Super God Gene – ตอนที่ 2293

คนที่ถูกล่ามโซ่เดินเข้ามาหาหานเซิ่น ถึงแม้เขาจะเดินอย่างช้าๆ แต่เขาก็เข้ามาใกล้มากแล้ว วินาทีต่อมาเขาก็มายืนอยู่ด้านหลังหานเซิ่น

 

ขณะที่เขาเดินมา เสียงลากโซ่ก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน แต่เมื่อเขามาหยุดอยู่ด้านหลังของหานเซิ่น ทุกอย่างก็เงียบไป หานเซิ่นไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจหรือเสียงหัวใจของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าคนๆนั้นไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว

 

หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อสแกนด้านหลัง แต่เขาก็ต้องตกใจที่พบว่าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนที่ถูกล่ามโซ่อีกแล้ว หานเซิ่นรู้สึกขนลุกขึ้นมา

 

คนที่ถูกล่ามโซ่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา แต่เขาสัมผัสคนที่ถูกล่ามโซ่คนนี้ไม่ได้เลย การที่สัมผัสถึงตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้นั้นทำให้หานเซิ่นตื่นตระหนกอย่างมาก เขาอยากจะวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องร่ายผนึก 4 สัญลักษณ์ ถ้าเกิดเขาทิ้งตำแหน่งของตัวเองไป ผนึก 4 สัญลักษณ์ก็จะพังทลาย ถ้าพวกเขาคนไหนพยายามจะวิ่งหนีไป พวกเขาทุกคนก็จะตายกันหมด

 

รังนกยังคงวางอยู่บนหัวของหานเซิ่น เขาบังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองและคิดกับตัวเอง ‘แกอยู่ด้านหลังของฉันแล้วยังไง? แกไม่มีทางจะทำลายรังนกนี้ได้ ฉันไม่มีอะไรต้องกลัว’

 

หานเซิ่นยืนประจำตำแหน่งและไม่เคลื่อนไหว เขาไม่กล้าจะหันกลับไปมองด้านหลัง เขายังคงปล่อยพลังผ่านสัญลักษณ์นกแดงเพื่อคงผนึกที่กักขังซีโน่เจเนอิคเอาไว้

 

แต่เมื่อหานเซิ่นมองกุนซือไวท์และคนอื่นๆ เขาก็รู้สึกแปลกใจ

 

ใบหน้าของกุนซือไวท์ดูแปลกๆ แต่หานเซิ่นอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก แต่สีหน้าของครามอ่านง่าย เขากำลังตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่ด้านหลังของหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เบิกกว้างราวกับว่าเขาเห็นผี

 

การตอบสนองของกิเลนโลหิตเป็นอะไรที่โอเวอร์มากกว่า มันส่งเสียงคำรามใส่หานเซิ่นราวกับว่ามันเป็นการเตือนที่เร่งด่วน

 

‘นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ด้านหลังของฉัน?’ หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา เขายังคงสัมผัสตัวตนที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ มันเหมือนกับว่าคนที่ถูกโซ่ล่ามไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นผีของคนที่ตายไปแล้ว

 

กุนซือไวท์กลืนน้ำลาย สีหน้าของเขาดูซีดไป แต่เขาก็ยังคงไม่พูดอะไรสักคำ

 

สีหน้าของคนอื่นๆทำให้หานเซิ่นกังวลยิ่งกว่าเดิม เขาอดไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงหันหน้าไปมอง แต่เขาไม่สามารถหันไปได้มากนัก เพราะถ้าเขาขยับมือหรือร่างกาย มันอาจจะทำให้ผนึกถูกทำลายได้ หลังจากที่หันหัวไปด้านซ้าย เขามองไม่เห็นอะไร

 

หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองด้านขวา แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นอะไร หานเซิ่นอยากจะบิดตัวไปมองว่าคนที่ถูกล่ามโซ่นั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาไม่สามารถขยับร่างกายของเขาได้

 

สีหน้าของคนอื่นยังคงไม่เปลี่ยนไป สายตาของพวกเขายังคงจ้องมองไปที่ด้านหลังของหานเซิ่น ซึ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัว

 

‘ฉันมีรังนกปกป้องตัวเองอยู่ ไม่มีอะไรต้องกลัว’ หานเซิ่นกัดฟันและยังคงไม่ขยับไปไหน

 

แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งเป่าลมหายใจมาใส่คอของเขา หานเซิ่นเคยเห็นอะไรที่น่ากลัวมามากมาย ดังนั้นเขาไม่ได้หวาดกลัวอะไรง่ายๆ แต่การที่มองไม่เห็นอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

 

“อย่าขยับ!” กุนซือไวท์พูดกับหานเซิ่น

 

“เขากำลังทำอะไรอยู่ด้านหลัง?” หานเซิ่นถาม เสียงของเขาดูตึงเครียด

 

น่าเสียดายที่กิเลนโลหิตไม่สามารถพูดได้ ถ้ามันพูดได้ล่ะก็ หานเซิ่นก็คงจะถามมัน ครามไม่น่าเชื่อถือพอที่หานเซิ่นจะเสียเวลาไปถามเขา

 

“นั่นมัน… ยากจะอธิบาย” กุนซือไวท์ขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูแย่ มันดูเหมือนกับว่าเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

 

การเห็นกุนซือไวท์ลังเลทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้เลยว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นด้านหลังของเขากันแน่

 

หานเซิ่นไม่คิดว่าครามกับกุนซือไวท์จะโกหกเขา เพราะว่ากลัวเขาจะเคลื่อนไหวและทำให้ผนึก 4 สัญลักษณ์ถูกทำลาย นั่นมันไม่สมเหตุสมผล

 

เพราะถ้าหานเซิ่นถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บ ผนึก 4 สัญลักษณ์ก็จะถูกทำลายอยู่ดี มันไม่มีทางที่พวกเขาจะนิ่งเงียบๆและบอกให้หานเซิ่นไม่ขยับเขยื้อนแบบนี้

 

‘ถ้ามันไม่ได้เป็นอันตรายอะไร ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้น?’ หานเซิ่นสงสัย หลังของเขารู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆ และความกังวลของเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีก

 

กุนซือไวท์และครามยังคงจ้องไปที่ด้านหลังของเขา กิเลนโลหิตก็ยังคงคำรามใส่หานเซิ่นราวกับว่ามันอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา

 

หานเซิ่นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจเรียกเป่าเอ๋อออกมาและขอให้เธอมองดูคนที่อยู่ด้านหลังของเขา

 

เป่าเอ๋อปรากฎบนไหล่ของหานเซิ่น หานเซิ่นพูดกับเธอ
“เป่าเอ๋อ หนูช่วยมองคนที่อยู่ด้านหลังพ่อได้ไหมว่าเขากำลังทำอะไร”

 

เป่าเอ๋อพยักหน้า เธอเอนตัวไปมองด้านหลังของหานเซิ่น เธอสะดุ้งกลับมาด้วยความประหลาดใจและพูด
“พ่อ…ด้านหลังของพ่อ…”

 

“ด้านหลังของพ่อมีอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม

 

“มันมีคนกำลังวาดภาพบนหลังของพ่อ” เป่าเอ๋อพูด

 

“วาดภาพ?” หานเซิ่นอึ้งไปกว่าหนึ่งนาที เขารู้สึกสับสนและเขาก็คิดกับตัวเอง
‘คนที่ถูกล่ามโซ่คนนี้กำลังวาดภาพบนหลังของเรา? นี่เขาเป็นจิตรกรหรือยังไง? นี่เขาชอบวาดภาพบนร่างกายคนอย่างนั้นหรอ? นี่ร่างกายของเราดีเกินไปและเขาอดไม่ได้ที่จะใช้ร่างกายที่ละเอียดอ่อนของเราวาดภาพอย่างนั้นใช่ไหม? ไม่มีทาง! ถ้าเขาชอบวาดภาพบนร่างกายจริงๆ เขาก็ควรจะไปหาสาวสวยๆสิ ทำไมเขาต้องมาวาดภาพบนหลังของเราด้วย?’

 

“เป่าเอ๋อนี่เขากำลังวาดภาพอะไร?” หานเซิ่นรีบถาม เป่าเอ๋อเอนตัวไปมองด้านหลังของหานเซิ่นอีกครั้ง แต่เธอไม่พูดอะไร

 

“เป่าเอ๋อ เขากำลังวาดภาพอะไร?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง เขาไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่ไม่ชอบมันเท่านั้น

 

เป่าเอ๋อดูลังเล แต่สุดท้ายเธอก็พูด “มันดูเหมือน… มันดูเหมือนว่าเขากำลังวาดภาพคนอยู่… ใช่แล้ว ภาพผู้หญิงคนหนึ่ง”

 

“ผู้หญิงคนหนึ่ง? ผู้หญิงแบบไหนอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นรู้สึกอึ้ง โครงกระดูกที่ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนไม่รู้กำลังวาดภาพของผู้หญิงบนหลังของเขา นี่มันน่าขนลุกเกินไปแล้ว และมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

 

ดูเหมือนเป่าเอ๋อไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่เธอเห็นได้ยังไง ด้วยความลังเลเธอพูดขึ้นมา “น่าเกลียด ผู้หญิงที่น่าเกลียด”

 

หานเซิ่นรู้สึกว่าชีพจรของเขาเต้นรัว ตอนนี้นักโทษที่น่าเกลียดกำลังวาดภาพผู้หญิงที่น่าเกลียดบนหลังของเขา นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ปากของหานเซิ่นเปิดกว้าง เขาพยายามจะถามอีกคำถาม แต่เขาไม่รู้ว่าจะถามอะไรดี

 

เป่าเอ๋อสังเกตหลังของเขาเพิ่มอีก และเธอก็พูด “พ่อ เขาวาดต่อไม่ได้อีกแล้ว”

 

“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถามอย่างสงสัย

 

ครั้งนี้เป่าเอ๋อตอบอย่างรวดเร็ว “เลือดของผู้หญิงที่มือของเขากำลังแห้งไป และมันไม่มีอะไรเหลือให้ใช้วาดอีก”

 

“อะไรนะ? เขากำลังใช้เลือดของผู้หญิงวาดภาพบนหลังของพ่อ?”
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด เขาไม่สามารถจินตนาการถึงภาพของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้านหลังได้

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset