Super God Gene – ตอนที่ 2274

ครามเดินไปที่ด้านข้างของรูปปั้น แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ด้วยเหตุนั้นครามจึงเดินต่อไปที่ประตูของห้องโถงหลัก แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน

 

“กุนซือไวท์ ถ้ามันไม่มีผลกระทบต่อพวกเรา พวกเราควรจะเมินเฉยต่อมันไหม?” หานเซิ่นมองไปที่ก้อนหิน

 

กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา “ผู้นำของเซเคร็ดทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้ที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง บางทีพวกเราอาจจะต้องพึ่งมันในภายหลัง และอีกอย่างราชินีจิ้งจอกอาจจะเอามันไป ถ้าพวกเราทิ้งมันเอาไว้ที่นี่”

 

“นั่นมันก็ถูก แต่มันก็มีโอกาสที่ผู้นำของเซเคร็ดจะหลอกพวกเรา? จริงๆแล้วมันอาจจะมีกับดักบางอย่างซ่อนอยู่ภายในก้อนหินก็ได้” หานเซิ่นพูด

 

กุนซือไวท์เงียบไปชั่วครู่ “นั่นก็เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าพวกเราควรจะลองดู ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการจะหลอกพวกเราจริงๆ พวกเราก็อาจจะต้องยอมติดกับดักเพื่อหาคลังสมบัติให้เจอ”

 

“งั้นให้ข้าเป็นคนลองดู” ครามพูด เขารวบรวมแสงสีดำไปในมีดและฟันเข้าใส่ก้อนหิน

 

เคร๊ง!

 

การฟันที่สามารถตัดผ่ามิติได้ปะทะเข้าที่ผิวของก้อนหินและเกิดเป็นเสียงดังขึ้นมา แต่ก้อนหินไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มันไม่มีแต่ร่องรอยของมีดถูกทิ้งเอาไว้

 

ใบหน้าของครามดูดุร้าย แสงสีดำลุกขึ้นมารอบตัวของเขาและเปลี่ยนเป็นเปลวไฟที่มืดมิด ร่างกายของเขาดูเหมือนกับว่าถูกห่อหุ้มด้วยออร่าของปีศาจ แสงสีดำเต้นระบำรอบๆห้องโถง

 

แสงสีดำนั้นเข้าปกคลุมรอบตัวหานเซิ่น และทำให้เขาไม่สามารถเห็นหรือรู้สึกถึงอะไรได้ มันเหมือนกับว่าเขาติดอยู่ในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์

 

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาขยายรังนกเพื่อเป็นโล่ให้กับตัวเองและกิเลนโลหิตเผื่อในกรณีที่ครามเตรียมจะโจมตีพวกเขา

 

‘แสงแห่งเทพของครามปิดประสาทสัมผัสทั้ง 7 ได้หรอเนี่ย พลังของมันคล้ายคลึงออร่าศาสตร์ตงเสวียนของเรา’ ในขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ความมืดก็จางหายไป

 

ครามไม่ได้พยายามโจมตีพวกเขา เมื่อความสว่างไสวกลับมาอีกครั้ง เขาก็กำลังยืนอยู่ข้างๆก้อนหินด้วยท่าทางหมดสภาพ เขาส่ายหัวให้กับกุนซือไวท์ เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขาไม่สามารถทำลายก้อนหินได้

 

“มิสเตอร์ไวท์อยากจะลองดูไหม?” ครามเสนอพูดอย่างมีมารยาท

 

“ไม่ล่ะ ถ้าแม้แต่พลังของเจ้ายังทิ้งร่องรอยไว้บนผิวของมันไม่ได้ อย่างนั้นแล้วหินนี่ก็ไม่ใช่บางสิ่งที่จะทำลายได้ด้วยพละกำลัง” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปตรวจสอบก้อนหิน

 

หานเซิ่นย่อส่วนรังนกและเดินเข้าไปใกล้กับก้อนหิน เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงที่จะตรวจสอบมันอย่างละเอียด

 

ประวัติศาสตร์ของก้อนหินเริ่มถูกแสดงในสายตาของหานเซิ่น และหลังจากผ่านไป 1-2 นาที หานเซิ่นก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจ

 

ต้นกำเนิดของก้อนหินคือถังของของเหลวที่เหนียวหนืดเหมือนกับซีเมนต์ สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับปีศาจตัวหนึ่งถูกโยนเข้าไปในของเหลวนั้น

 

ไม่ว่าปีศาจตัวนั้นจะดิ้นรนยังไง มันก็ไม่สามารถออกมาได้ ปีศาจและของเหลวถูกนำไปเทลงในแม่พิมพ์ และเมื่อเวลาผ่านไปของเหลวก็แข็งตัวจนกลายเป็นก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้

 

กุนซือไวท์มองดูมันอยู่สักพักก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ก้อนหินนี้ดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณของตัวเอง จิตวิญญาณของมันน่ากลัวมากๆ บางทีจิตวิญญาณนั้นจะเป็นกุญแจเพื่อทำลายก้อนหินนี้”

 

“มิสเตอร์ไวท์ คิดว่าพวกเราควรจะทำยังไงดี?” ครามถาม

 

กุนซือไวท์คิดและพูด “ข้าจะลองใช้วิชาปิดผนึกวิญญาณกับมันดู”

 

หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็ยื่นมือไปสัมผัสกับก้อนหิน สัญลักษณ์ประหลาดเรืองแสงขึ้นบนฝ่ามือของเขา สัญลักษณ์นั้นประทับเข้ากับผิวของหิน และทำให้หินที่เงียบสนิท จู่ๆก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เสียงคำรามของปีศาจดังออกมาจากมัน มันเป็นอะไรที่น่ากลัว

 

ภายใต้แสงที่ส่องสว่างออกมาของสัญลักษณ์ หินสีเขียวก็เริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาและย้อมก้อนหินเป็นสีแดง

 

แต่ทันใดนั้นสัญลักษณ์ที่กุนซือไวท์ประทับเอาไว้บนหินก็แตกสลายไป หลังจากนั้นก้อนหินก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง

 

กุนซือไวท์มีสีหน้าที่ซีดเซียว ครามรีบเข้ามาพยุงเขาเอาไว้และถาม

“นายท่าน เป็นอะไรไหม!”

