Super God Gene – ตอนที่ 2284

หานเซิ่น อี๋ซาและกิเลนโลหิตถูกครอบด้วยระฆังทองแดงขนาดใหญ่ โซ่สสารสีม่วงของอี๋ซากลายเป็นมีดลมปราณ เธอสะบัดมือเพื่อฟันใส่ผิวของระฆัง แต่มันก็แค่ทำให้มีเสียงดังขึ้นมาเท่านั้น

 

“ระฆังนี่คืออะไรกัน? ทำไมมันถึงมาอยู่ในท้องของวาฬขาวได้? นี่ซีโน่เจเนอิคใช้งานสมบัติซีโน่เจเนอิคได้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแปลกใจ

 

เคร๊ง!

 

ระฆังร่วงลงไปบนอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นมันก็หยุดเคลื่อนไหว อี๋ซายังคงฟันใส่ระฆังด้วยมีดลมปราณ แต่ทันใดนั้นระฆังก็ยกตัวเองขึ้นจากพวกเขา มันบินไปด้านข้างและปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ

 

อี๋ซาใช้พลังของเธอห่อหุ้มหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเพื่อปกป้องพวกเขา

 

เมื่อดูจากทิศทางของระฆัง พวกเขาควรจะกำลังยืนอยู่ในกระเพาะของวาฬขาว ระบบย่อยของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าไม่ใช่บางสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะทนได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็จะถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็ว

 

แต่เมื่อหานเซิ่นและอี๋ซามองไปรอบๆ พวกเขาก็อึ้งไป

 

ที่นี่ไม่ใช่กระเพาะ แต่มันเป็นห้องควบคุมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เทคโนโลยีที่อยู่รอบๆพวกเขาเทียบได้กับสิ่งอยู่ในห้องควบคุมของยานรบระดับสูง

 

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดก็คือทุกอย่างในห้องควบคุมนั้นโปร่งใส พวกเขามองเห็นภายนอกห้องได้ และความรู้สึกจากภาพที่เห็นเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย

 

ถึงแม้ภายนอกของมันจะดูเหมือนกับวาฬ แต่จริงๆแล้วมันถูกควบคุมด้วยเครื่องจักร ทุกชิ้นส่วนภายในตัววาฬทำมาจากคริสตัลหลากสีสัน

 

ทั้งเครื่องปั่น ลูกสูบและการหมุนของเครื่องจักรนาๆชนิดสามารถเห็นได้จากที่ที่พวกเขายืนอยู่

 

“เจ้าตัวนี้มันคืออะไรกัน?” ครั้งนี้หานเซิ่นแปลกใจจริงๆ

 

วาฬขาวดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจากด้านนอก แต่จริงๆแล้วมันเป็นเทคโนโลยีที่น่าพิศวง มันยากที่จะเชื่อได้ว่าเครื่องจักรอันน่าอัศจรรย์แบบนี้จะมีอยู่จริงๆ

 

อี๋ซามองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ ไม่นานดวงตาของพวกเขาก็ไปหยุดอยู่ที่แผงควบคุมของห้องควบคุมหลัก

 

มีคนๆหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลังแผงควบคุม แต่ในตอนนี้มันเหลือเพียงแค่โครงกระดูกที่ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าอยู่เท่านั้น

 

ชุดของคนๆนั้นเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นมาจากเทคโนโลยีชั้นสูง มันไม่ใช่แค่สมบัติชุดเกราะ เมื่อดูจากสไตล์ของชุดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินว่าโครงกระดูกนั้นเป็นของผู้ชายหรือผู้หญิง

 

หลังจากการที่หานเซิ่นและคนอื่นเข้ามาในห้อง ระฆังทองแดงก็ขนาดลดลงอย่างมาก ตอนนี้มันมีขนาดพอๆกับกำปั้นของมนุษย์ และมันก็พักอยู่ตรงนั้นภายในห้องควบคุมหลัก

 

“เทคโนโลยีแบบนี้มีอยู่ที่อื่นภายในจักรวาลจีโนไหม?”
หานเซิ่นมองไปที่อี๋ซา เขาไม่รู้เลยว่าเผ่าพันธุ์ไหนที่ก่อสร้างเทคโนโลยีที่น่าพิศวงนี้ขึ้นมา

 

อี๋ซาส่ายหัว “มันมีเทคโนโลยีมากมายที่มีพลังทำลายล้างระดับเทพเจ้า แต่มีน้อยเทคโนโลยีนักที่จะใช้ในการต่อสู้จริงได้ พวกมันใช้เวลานานเกินไปกว่าจะเล็งและยิงออกไป ดังนั้นพวกมันจึงใช้ในการต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจริงๆไม่ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะถูกใช้ในการโจมตีดวงดาวเท่านั้น เพราะดวงดวงเคลื่อนไหวไม่ได้ ชุดเกราะชีวภาพของมีก้าเองก็เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง พวกมันเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็แตกต่างไปจากสิ่งที่พวกเรากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้”

 

เห็นได้ชัดว่าอี๋ซาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นเดียวกัน

 

‘นี่จะต้องเป็นอีกสิ่งประดิษฐ์หนึ่งของผู้นำของเซเคร็ด เซเคร็ดก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องเทคโนโลยี” หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่เขามองไปรอบๆ

 

เนื่องจากผู้ควบคุมวาฬขาวดูเหมือนจะตายไปแล้ว แล้วอย่างนั้นวาฬขาวยังคงเคลื่อนไหวต่อไปได้ยังไง และอะไรที่ทำให้มันตัดสินใจที่กินกลืนพวกเขาเข้ามาข้างใน?

 

อี๋ซาเดินเข้าไปหาโครงกระดูก เธอสะบัดมือและหนึ่งในโซ่สสารของเธอก็สลายกลายเป็นหมอกควันสีม่วง หมอกควันลอยออกไปหาโครงกระดูกเพื่อทำการค้นร่าง เธอกำลังมองหาข้อมูลหรือเบาะแสบางอย่าง

 

แต่ก่อนที่ที่ลมปราณสีม่วงจะสัมผัสกับโครงกระดูกได้ ระฆังทองแดงก็ลอยขึ้นมาจากแท่นที่มันอยู่และครอบลมปราณสีม่วงของอี๋ซาอย่างรวดเร็ว

 

“ระฆังทองแดงนี้ป้องกันเจ้านายของมันโดยอัตโนมัติ นี่มันเองก็เป็นเทคโนโลยีเหมือนกันหรอเนี่ย?” หานเซิ่นมองไปที่ระฆังทองแดงเก่าๆ

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นและอี๋ซาก็ได้ยินเสียงของเด็กผู้ชาย
“เจ้าน่ะสิเป็นเทคโนโลยี ทั้งครอบครัวของเจ้าเป็นเทคโนโลยี”

 

“นั่นใครกัน?” หานเซิ่นและอี๋ซาตกใจ พวกเขามองไปรอบๆ แต่พวกเขาสัมผัสถึงตัวตนของใครคนอื่นไม่ได้

 

มันมีเพียงแค่โครงกระดูกที่นั่งอยู่ในห้องควบคุมหลักเท่านั้น มันทำให้หานเซิ่นและอี๋ซารู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา

 

“ไม่มีทาง! นี่พวกเราเจอผีอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพึมพำออกมาขณะที่มองไปที่โครงกระดูก เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนโครงกระดูกหลายครั้ง แต่มันก็ไม่มีวี่แววของพลังชีวิต ดังนั้นมันไม่มีทางที่เสียงจะออกมาจากมัน หานเซิ่นจึงคิดได้แค่ว่าพวกเขากำลังพูดคุยอยู่กับผี

 

“เจ้าน่ะสิเป็นผี ทั้งครอบครัวเจ้าเป็นผี” เสียงของเด็กผู้ชายดังขึ้นมาอีกครั้ง และเสียงนั้นก็ดูโมโห

 

ครั้งนี้หานเซิ่นและอี๋ซาระบุแหล่งที่มาของเสียงได้ เสียงนั้นดังมาจากระฆังทองแดง

 

ระฆังทองแดงสั่นไหว สัญลักษณ์ประหลาดเรืองแสงขึ้นมาจากมันและมันก็เปิดดวงตาสีเงินอร่าม

 

ใต้ดวงตาของมันมีช่องว่างอยู่ มันดูเหมือนกับปากที่เปิดๆปิดๆ

 

หานเซิ่นจ้องมองไปที่ระฆังทองแดง ตัวระฆังนั้นดูเหมือนจะกำลังสั่นไหวด้วยความโกรธ

 

“สิ่งของนี้มันคืออะไรกัน?” หานเซิ่นไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไงดี มันไม่มีพลังชีวิต ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันคงจะเป็นสมบัติซีโน่เจเนอิค แต่ตอนนี้มันกำลังพูดออกมาและก็ดูเหมือนว่ามันจะมีบุคลิกภาพทั้งหมดของสิ่งมีชีวิต

 

“เจ้าน่ะสิเป็นสิ่งของ ทั้งครอบครัวของเจ้าเป็นสิ่งของ” ระฆังทองแดงดูโกรธยิ่งกว่าเดิม มันกระโดดขึ้นลงขณะที่ตะโกนออกมา

 

“เจ้าปัญญาประดิษฐ์อย่างนั้นหรอ ดูเหมือนเจ้าจะเป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์ถูกๆสินะ เจ้าถึงพูดได้แต่คำพูดเดิมๆ” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ระฆังทองแดงอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

ระฆังทองแดงเริ่มที่จะตะโกน “เจ้าน่ะสิเป็น…”

 

เสียงของมันตัดขาดไปซะก่อน ถ้ามันยังพูดต่อไป ผู้คนก็จะเชื่อว่ามันเป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์จริงๆ

 

หลังจากที่ตะโกนไปได้ครึ่งหนึ่ง ระฆังทองแดงก็หยุดพูดและสงบสติลงเล็กน้อย หลังจากนั้นมันก็พูดด้วยท่าทางที่ดูอวดดี
“สิ่งมีชีวิตปัญญาต่ำทั้งหลาย ฟังข้าให้ดี! ชื่อเจ้านายของพวกเจ้าคือบิ๊กคิงเบลล์”

 

หลังจากนั้นบิ๊กคิงเบลล์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มันมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“เจ้านายของเจ้าไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset