ่นนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดถึงโบราณวัตถุ
หานเซิ่นต้องเก็บโบราณวัตถุเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีโอกาสอยู่ แต่ถ้าเอ็ดเวิร์ดพูดถึงโบราณวัตถุและมันถูกสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเอาไป พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสชิงมันกลับคืนไปได้
ใบหน้าของราชินีจิ้งจอกดูนิ่งสนิทราวกับก้อนหิน เธอถือเชือกและใช้มันฟาดใส่เอ็ดเวิร์ดที่ตอนนี้กำลังถูกห้อยกลับหัวอยู่บนอากาศ ใบหน้าของเอ็ดเวิร์ดเกิดเป็นแผลยาวที่ลึกเข้าไปจนเผยให้เห็นกระดูกหัวกะโหลกของเขา เลือดเริ่มไหลลงมาตามเส้นผมของเขา
ทุกคนตกตะลึง ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรสักคำ ขณะที่เธอยังคงฟาดใส่เอ็ดเวิร์ดต่อไป ในเวลาอันสั้นร่างกายของเอ็ดเวิร์ดก็เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
“ข้าโกหกคนอื่นมาก่อนที่ทวดของพวกเจ้าจะเกิดมาด้วยซ้ำ และเจ้าคิดว่าหลอกข้าได้อย่างนั้นหรอ? เจ้าอยากจะตายมากสินะ?”
สายตาของราชินีจิ้งจอกดูเลือดเย็นขณะที่เธอมองไปที่เอ็ดเวิร์ด
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ทำไมพวกเจ้าถึงไล่ล่าเขา?”
“เขาขโมยบางสิ่งที่สำคัญมากๆไปจากพวกเรา! นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราไล่ล่าเขา” เอ็ดเวิร์ดพูด
“สิ่งนั้นคืออะไร?” ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้ว
“พวกเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร!” ขณะที่ราชินีจิ้งจอกกำลังจะขยับมืออีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดก็พูดต่อในทันที
“พวกเราพบเมืองโบราณแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย หานเซิ่นแอบเข้าไปข้างในและขโมยสิ่งของอย่างหนึ่งมาจากที่นั้น แต่พวกเราไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ถ้าท่านอยากจะรู้ว่าเขาขโมยอะไรไป แบบนั้นท่านก็ต้องไปถามเขา”
ราชินีจิ้งจอกมองเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นอย่างละเอียด หลังจากนั้นเธอก็หันมาหาหานเซิ่น เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“น้องชายของข้าทำได้ดีมาก ดูเหมือนเจ้าจะได้รับของบางอย่างมาจากเมืองที่เจ้าพูดถึงสินะ ดีมากๆ”
“ข้าได้นำบางสิ่งมาจากเมืองโบราณนั่นจริงๆ” หานเซิ่นพยักหน้า
“มันอยู่ที่ไหนกัน?” ดวงตาของราชินีจิ้งจอกดูแหลมคม สิ่งที่เป็นของผู้นำเซเคร็ดนั้นเป็นอะไรที่ล่อตาล่อใจแม้แต่เธอเองก็ตาม
หานเซิ่นยิ้ม เขาไม่คิดจะมอบแผ่นหินนั่นให้กับใครทั้งนัก
“พี่สาว สิ่งไหนที่ท่านต้องการมากกว่า ของนั่นหรืออิสรภาพ?”
“ข้าเป็นคนที่โลภมาก ข้าต้องการทั้งอิสรภาพและของสิ่งนั้น”
ทันใดนั้นพลังเชือกของราชินีจิ้งจอกก็พุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นพุ่งออกไปสู่ห้องโถงด้านข้างและคิดจะหนีเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรก
ในจังหวะที่หานเซิ่นปรากฏภายในห้องโถง พลังเชือกของราชินีจิ้งจอกก็มาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ทันใดนั้นรังนกก็ปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น ภายในรังนั้นมีไข่สีแดงฟองหนึ่งอยู่
เชือกพลังของราชินีจิ้งจอกสามารถรัดตัวยอดฝีมือระดับครึ่งเทพได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อมันสัมผัสกับรังนกนั่น มันก็ขาดอย่างง่ายดายราวกับเส้นด้าย
ขณะที่การโจมตีของราชินีจิ้งจอกสลายไป หานเซิ่นก็กระพือปีกและเทเลพอร์ตหนีเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรก
ราชินีจิ้งจอกรู้สึกแปลกใจ เมื่อเธอตามเขาเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ หานเซิ่นก็หายตัวไปแล้ว เธอมีพลังและพื้นที่ที่จำกัดในที่แห่งนั้น เธอทำได้แค่ยืนอยู่บนภูเขาหัวกะโหลกและมองไปรอบๆ เธอไม่สามารถไล่ตามเขาไปไกลกว่านั้นได้
“หานเซิ่น เจ้าอยากจะแก่ตายอยู่ในไวท์โบนเฮลล์หรือยังไง?” ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาขณะที่มองไปรอบๆ
“มันยังมีหนทางตายที่เลวร้ายยิ่งกว่าการตายด้วยกันกับผู้หญิงที่งดงามอย่างท่าน” หานเซิ่นยืนอยู่บนยอดเขาที่ห่างไกลและยิ้มให้กับราชินีจิ้งจอก
ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรอีก เธอกลับเข้าไปในปราสาท
เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท ราชินีจิ้งจอกก็มองไปที่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ เธอสะบัดมือและโยนทุกคนยกเว้นกุนซือไวท์ไปหน้าประตูโครงกระดูกนรก
“นำตัวหานเซิ่นและของสิ่งนั้นกลับมาให้ข้า หรือไม่ก็ตายอยู่ที่นี้” ราชินีจิ้งจอกสั่งเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆ
ขณะที่คนอื่นๆลุกขึ้นมาอย่างลำบากลำบนและเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ ราชินีจิ้งจอกก็หันกลับไปหากุนซือไวท์
“เจ้ารู้วิธีที่จะทำลายการป้องกันของที่นี่อย่างนั้นสินะ?”
“ข้าพอจะรู้อะไรนิดหน่อย” กุนซือไวท์พยักหน้า
“การบังคับให้ประตูทางเข้าของปราสาทเปิดออก… นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ราชินีจิ้งจอกยิ้มออกมา
เมื่อหานเซิ่นเห็นเอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆเข้ามาในไวท์โบนเฮลล์ เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบถอยหนีไปหากิเลนโลหิตในภูเขาดอกบัวทันที
เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆมองโลกกระดูกขาวรอบๆโดยพูดไม่ออก พวกเขาตกตะลึงไม่ต่างจากตอนที่หานเซิ่นเข้ามาในนี้เป็นครั้งแรก
ครามทำสมาธิขณะที่เปิดใช้งานพลังพิเศษของเขา และไม่กี่วินาทีเขาก็สัมผัสได้ว่าหานเซิ่นกำลังแอบหนีไปที่ภูเขาดอกบัว “เขาอยู่ที่นั่น!”
“ไปกันเถอะ!” ราชาอัศวินไอซ์บลูออกคำสั่ง และพวกเขาทั้งหมดก็ทะยานออกไปเพื่อจับตัวหานเซิ่น
ไวท์โบนเฮลล์นั้นกว้างใหญ่ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวหานเซิ่นได้พบอีกครั้ง ถ้าหานเซิ่นหนีห่างไปจากพวกเขาไกลเกินไป
และเนื่องจากการถูกข่มขู่โดยราชินีจิ้งจอก ตอนนี้พวกเขามุ่งมั่นยิ่งขึ้นที่จะนำโบราณวัตถุนั้นกลับไปให้ได้
ราชาอัศวินไอซ์บลูเป็นคนที่รวดเร็วที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงไปถึงภูเขาดอกบัวก่อนเป็นคนแรก แต่ทว่าในจังหวะที่เขากำลังจะเข้าไปในภูเขานั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงลมปราณโลหิตที่พุ่งขึ้นมาจากยอดภูเขาดอกบัว
เขามุ่งหน้ามาด้วยความเร็วเต็มกำลัง และนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหันได้ เขารวบรวมพลังของตัวเองและส่งคลื่นดีปบลูอะบิสไปปะทะกับคลื่นสีแดง
ตูม!
ลมปราณโลหิตฉีกผ่านชุดเกราะของราชาอัศวินไอว์บลูไป และเลือดก็เริ่มจะพุ่งออกมาจากอกของเขาด้วยความเร็วที่ไม่เป็นธรรมชาติ มันเหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างกำลังดูดเลือดออกมาจากตัวของเขา