 

“ข้าไม่เป็นอะไร” กุนซือไวท์ส่ายหัว
“จิตวิญญาณภายในหินนี้แข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่วิชาปิดผนึกวิญญาณของข้าก็ไม่ได้ผล ข้ากลัวว่ามันจะเป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า”

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น หานเซิ่นก็ยิ้มออกมา “กุนซือไวท์ ถ้าข้าทำลายหินนี้ได้ ข้าขออะไรก็ตามที่อยู่ข้างในนี้ได้ไหม?”

 

“พวกเราร่วมมือกัน แน่นอนว่าพวกเราจะต้องแบ่งกัน” ครามพูด

 

แต่ทว่ากุนซือไวท์ดูเหมือนจะมีความคิดอย่างหนึ่ง เขายิ้มออกมา
“หานเซิ่น ถ้าเจ้าเปิดมันออกได้ มันก็จะเป็นอะไรที่เสียเปล่า ถ้าจะทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ ถ้าเจ้าเปิดมันได้จริง อย่างนั้นแล้วสิ่งที่อยู่ข้างในทั้งหมดก็เป็นของเจ้า ถ้ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะใช้มันช่วยพวกเราเมื่อถึงเวลาจำเป็น”

 

“แน่นอน” หานเซิ่นเดินเข้ามาตรงหน้าก้อนหิน เขานำเงินไซซีออกมาและวางลงบนก้อนหิน หลังจากนั้นเขาก็ถอยออกมา เขาใช้จิตใจบังคับให้วิญญาณอสูรที่เชื่อมกับเงินไซซีระเบิดตัวเอง

 

หลังจากที่วิญญาณอสูรถูกทำลาย พลังของเงินไซซีก็ตรงเข้าไปในก้อนหินแทน ก้อนหินเริ่มจะสั่นไหวอีกครั้งและมีเสียงคำรามที่น่ากลัวดังออกมาจากมัน หยดเลือดเริ่มปรากฏบนผิวของก้อนหิน

 

เงินไซซีเองก็สั่นไหวเช่นกัน แต่มันไม่ได้หล่นลงมาจากก้อนหินในตำแหน่งที่หานเซิ่นวางมันลงไป

 

“ดูเหมือนว่าผู้นำของเซเคร็ดจะทิ้งต้นผลไม้สมบัติเงินเอาไว้ในปราสาทก่อนหน้านี้โดยเจตนาจริงๆ มันไม่ใช่การวางเอาไว้แบบสุ่มๆ เขาวางมันเอาไว้ที่นั่นก็เพื่อที่ก้อนหินก้อนนี้จะถูกทำลายได้ โชคดีที่หานเซิ่นนำผลไม้เงินมากับเขาด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีหวังจะทำลายก้อนหินก้อนนี้ได้” กุนซือไวท์พูด

 

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน รอยร้าวก็เริ่มแพร่ขยายบนผิวของก้อนหินพร้อมด้วยเสียงแตกร้าว

 

ปัง!

 

ทันใดนั้นก้อนหินก็ระเบิดออก เศษก้อนหินสีแดงชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง เมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้ว หานเซิ่นก็เดินเข้ามาและหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งขึ้นมา

 

มันเป็นลูกคริสตัลสีเขียว มันดูเหมือนจะมีควันอยู่ภายในและหมอกควันภายในนั้นก็หมุนวนด้วยความดึงดูดที่น่าหลงใหล นอกจากนั้นหานเซิ่นยังเห็นตัวอักษรแว็บขึ้นมาภายในหมอกควันนั้น

 

“มันคืออะไร?” ครามถามหานเซิ่นที่กำลังถือลูกคริสตัลอยู่

 

หานเซิ่นยิ้มและเก็บลูกคริสตัลเข้ากระเป๋าไป “กุนซือไวท์พูดไม่ใช่หรอว่าของที่อยู่ภายในก้อนหินจะตกเป็นของข้าน่ะ?”

 

ครามทำเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจ กุนซือไวท์แค่ยิ้มออกมา
“ตอนนี้เจ้าก็ได้มันไปแล้ว พวกเราไปต่อกันเถอะ”

 

หานเซิ่นไม่เชื่อว่ากุนซือไวท์และครามจะรักษาสัญญาของพวกเขา พวกเขาได้เตรียมตัวก่อนที่จะมาที่นี่และพวกเขาก็จะทรยศหานเซิ่น หานเซิ่นเชื่อมั่นในความสงสัยนี้ของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดจะกอบโกยรางวัลให้ได้มากที่สุดตราบใดที่เขายังทำได้

 

หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ไปจากด้านหลังขณะที่ตรวจดูลูกคริสตัลไปด้วย

 

ลูกคริสตัลนั้นดูพร่ามัวมากๆ และหมอกหนาก็เกือบที่จะซ่อนตัวอักษรที่อยู่ภายในจนสนิท แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูมันชัดๆ เขาก็ต้องประหลาดใจกับเนื้อหาที่อยู่ภายใน เนื่องจากมันคล้ายคลึงกับวิชาโลหิตชีพจร

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset