Super God Gene – ตอนที่ 2287

ตูม!

หานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีเสียงดังขึ้นมาขัดเขาซะก่อน หลังจากนั้นวาฬขาวก็พลิกตัวอย่างกะทันหันและเริ่มจะจมลงในทะเล

 

พลังที่เลวร้ายมากมายพุ่งเข้ามาถูกวาฬขาวอย่างต่อเนื่องและแต่ละครั้งก็เหมือนกับว่ามีฟ้าผ่าลงมาใส่

 

โชคดีที่วาฬขาวทนทานอย่างมาก คลื่นกระแทกที่เกิดจากการต่อสู้ของอี๋ซาและราชินีจิ้งจอกไม่เพียงพอที่จะทำลายมัน แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระแทกก็ผลักมันให้จมลึกลงไปในทะเล

 

ตูม!

วาฬขาวสั่นสะเทือนราวกับว่ามันเพิ่งจะถูกชนกับอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินสิ่งของบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่ถูกทำลาย จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไปและวาฬขาวก็ไม่ได้ถูกซัดกระเด็นไปมาอีก

 

เมื่อมองผ่านดวงตาของวาฬขาวออกไป พวกเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากน้ำทะเลและกองหิน มันดูเหมือนกับว่าวาฬขาวจะถูกทับด้วยกองก้อนหิน

 

น้ำทะเลรอบๆพวกเขาซัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้พวกเขาจะลงมาลึกมากพอสมควรแล้ว แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงการต่อสู้อยู่ดี พวกเขายังคงเห็นคลื่นกระแทกพุ่งเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ทว่าแรงสั่นสะเทือนนั้นเบาบางลงไปมาก และตอนนี้เมื่อวาฬขาวถูกทับด้วยก้อนหิน มันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนอีก นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

 

“วาฬขาวนี้เป็นเครื่องจักร!” ครามมองไปรอบๆห้องควบคุมหลักด้วยความแปลกใจ เรื่องนี่นั้นอยู่เหนือจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้

 

กุนซือไวท์มองไปรอบๆด้วยความสนใจ

 

บิ๊กคิงเบลล์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของยังสามารถควบคุมวาฬขาวได้ ดังนั้นหานเซิ่นคิดว่ากุนซือไวท์เองก็สามารถทำได้เช่นกัน

 

ไม่ว่าใครก็สามารถควบคุมเครื่องจักรแบบนั้นได้ ตราบใดที่มันไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ เพราะยังไงมันก็ควรจะทำงานในหลักการเดียวกันกับเครื่องจักรอื่นๆ

 

“อย่าแตะต้องมัน!” กุนซือไวท์ตะโกนขณะที่หานเซิ่นกำลังจะเคลื่อนย้ายโครงกระดูกบนเก้าอี้บัญชาการ

 

หานเซิ่นหยุดและรอให้กุนซือไวท์กับครามเข้ามาในห้องควบคุม

 

“กุนซือไวท์ เจ้ารู้อะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

กุนซือไวท์มองไปที่โครงกระดูกและพูด “ถ้าข้าเข้าใจถูกต้องล่ะก็ โครงกระดูกนี้คือกุญแจที่จะทำให้เราควบคุมวาฬขาวนี้ได้”

 

หานเซิ่นแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาเห็นบิ๊กคิงเบลล์กระโดดไปมาบนแผงควบคุม แต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับมันมาก เนื่องจากเจ้าระฆังนั้นสามารถควบคุมวาฬขาวได้

 

แต่ตอนนี้หานเซิ่นเห็นในสิ่งที่มองข้ามไป บิ๊กคิงเบลล์ต้องใช้วาฬขาวนี่มาเป็นเวลานานแล้ว แต่มันก็ยังไม่เคลื่อนย้ายโครงกระดูกไปที่อื่น มันต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่

 

“กุนซือไวท์ เจ้าคิดว่าเทคโนโลยีนี่มาจากที่ไหนกัน?” หานเซิ่นถาม

 

กุนซือไวท์ส่ายหัว “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นอะไรแบบนี้ ข้าไม่รู้วิธีที่จะควบคุมมันเช่นกัน”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็มองไปที่โครงกระดูกและพูด
“แต่เมื่อดูจากชุดของโครงกระดูกนี่แล้ว คนๆนี้ต้องเชื่อมต่อกับระบบควบคุมของเครื่องจักรนี่ โครงกระดูกของเขาจะต้องเป็นกุญแจที่ใช้ควบคุมวาฬขาวนี้ แต่ข้าบอกไม่ได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราเคลื่อนย้ายมัน”

 

หานเซิ่นตรวจดูชุดของโครงกระดูก เครื่องแบบของโครงกระดูกเป็นสีเงินและดำ และนอกจากส่วนหัวแล้วทั้งร่างกายของโครงกระดูกถูกรัดแน่น

 

โครงกระดูกสวมหน้ากากโปร่งแสงที่เชื่อมต่อกับเครื่องแบบ มันไม่มีรอยต่อที่มองเห็นได้อยู่เลย

 

หานเซิ่นใช้เวลาสังเกตมันอยู่สักพัก และถึงเขาจะหาการเชื่อมต่อระหว่างเก้าอี้กับเครื่องแบบไม่ได้ แต่เขาก็คิดว่าเครื่องแบบและวาฬขาวต้องเชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูเครื่องแบบ แผงควบคุมและเก้าอี้

 

มันมีโบราณวัตถุที่ทรงพลังมากมายที่วิญญาณอสูรเนตรม่วงไม่สามารถบอกอะไรได้ แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีบางอย่างล่ะก็ วิญญาณอสูรเนตรม่วงก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์อย่างมากในการดูว่ามันถูกสร้างขึ้นมายังไงและจุดประสงค์ของมันคืออะไร

 

ด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นมองเห็นทั้งกระบวนในการสร้างวาฬขาวขึ้นมา สิ่งที่เห็นทำให้หานเซิ่นค่อนข้างประหลาดใจ

 

วาฬขาวเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดที่เคยมีมาอย่างไม่ต้องสงสัย กระบวนการสร้างของมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆและมันก็ยากยิ่งกว่าการสร้างอาวุธระดับเทพเจ้าซะอีก

 

ที่มันซับซ้อนก็เพราะว่ามันมีวิทยาศาสตร์มากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกปัญญาที่เกิดขึ้นมาในแต่ละส่วนจะถูกแก้ไขด้วยใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วย

 

ถ้าหานเซิ่นสามารถวิเคราะห์เทคโนโลยีของวาฬขาวนี้ได้ การจะยกระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหพันธ์ก็จะเป็นเรื่องง่ายมากๆ

 

และนั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุด ขณะที่หานเซิ่นมองดูการสร้างวาฬขาว เขาก็เห็นเงาของด้วง

 

ถึงแม้วาฬขาวจะเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าด้วงของเขา แต่แนวคิดของพวกมันคล้ายคลึงกัน วาฬขาวแค่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเท่านั้น เทคโนโลยีของวาฬขาวล้ำหน้าด้วงของเขาในทุกๆด้าน ทุกรายละเอียดของมันเหนือกว่าด้วงของเขาด้วยเช่นกัน

 

‘นี่คือเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์หรอเนี่ย?’ หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ

 

‘เทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์ก้าวหน้าถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเขาสร้างเครื่องจักรระดับของเทพเจ้าได้เลยหรอเนี่ย? นั่นเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ’ หานเซิ่นคิด

 

นั่นจะอธิบายว่าทำไมคริสตัลไลเซอร์ถึงท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้ทั้งๆที่ขาดแคลนยอดฝีมือระดับเทพเจ้า การมีเทคโนโลยีแบบนี้คงจะมอบความมั่นใจให้กับพวกเขา

 

แต่ท้ายที่สุดแล้วความอวดดีและโอหังของพวกเขาก็นำไปสู่ความล้มเหลว ผลที่ตามมาก็คือทั้งเผ่าพันธุ์เกือบที่จะถูกทำลาย

 

“เป็นอะไรที่น่าเสียดายจริงๆ ถ้าคริสตัลไลเซอร์ท้าชิงเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่ทรงพลังน้อยกว่า พวกเขาก็คงจะจุดดวงไฟในจีโนฮอลล์ได้อย่างแน่นอน และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะก้าวหน้าต่อไปอีก พวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์สูงสุดในจักรวาลจีโน” หานเซิ่นถอนหายใจ

 

แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าถ้าคริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พวกเขาก็จะดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีของพวกเขาต่อไป พวกเขาจะไม่ต้องเปลี่ยนยีนและชีพจรโลหิตของตัวเอง พวกเขาอาจจะไม่ทำการทดลองเกี่ยวกับยีน และถ้าเป็นแบบนั้นมนุษย์ก็จะไม่กำเนิดขึ้นมา

 

“หานเซิ่น เจ้ายังมีโบราณวัตถุอยู่ใช่ไหม?” กุนซือไวท์ถามหานเซิ่น

 

“ทำไมเจ้าถึงถามข้าในเรื่องนี้?” หานเซิ่นหันไปมองกุนซือไวท์

 

กุนซือไวท์ยิ้มและพูด “ข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ก็เพื่อให้เจ้าตามพวกเราได้ และนั่นหมายความว่าข้าจะร่วมมือเจ้าต่อไป ก่อนที่การต่อสู้พวกนางจะรู้ผลแพ้ชนะ พวกเราควรจะรีบไปสำรวจเมืองศักดิ์สิทธิ์กัน”

 

“อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าข้าจะไล่ตามเจ้าได้?” หานเซิ่นถามกุนซือไวท์พร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“เพราะว่าข้าเชื่อในตัวเจ้า” กุนซือไวท์พูด

 

หานเซิ่นจ้องไปที่กุนซือไวท์ เขาไม่เชื่อว่าพวกเขาทั้งคู่จะสนิทสนมอะไรกัน แต่กุนซือไวท์กลับพูดว่าเชื่อมั่นในตัวของเขา หานเซิ่นจ้องมองไปในดวงตาของกุนซือไวท์และยอมรับในความจริงใจของอีกฝ่าย ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อหานเซิ่นมองลึกเข้าไปในดวงตาของกุนซือไวท์ เขามีความรู้สึกที่คุ้นเคย มันเหมือนกับว่าพวกเขาเคยพบกันเมื่อนานมาแล้ว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset