“ไม่ล่ะ ข้าจะหาทางเอามันออกด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา
กุนซือไวท์ส่ายหัวและยิ้มออกมา “เจ้าควรจะสัมผัสได้แล้วว่านี่ไม่ใช่ผลไม้ธรรมดาๆ มันจะล็อคเจ้าอยู่กับที่โดยที่ไม่มีหวังที่จะหนีไปได้ แม้แต่พละกำลังของกิเลนโลหิตก็ไม่อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้”
“เจ้ารู้จักสิ่งนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
กุนซือไวท์มองไปที่ต้นไม้และพูด “ต้นไม้นี่ถูกรู้จักกันในชื่อต้นผลไม้สมบัติเงิน มันเป็นหนึ่งใน 2 ต้นผลไม้สมบัติ มันเป็นพืชซีโน่จเนอิคระดับเทพเจ้า ตำนานบอกเอาไว้ว่าต้นผลไม้สมบัติทั้ง 3 ถูกปลูกอยู่ในสวนของผู้นำเซเคร็ด และต้นผลไม้สมบัติทั้ง 3 มีเพียงแค่หนึ่งเดียวในจักรวาลแห่งนี้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะมายืนอยู่ตรงหน้าหนึ่งในพวกมัน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูดต่อ “ต้นผลไม้สมบัติทั้งหมดที่ข้าพูดถึงคือต้นผลไม้สมบัติทองแดง ต้นผลไม้สมบัติเงินและต้นผลไม้สมบัติทอง พวกมันมีพลังเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างเดียวที่สำคัญในตอนนี้ก็คือต้นผลไม้สมบัติเงิน อย่างที่เจ้าเห็น ผลสีเงินของมันตรึงวิญญาณของคนๆหนึ่งได้ และเนื่องจากวิญญาณของเจ้าถูกตรึงเอาไว้ มันจึงไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช้พละกำลังทุกหยดที่มี เจ้าจะยกมันออกไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มีผลแค่กับเจ้าคนเดียวเท่านั้น และมันก็ไม่ได้แค่ส่งผลกับคนในระดับพลังของเจ้าเช่นกัน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ปล่อยตัวเองจากมันไม่ได้”
หลังจากที่พูดจบ กุนซือไวท์ก็ยิ้มออกมา “แน่นอนว่าผลนี้จะทำงานก็ต่อเมือผลไม้เงินถูกสัมผัสเท่านั้น ยอดฝีมือระดับเทพเจ้านั้นมีประสาทสัมผัสที่บอกให้พวกเขาไม่ไปแตะต้องพวกมัน”
“สิ่งนี้กินไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้ เขาก็คงจะไม่เด็ดมันลงมา
“กิน?” กุนซือไวท์ดูเหมือนแทบจะกั้นหัวเราะไม่อยู่
“นอกซะจากเจ้าอยากจะให้วิญญาณของตัวเองถูกล็อคเอาไว้ตลอดการ ทำไมเจ้าถึงคิดที่จะกินมันเข้าไป?”
ครามหัวเราะออกมา “เจ้าอยากจะกินผลไม้เงินนี่? ข้าเกรงว่าเจ้าจะเป็นคนเดียวในจักรวาลแห่งนี่ที่คิดจะทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นผลไม้อื่นล่ะทำอะไรได้?” หานเซิ่นถาม
หานเซิ่นไม่ได้ถามเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ถ้าพวกเขาพบต้นผลไม้สมบัติเงินที่ในปราสาทนี้ แบบนั้นแล้วต้นผลไม้สมบัติอีก 2 ต้นที่เหลือก็อาจจะอยู่แถวๆนี้เช่นกัน
“นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือขณะนี้เจ้ากำลังถูกตรึงวิญญาณโดยผลไม้เงิน ซึ่งถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากข้า เจ้าก็ต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดการ ปราสาททุกหลังของที่นี่เชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ราชินีจิ้งจอกจะมาเจอเจ้า เจ้าคิดว่านางจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตออกไปจากที่นี่อย่างนั้นหรอ?”
กุนซือไวท์พูด “มอบแผ่นหินมาให้กับข้า และพวกเราจะสำรวจที่นี่ไปด้วยกัน ข้าต้องการสิ่งของแค่อย่างเดียวเท่านั้นและข้าขอเป็นคนเลือกก่อนเป็นคนแรก ข้ายินดีที่จะแบ่งขุนทรัพย์ที่เหลือ”
เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถถามเอาข้อมูลเกี่ยวกับต้นผลไม้สมบัติทองแดงและทองจากกุนซือไวท์ได้ หานเซิ่นก็ถาม “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าต้องการอะไร?”
“ข้าบอกเรื่องนั้นกับเจ้าไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เสียหายอะไรสำหรับเจ้า และมันก็ดีกว่าการอยู่ที่นี่เพื่อรอให้ราชินีจิ้งจอกมาฆ่าเจ้า ข้าพูดถูกใช่ไหม?” กุนซือไวท์พูด
“ถ้านั่นคือข้อเสนอของพวกเจ้าล่ะก็ อย่างนั้นแล้วพวกเจ้าก็ไปเถอะ มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องร่วมมือกัน” หานเซิ่นพูดอย่างหนักแน่น
กุนซือไวท์ขมวดคิ้วและพูด “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าราชินีจิ้งจอกจะไว้ชีวิตเจ้า? จิ้งจอกเปลี่ยนร่างขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อารมณ์ไม่แน่นอน นางอาจจะดีกับเจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันว่านางจะไม่ฆ่าเจ้า”
“ข้ารู้เรื่องนั้น แต่ข้ามีแผนของตัวเอง มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเจ้าต้องมากังวล” หานเซิ่นตอบอย่างมั่นใจ
ครามอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กุนซือไวท์หยุดเขาเอาไว้ กุนซือไวท์หันมามองหานเซิ่นและพูด
“นอกจากข้าจะช่วยให้เจ้าเป็นอิสระแล้ว ข้ายังจะช่วยเจ้าหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและช่วยหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ถึงแม้เจ้าจะไม่หวาดกลัวต่อราชินีจิ้งจอก แต่การติดเหง็กอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นผลดีกับเจ้า เจ้าจะไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งอยู่ที่นี่และมองดูราชินีจิ้งจอกเอาสมบัติทั้งหมดไป”
“พวกเราร่วมมือกันได้ แต่แผ่นหินต้องเป็นของข้า ข้าจะเสนอข้อตกลงแบบเดียวกันให้กับพวกเจ้า แต่ในทางกลับกัน ข้าจะเป็นคนเลือกสิ่งที่ต้องการก่อนเป็นคนแรก” หานเซิ่นยิ้ม
กุนซือไวท์เงียบไปและยิ้มออกมา “ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า”
หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ากุนซือไวท์จะยอมตกลงเร็วขนาดนี้ ครามเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เขาพูดขึ้นมา “มิสเตอร์ไวท์! ทำไมท่านถึง?”
“ไม่เป็นไร ยังไงซะถ้าไม่มีแผ่นหินอยู่ พวกเราก็เข้าไม่ถึงสมบัติที่แท้จริงอยู่ดี” กุนซือไวท์ยกมือขึ้นมาเพื่อหยุดเขาเอาไว้
“ถ้าพวกเจ้าอยากจะร่วมมือ พวกเจ้าบอกข้าก่อนได้ไหมว่าจะเอาผลไม้เงินนี้ออกได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะมองไปที่กุนซือไวท์
“มันไม่ใช่เรื่องยาก ผลไม้เงินมีพลังในการตรึงวิญญาณ แต่ถ้ามันสัมผัสถึงวิญญาณของเจ้าไม่ได้ พลังของมันก็จะหายไปเอง ข้ามีวิชาจีโนอย่างหนึ่งที่ปิดผนึกวิญญาณได้ ข้าจำเป็นต้องปิดผนึกวิญญาณของเจ้าเพื่อเอาผลไม้เงินออก” กุนซือไวท์พูด
“แบบนี้นี่เอง ยิ่งข้าดิ้นรนมากเท่าไร มันก็ยากขึ้นเท่านั้นที่จะเอามันออก” หานเซิ่นรู้สึกตัว
“ถ้าเจ้าเข้าใจ อย่างนั้นพวกเราก็อย่าเสียเวลาอีกเลย พวกเราจำเป็นต้องหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดให้เจอก่อนหน้าราชินีจิ้งจอก ข้าจะลงมือใช้วิชาปิดผนึกวิญญาณช่วยให้เจ้าเป็นอิสระ” กุนซือไวท์พูดขณะที่เริ่มเดินเข้ามาหาหานเซิ่น
“เดี๋ยวก่อน” หานเซิ่นยกมือของเขาขึ้นมา กิเลนโลหิตสไลด์มาข้างหน้าหานเซิ่นและแยกเขี้ยวใส่กุนซือไวท์
“อย่าได้กังวล ข้าไม่ใช่คนที่จะหักหลังคนอื่น ถ้าข้าบอกว่าพวกเราจะร่วมมือกัน ข้าก็จะไม่ผิดคำพูดของตัวเอง” กุนซือไวท์พูด
“กุนซือไวท์ เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า แต่จริงๆแล้วข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า”
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ยืนขึ้นมา เขายกมือขึ้นอย่างง่ายดายและหยิบเงินไซซีขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา
กุนซือไวท์และครามตกตะลึง พวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง หานเซิ่นเมินเฉยต่อพลังของผลไม้เงินได้อย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นไม่รู้ว่าผลไม้เงินทำอะไรได้กันแน่ แต่การได้เรียนรู้ว่าผลไม้เงินมีผลในการตรึงวิญญาณนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง การจะหลีกเลี่ยงผลของมันจริงๆแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายสำหรับหานเซิ่น
ทะเลจิตนั้นแตกต่างไปจากจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ ถ้าสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งสูญเสียจิตวิญญาณของพวกมัน มันก็จะเป็นเหมือนกับว่าพวกมันได้ตายไปแล้ว พวกมันจะสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเองไป
หานเซิ่นจะประสบกับผลที่เหมือนๆกันถ้าทะเลจิตถูกปิด แต่คนปกตินั้นมีวิญญาณแค่ดวงเดียว แต่ทว่าหานเซิ่นมีวิญญาณอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก
หานเซิ่นลดจิตวิญญาณของตัวเองและปล่อยให้วิญญาณอสูรลอยขึ้นมาสู่พื้นผิว หลังจากนั้นเงินไซซีก็จะส่งผลต่อวิญญาณอสูรแทนที่จะเป็นวิญญาณของหานเซิ่น
“พวกเราบอกว่าจะแบ่งกันคนละครึ่ง พวกเจ้าสนใจผลไม้เงินพวกนี้ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่เล่นกับเงินไซซีในมือ
“ข้าปิดผนึกวิญญาณของเจ้าเพื่อทำให้เจ้าเป็นอิสระได้ แต่ข้าสัมผัสกับผลไม้เงินด้วยตัวเองไม่ได้” กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็ขอเอาพวกมันไปทั้งหมด”
หานเซิ่นพูดอย่างร่าเริง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกวัดแกว่งมีดเพื่อตัดผลไม้เงินอีก 7 ลูกที่เหลือลงมา
ด้วยความช่วยเหลือจากกิเลนโลหิต ทำให้เขาสามารถเด็ดเงินไซซีที่เหลือมาได้อย่างง่ายดาย และเขาก็เก็บพวกมันทั้งหมดไป
กุนซือไวท์และครามยังคงขมวดคิ้วด้วยความตกตะลึง ซึ่งมันชัดเจนว่าพวกเขายังคงไม่เข้าใจว่าหานเซิ่นทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเขามองหน้ากันและพบว่าพวกเขาทั้งคู่สับสนเหมือนๆกัน พวกเขารู้สึกสงสัยในตัวหานเซิ่นมากขึ้นกว่าเดิม