ครามเดินไปที่ด้านข้างของรูปปั้น แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ด้วยเหตุนั้นครามจึงเดินต่อไปที่ประตูของห้องโถงหลัก แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
“กุนซือไวท์ ถ้ามันไม่มีผลกระทบต่อพวกเรา พวกเราควรจะเมินเฉยต่อมันไหม?” หานเซิ่นมองไปที่ก้อนหิน
กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา “ผู้นำของเซเคร็ดทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้ที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง บางทีพวกเราอาจจะต้องพึ่งมันในภายหลัง และอีกอย่างราชินีจิ้งจอกอาจจะเอามันไป ถ้าพวกเราทิ้งมันเอาไว้ที่นี่”
“นั่นมันก็ถูก แต่มันก็มีโอกาสที่ผู้นำของเซเคร็ดจะหลอกพวกเรา? จริงๆแล้วมันอาจจะมีกับดักบางอย่างซ่อนอยู่ภายในก้อนหินก็ได้” หานเซิ่นพูด
กุนซือไวท์เงียบไปชั่วครู่ “นั่นก็เป็นไปได้ แต่ข้าคิดว่าพวกเราควรจะลองดู ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการจะหลอกพวกเราจริงๆ พวกเราก็อาจจะต้องยอมติดกับดักเพื่อหาคลังสมบัติให้เจอ”
“งั้นให้ข้าเป็นคนลองดู” ครามพูด เขารวบรวมแสงสีดำไปในมีดและฟันเข้าใส่ก้อนหิน
เคร๊ง!
การฟันที่สามารถตัดผ่ามิติได้ปะทะเข้าที่ผิวของก้อนหินและเกิดเป็นเสียงดังขึ้นมา แต่ก้อนหินไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มันไม่มีแต่ร่องรอยของมีดถูกทิ้งเอาไว้
ใบหน้าของครามดูดุร้าย แสงสีดำลุกขึ้นมารอบตัวของเขาและเปลี่ยนเป็นเปลวไฟที่มืดมิด ร่างกายของเขาดูเหมือนกับว่าถูกห่อหุ้มด้วยออร่าของปีศาจ แสงสีดำเต้นระบำรอบๆห้องโถง
แสงสีดำนั้นเข้าปกคลุมรอบตัวหานเซิ่น และทำให้เขาไม่สามารถเห็นหรือรู้สึกถึงอะไรได้ มันเหมือนกับว่าเขาติดอยู่ในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาขยายรังนกเพื่อเป็นโล่ให้กับตัวเองและกิเลนโลหิตเผื่อในกรณีที่ครามเตรียมจะโจมตีพวกเขา
‘แสงแห่งเทพของครามปิดประสาทสัมผัสทั้ง 7 ได้หรอเนี่ย พลังของมันคล้ายคลึงออร่าศาสตร์ตงเสวียนของเรา’ ในขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ความมืดก็จางหายไป
ครามไม่ได้พยายามโจมตีพวกเขา เมื่อความสว่างไสวกลับมาอีกครั้ง เขาก็กำลังยืนอยู่ข้างๆก้อนหินด้วยท่าทางหมดสภาพ เขาส่ายหัวให้กับกุนซือไวท์ เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขาไม่สามารถทำลายก้อนหินได้
“มิสเตอร์ไวท์อยากจะลองดูไหม?” ครามเสนอพูดอย่างมีมารยาท
“ไม่ล่ะ ถ้าแม้แต่พลังของเจ้ายังทิ้งร่องรอยไว้บนผิวของมันไม่ได้ อย่างนั้นแล้วหินนี่ก็ไม่ใช่บางสิ่งที่จะทำลายได้ด้วยพละกำลัง” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปตรวจสอบก้อนหิน
หานเซิ่นย่อส่วนรังนกและเดินเข้าไปใกล้กับก้อนหิน เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงที่จะตรวจสอบมันอย่างละเอียด
ประวัติศาสตร์ของก้อนหินเริ่มถูกแสดงในสายตาของหานเซิ่น และหลังจากผ่านไป 1-2 นาที หานเซิ่นก็สะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
ต้นกำเนิดของก้อนหินคือถังของของเหลวที่เหนียวหนืดเหมือนกับซีเมนต์ สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับปีศาจตัวหนึ่งถูกโยนเข้าไปในของเหลวนั้น
ไม่ว่าปีศาจตัวนั้นจะดิ้นรนยังไง มันก็ไม่สามารถออกมาได้ ปีศาจและของเหลวถูกนำไปเทลงในแม่พิมพ์ และเมื่อเวลาผ่านไปของเหลวก็แข็งตัวจนกลายเป็นก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้
กุนซือไวท์มองดูมันอยู่สักพักก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ก้อนหินนี้ดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณของตัวเอง จิตวิญญาณของมันน่ากลัวมากๆ บางทีจิตวิญญาณนั้นจะเป็นกุญแจเพื่อทำลายก้อนหินนี้”
“มิสเตอร์ไวท์ คิดว่าพวกเราควรจะทำยังไงดี?” ครามถาม
กุนซือไวท์คิดและพูด “ข้าจะลองใช้วิชาปิดผนึกวิญญาณกับมันดู”
หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็ยื่นมือไปสัมผัสกับก้อนหิน สัญลักษณ์ประหลาดเรืองแสงขึ้นบนฝ่ามือของเขา สัญลักษณ์นั้นประทับเข้ากับผิวของหิน และทำให้หินที่เงียบสนิท จู่ๆก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เสียงคำรามของปีศาจดังออกมาจากมัน มันเป็นอะไรที่น่ากลัว
ภายใต้แสงที่ส่องสว่างออกมาของสัญลักษณ์ หินสีเขียวก็เริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาและย้อมก้อนหินเป็นสีแดง
แต่ทันใดนั้นสัญลักษณ์ที่กุนซือไวท์ประทับเอาไว้บนหินก็แตกสลายไป หลังจากนั้นก้อนหินก็กลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง
กุนซือไวท์มีสีหน้าที่ซีดเซียว ครามรีบเข้ามาพยุงเขาเอาไว้และถาม
“นายท่าน เป็นอะไรไหม!”
“ข้าไม่เป็นอะไร” กุนซือไวท์ส่ายหัว
“จิตวิญญาณภายในหินนี้แข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่วิชาปิดผนึกวิญญาณของข้าก็ไม่ได้ผล ข้ากลัวว่ามันจะเป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น หานเซิ่นก็ยิ้มออกมา “กุนซือไวท์ ถ้าข้าทำลายหินนี้ได้ ข้าขออะไรก็ตามที่อยู่ข้างในนี้ได้ไหม?”
“พวกเราร่วมมือกัน แน่นอนว่าพวกเราจะต้องแบ่งกัน” ครามพูด
แต่ทว่ากุนซือไวท์ดูเหมือนจะมีความคิดอย่างหนึ่ง เขายิ้มออกมา
“หานเซิ่น ถ้าเจ้าเปิดมันออกได้ มันก็จะเป็นอะไรที่เสียเปล่า ถ้าจะทิ้งมันเอาไว้ที่นี่ ถ้าเจ้าเปิดมันได้จริง อย่างนั้นแล้วสิ่งที่อยู่ข้างในทั้งหมดก็เป็นของเจ้า ถ้ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะใช้มันช่วยพวกเราเมื่อถึงเวลาจำเป็น”
“แน่นอน” หานเซิ่นเดินเข้ามาตรงหน้าก้อนหิน เขานำเงินไซซีออกมาและวางลงบนก้อนหิน หลังจากนั้นเขาก็ถอยออกมา เขาใช้จิตใจบังคับให้วิญญาณอสูรที่เชื่อมกับเงินไซซีระเบิดตัวเอง
หลังจากที่วิญญาณอสูรถูกทำลาย พลังของเงินไซซีก็ตรงเข้าไปในก้อนหินแทน ก้อนหินเริ่มจะสั่นไหวอีกครั้งและมีเสียงคำรามที่น่ากลัวดังออกมาจากมัน หยดเลือดเริ่มปรากฏบนผิวของก้อนหิน
เงินไซซีเองก็สั่นไหวเช่นกัน แต่มันไม่ได้หล่นลงมาจากก้อนหินในตำแหน่งที่หานเซิ่นวางมันลงไป
“ดูเหมือนว่าผู้นำของเซเคร็ดจะทิ้งต้นผลไม้สมบัติเงินเอาไว้ในปราสาทก่อนหน้านี้โดยเจตนาจริงๆ มันไม่ใช่การวางเอาไว้แบบสุ่มๆ เขาวางมันเอาไว้ที่นั่นก็เพื่อที่ก้อนหินก้อนนี้จะถูกทำลายได้ โชคดีที่หานเซิ่นนำผลไม้เงินมากับเขาด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีหวังจะทำลายก้อนหินก้อนนี้ได้” กุนซือไวท์พูด
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน รอยร้าวก็เริ่มแพร่ขยายบนผิวของก้อนหินพร้อมด้วยเสียงแตกร้าว
ปัง!
ทันใดนั้นก้อนหินก็ระเบิดออก เศษก้อนหินสีแดงชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง เมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้ว หานเซิ่นก็เดินเข้ามาและหยิบสิ่งของอย่างหนึ่งขึ้นมา
มันเป็นลูกคริสตัลสีเขียว มันดูเหมือนจะมีควันอยู่ภายในและหมอกควันภายในนั้นก็หมุนวนด้วยความดึงดูดที่น่าหลงใหล นอกจากนั้นหานเซิ่นยังเห็นตัวอักษรแว็บขึ้นมาภายในหมอกควันนั้น
“มันคืออะไร?” ครามถามหานเซิ่นที่กำลังถือลูกคริสตัลอยู่
หานเซิ่นยิ้มและเก็บลูกคริสตัลเข้ากระเป๋าไป “กุนซือไวท์พูดไม่ใช่หรอว่าของที่อยู่ภายในก้อนหินจะตกเป็นของข้าน่ะ?”
ครามทำเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจ กุนซือไวท์แค่ยิ้มออกมา
“ตอนนี้เจ้าก็ได้มันไปแล้ว พวกเราไปต่อกันเถอะ”
หานเซิ่นไม่เชื่อว่ากุนซือไวท์และครามจะรักษาสัญญาของพวกเขา พวกเขาได้เตรียมตัวก่อนที่จะมาที่นี่และพวกเขาก็จะทรยศหานเซิ่น หานเซิ่นเชื่อมั่นในความสงสัยนี้ของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดจะกอบโกยรางวัลให้ได้มากที่สุดตราบใดที่เขายังทำได้
หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ไปจากด้านหลังขณะที่ตรวจดูลูกคริสตัลไปด้วย
ลูกคริสตัลนั้นดูพร่ามัวมากๆ และหมอกหนาก็เกือบที่จะซ่อนตัวอักษรที่อยู่ภายในจนสนิท แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูมันชัดๆ เขาก็ต้องประหลาดใจกับเนื้อหาที่อยู่ภายใน เนื่องจากมันคล้ายคลึงกับวิชาโลหิตชีพจร