Super God Gene – ตอนที่ 2294

“พ่อ ผู้หญิงไม่มีเลือดอีกแล้ว พ่อ… เขาเปิดเอาสมองของผู้หญิง…”
เป่าเอ๋อรายงานเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

 

“เป่าเอ๋อ หยุดมองได้แล้ว!” หานเซิ่นเรียกเป่าเอ๋อกลับมาในอ้อมแขน เขาไม่อยากให้เธอได้เห็นภาพที่น่าสยดสยอง

 

จริงๆเป่าเอ๋ออายุมากแล้วในตอนนี้ แต่ในสายตาของหานเซิ่น เธอยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยเสมอ

 

เป่าเอ๋อกระโดดลงจากไหล่ของหานเซิ่นและนั่งลงในอ้อมแขนของหานเซิ่น เธอมองไปที่ผนึก 4 สัญลักษณ์และซีโน่เจเนอิคที่ถูกขังอยู่ภายในด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

หานเซิ่นยังคงสัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เป่าเอ๋อพูด เขาก็รู้สึกกังวลอย่างมาก สิ่งที่เธอบรรยายให้ฟังนั้นเล่นซ้ำๆในจิตใจของเขา

 

“แมวหยก นี่เจ้ากำลังทำอะไร”!” ในที่สุดหานเซิ่นก็ตะโกนใส่รูปปั้นแมวหยก

 

แต่รูปปั้นแมวหยกดูเหมือนจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว และมันก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆต่อการตะโกนเรียกของหานเซิ่น

 

หลังจากผ่านไปสักพัก เสียงลากโซ่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่มันออกจากบริเวณด้านหลังของหานเซิ่นและค่อยกลับเข้ามาในสายตาของหานเซิ่น คนที่ถูกล่ามโซ่กลับไปทางเดียวกับตอนที่เขามา เขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆและดูใจลอย

 

แต่ทว่ามันมีความแตกต่างอย่างหนึ่ง ในตอนนี้เขากำลังลากศพของผู้หญิงไปด้วย

 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นไม่ใช่ศพของผู้หญิง มันเป็นศพของสิ่งมีชีวิตเพศเมียต่างหาก

 

หานเซิ่นมองไม่เห็นใบหน้าของสิ่งมีชีวิตเพศเมีย เพราะหัวของสิ่งมีชีวิตนั้นถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ มันมีช่องว่างอยู่ในตำแหน่งที่ใบหน้าเคยอยู่ แต่ร่ายกายท่อนบนของเธอเป็นเหมือนกับมนุษย์ ขณะที่ร่างกายท่อนล่างเหมือนกับงู เธอดูเหมือนกับชาวกาน่า แต่เธอมีเขาที่เป็นเกลียวบนหัว ซึ่งต่างไปจากกาน่าคนอื่นที่ไม่มีเขา มันมีสีเงินและมีความยาวประมาณหนึ่งฟุต มันดูเหมือนกับเขาของยูนิคอร์น

 

เกล็ดงูตามร่างกายของเธอเองก็เป็นสีเงินเช่นกัน พวกมันดูสว่างไสวจนทำให้ร่างกายของเธอดูโปร่งใสเล็กน้อย หัวและอกของเธอถูกฉีกจนเป็นรูโบ๋ แต่มันไม่มีเลือดไหลออกมา มันเป็นอย่างที่เป่าเอ๋อบอก เลือดในตัวของเธอเหือดแห้งแล้ว

 

‘การมาของคนประหลาดนั้นมีความหมายอะไรกัน? ทำไมเขาถึงได้วาดภาพของผู้หญิงบนหลังของเรา?’ หานเซิ่นสงสัย ตัวของเขายังคงสั่นเล็กน้อย

 

แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ร่างกายของเขายังคงปกติดี และชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน มันดูเหมือนว่านักโทษที่น่าขนลุกคนนั้นจะจากไปหลังจากที่วาดรูปเสร็จแล้ว

 

ถึงแม้เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปจะเป็นอะไรที่น่าขนลุก แต่คนที่ถูกล่ามโซ่คนนั้นก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าควรจะหยุดคิดเกี่ยวกับมัน

 

“เป่าเอ๋อ หนูช่วยใช้น้ำล้างชุดเกราะให้พ่อหน่อยได้ไหม?”
หานเซิ่นพูดกับเป่าเอ๋อ ถึงแม้ภาพจะไม่ได้เป็นภัยอะไร แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ดีที่มีมันอยู่

 

เป่าเอ๋อกระโดดออกจากอ้อมแขนของหานเซิ่นและเดินไปด้านหลังของเขา แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “มันหายไปแล้ว!”

 

“อะไรหายไปนะ?” หานเซิ่นสะดุ้งเล็กน้อย

 

“ภาพที่เขาวาดตอนนี้หายไปแล้ว” เป่าเอ๋อพูด

 

“มันจะหายไปได้ยังไง?” หานเซิ่นสับสนอย่างมาก
“นี่ภาพวาดถูกละเลงอย่างนั้นหรอ?”

 

เป่าเอ๋อส่ายหัว “มันไม่มีอะไรอยู่บนหลังของพ่อ ตอนนี้หลังของพ่อสะอาดมากๆ มันไม่มีแม้แต่รอยเลือดหลงเหลืออยู่เลย ผู้หญิงที่น่าเกลียดที่เขาวาดหายไปจนหมดแล้ว”

 

หานเซิ่นไม่รู้จะคิดยังไงกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามกุนซือไวท์
“กุนซือไวท์ เจ้ารู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

 

กุนซือไวท์ส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน พวกเราไม่เห็นด้านหลังของเจ้า พวกเราเห็นแค่เขาวาดอะไรบางอย่างลงบนหลังของเจ้าเท่านั้น ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาวาดอะไรลงไป”

 

หานเซิ่นไม่ชอบการที่กุนซือไวท์ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เขาตรวจเช็คร่างกายของตัวเองและรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นตอนนี้เขาต้องลบเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นออกไปจากหัวให้หมด

 

หลังจากนั้นมันไม่มีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น พวกเขาทั้ง 4 ยังคงส่งพลังเข้าไปในผนึก 4 สัญลักษณ์ต่อไป วันเวลาผ่านไปและหลังจากที่ผ่านไปอย่างยาวนาน ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านพ้นวันที่สิบไปได้

 

ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาทั้ง 4 จะเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่อย่างน้อยๆพวกเขาก็รอดชีวิตมาได้ตลอดทั้งสิบวัน

 

ในตอนที่เหล่าซีโน่เจเนอิคแยกย้ายกันกลับไปที่ปราสาทของตัวเองและประตูของปราสาทถูกปิดลง พวกเขาทั้ง 4 ก็เกือบจะทรุดตัวลงไป

 

รูปปั้นแมวหยกยิ้มและเริ่มพูดอีกครั้ง “ยินดีด้วย! พวกเจ้าผ่านการทดสอบของผู้นำเซเคร็ด ตอนนี้พวกเจ้าจะได้รับสมบัติที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยผู้นำของเซเคร็ด”

 

“สมบัติอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่บังคับตัวเองให้เมินเฉยต่อความเหนื่อยล้าของตัวเอง

 

“อยู่ที่นี่” รูปปั้นแมวหยกพูด หลังจากนั้นเสาหยกใต้เท้าของมันก็เริ่มเปิดออกและเผยให้เห็นกล่องหยกเล็กๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาสิ่งที่อยู่ข้างใน

 

หานเซิ่นเริ่มเดินออกไปข้างหน้าเพื่อคว้ากล่องนั้นมา แต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาเหลือบไปเห็นครามถือมีดเล่มหนึ่งอยู่ในมือและฟันมาทางเขา

 

กิเลนโลหิตคำรามออกมาด้วยความโกรธและกระโดดเข้าใส่คราม

 

ความมืดของครามเข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง และดวงตาของหานเซิ่นไม่สามารถมองทะลุผ่านมันได้

 

แต่หานเซิ่นไม่ลังเล รังนกของอันดายอิ้งเบิร์ดยังคงอยู่บนหัวของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพุ่งออกไปหากล่องหยก ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความมืด

 

ภายใต้แสงแห่งเทพของคราม ประสาทสัมผัสทั้ง 7 ของหานเซิ่นถูกปิด แต่เนื่องจากเขามีการป้องกันจากรังนก เขาจึงไม่ได้กังวลอะไรต่อการโจมตีที่ครามปล่อยออกมา

 

แต่วินาทีต่อไป สีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป พลังประหลาดพุ่งลงมาใส่รังนก พลังนั้นล็อครังนกเอาไว้และดึงมันออกไปจากหัวของหานเซิ่น

 

หลังจากนั้นเขาและเป่าเอ๋อก็ถูกมัดด้วยบางสิ่งที่เหมือนกับเชือก เชือกนั้นดึงพวกเขาอย่างรุนแรง

 

เมื่อความมืดจางหายไป หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้เขาและเป่าเอ๋อถูกมัดด้วยเชือกสีขาว และข้างๆตัวเขามีตาข่ายที่กักขังรังนกเอาไว้ภายใน ตะข่ายนั้นต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ถ้ามันสามารถกักรังนกของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเอาไว้ภายในได้

 

ครามถือตาข่ายเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและถือกล่องหยกในมืออีกข้าง

 

“ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้ข้าได้รับสมบัติของผู้นำเซเคร็ด”
ครามพูดอย่างเย็นชากับหานเซิ่น ขณะที่ถือกล่องอย่างสบายใจด้วยมือข้างเดียว

 

“เจ้าเป็นใครกัน?” กุนซือไวท์ขมวดคิ้วใส่คราม

 

ครามยิ้มและพูด “มิสเตอร์ไวท์ ข้าก็คือคราม องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน”

 

“เจ้าดูเหมือนคราม แต่ครามเป็นแค่องครักษ์ระดับราชัน เจ้าไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน ครามนั้นไม่มีตาข่ายนภาขององค์ชายสิบสี่” กุนซือไวท์พูด เขายังคงขมวดคิ้ว

ครามยกมีดหักในมือขึ้นและพูดกับกุนซือไวท์ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ถึงแม้ข้าจะเป็นครึ่งเทพ แต่ข้าก็ยังเป็นองครักษ์ของท่าน แต่นอกจากท่านแล้ว ข้ายังรับใช้องค์ชายสิบสี่ด้วย องค์ชายสิบสี่ต้องการสิ่งนี้ ดังนั้นข้าต้องนำมันกลับไปกับข้าด้วย”

 

“มิสเตอร์ไวท์ พวกเราทั้งคู่ทำงานให้องค์ชายสิบสี่ ท่านช่วยข้าเอาไว้มาก และข้าจะบอกองค์ชายสิบสี่ถึงความช่วยเหลือของท่าน แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราควรจะพูดคุยกัน พวกเราจำเป็นต้องจัดการเขาก่อน” ครามพูด หลังจากนั้นเขาก็ฟันเข้าใส่หานเซิ่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset