Super God Gene – ตอนที่ 2296

หานเซิ่นมองไปที่ชายคนนั้นที่ดูอายุพอๆกับเขา เขาไอออกมาและถามอย่างลังเล

“เอิ่ม ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร?”

 

ในอดีตหานเซิ่นได้รับวิชาลับของสำนักเสวียนมาจากชายคนนี้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่คิดจะรับลูกศิษย์คนไหน และหานเซิ่นยังไปได้รับมรดกของตงเสวียนจือ เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่สำคัญมากกว่าระหว่างทั้งคู่

 

ชายคนนั้นหัวเราะและพูด “ชื่อเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ เมื่อคนๆหนึ่งฝึกมากเท่าข้า พวกเขาก็จะละทิ้งสมญานามของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าควรจะเรียกข้าว่ากุนซือไวท์ต่อไป แบบนั้นตัวตนของข้าภายในเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะไม่ถูกเปิดเผย”

 

“เจ้าจะกลับไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ

 

กุนซือไวท์ยิ้มและพูด “เอ็กซ์ตรีมคิงมีทรัพยากรมากมาย บอกตามตรงมันถือเป็นสถานที่ที่ดีต่อการฝึกฝน แบบนั้นทำไมข้าถึงจะไม่กลับไป?”

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่ถือกล่องหยกอยู่ในมือ

 

ครามตายไปแล้ว และกุนซือไวท์ก็มอบกล่องสมบัติให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นกลัวว่าถ้ากุนซือไวท์กลับไปล่ะก็ เขาจะไม่สามารถรายงายสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์ชายสิบสี่ได้

 

“ทุกอย่างจะจบลงด้วยดีเอง ถ้ามีเวลาให้กับมันมากพอ ใช้หัวใจของเจ้าคิด ฟังและมองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ มันมีทางออกสำหรับทุกปัญหาเสมอ”

หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็มอบการ์ดให้กับหานเซิ่น “นี่คือสิ่งที่ข้าคิดมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าเอามันไปดู แต่จำเอาไว้ว่าอย่าได้เชื่อมั่นในสิ่งใดมากจนเกินไป เจ้าจำเป็นต้องสร้างความคิดเห็นของตัวเองต่อสิ่งต่างๆในชีวิต คนของสำนักเสวียนจำเป็นต้องฝึกด้วยศรัทธาของหัวใจตัวเอง ข้าไม่มีเวลาจะมาดูแลมัน เจ้าถือเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสำนักเสวียน ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะพบหนทางที่จะถ่ายทอดคำสอนของสำนักเสวียนและเทคนิคของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องขอให้ใครเข้าร่วมสำนักเสวียนอย่างเป็นทางการ แต่สำนักเสวียนจะถือว่าโชคดีพอแล้วถ้ามีสัก 1-2 คนอุทิศตัวเองเพื่อเรียนรู้คำสอนของสำนัก”

 

หานเซิ่นไม่ปฏิเสธคำร้องขอนั้น เขารับการ์ดมาด้วยความยินดี เขารู้ว่าตัวกุนซือไวท์เองไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้มากนัก ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้เขาก็คงจะไม่มอบเทคนิคเสวียนเทียนให้กับหานเซิ่น

 

ในโลกนี้มีศาสนาและสำนักอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะสอนแนวทางการปฏิบัติและสิ่งที่พวกเขาควรเชื่อมั่น แต่สำนักเสวียนนั้นจะสอนคนๆหนึ่งถึงวิธีการท่องโลกและหาความเข้าใจโลกนี้

 

ด้วยเหตุนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่สำนักเสวียนจะมีชื่อเสียงขึ้นมา มันไม่ได้ถูกกำหนดตายตัว ดังนั้นมันจึงแข่งขันกับคำสอนของสำนักหรือศาสนาอื่นไม่ได้ นั่นก็เพราะคำสอนนี้ทำให้ผู้คนสับสน ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการความสบายใจ พวกเขาต้องการให้บางสิ่งนำทางพวกเขาผ่านความยากลำบากในชีวิต

 

แต่คำสอนของสำนักเสวียนนั้นบอกให้คิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง คนสำนักเสวียนจะต้องชี้นำชะตากรรมของตัวเองและสำรวจสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ อนาคตนั้นเต็มไปด้วยปริศนาและความไม่แน่นอน มันเป็นอะไรที่ยากลำบาก และผู้คนที่ไม่มีสติปัญญาหรือความอดทนพอจะไม่มีวันผ่านมันไปได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สำนักเสวียนจะถูกลืมเลือน เส้นทางของสำนักเสวียนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครหลายๆคนจะเลือกเดิน

 

หลังจากที่พูดอย่างนั้น กุนซือไวท์ก็มองกล่องหยกในมือของหานเซิ่น

“ถ้าการสันนิษฐานของข้าถูกต้องล่ะก็ กล่องใบนี้ไม่ได้เก็บสมบัติของผู้นำเซเคร็ดเอาไว้จริงๆ มันเป็นแค่สิ่งที่เอาไว้หลอกเท่านั้น สมบัติของจริงยังคงซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์นั่น แต่พลังของพวกเราในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะสำรวจความลับทั้งหมดของเมืองนั้นได้ เมื่อพวกเราทั้งคู่กลายเป็นระดับเทพเจ้าเมื่อไหร่ พวกเราค่อยกลับมาสำรวจเมืองอีกที”

 

“กุนซือไวท์ แล้วรูปภาพบนหลังของข้าล่ะ มันคืออะไรอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นยังคงกังวลเมื่อคิดเกี่ยวกับภาพที่ถูกวาด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่แปลกเกินไป

 

กุนซือไวท์คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดขึ้นมา

“เลือดของแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดีถูกใช้แทนหมึก ภาพๆหนึ่งถูกวาดลงบนหลังของเจ้า แต่ข้าไม่ได้เห็นภาพ ดังนั้นข้าจึงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่อย่าได้กังวลไป เมื่อข้าได้ลองทำการคำนวณถึงอนาคตของเจ้า หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้าย มันยังมีความโชคดีรออยู่ ดังนั้นไม่ว่ารูปปั้นนั้นจะเป็นอะไร มันก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย”

 

“ความโชคดีตามหลังบางสิ่งที่เลวร้าย? นั่นหมายความว่ามันจะมีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตกใจ

 

กุนซือไวท์หัวเราะและพูด “ดูเหมือนเส้นทางของเจ้าจะไม่ใช่อะไรที่ราบรื่น”

 

“มันจะเป็นอะไรที่ดีกว่าถ้าเจ้าไม่บอกข้าตรง ๆ แบบนี้” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา

 

หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็พูดอย่างจริงจัง “ในตอนที่เจ้าติดตามอี๋ซากลับไปที่แนร์โรว์มูน เจ้าควรจะเตรียมตัวเอาไว้ ข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะเรียกตัวเจ้าไปที่อาณาจักรของของพวกเขา”

 

หานเซิ่นรู้สึกสงสัยขึ้นมา ดังนั้นเขาถามว่า “กุนซือไวท์ ทำไมเจ้าถึงได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิงได้?”

 

กุนซือไวท์พูด “ในตอนแรกข้าปลอมตัวเป็นเอ็กซ์ตรีมคิง ก็เพราะข้าถูกดึงดูดด้วยทรัพยากรของพวกเขา แต่หลังจากนั้นข้าได้เรียนรู้บางสิ่งที่น่าสนใจ ข้าจึงอยู่ที่นั่นก็เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับมันเพิ่ม?”

 

“สิ่งที่น่าสนใจอะไร?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง

 

“พวกเรามนุษย์มียีนโลหิตชีพจรของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ ถึงแม้มันจะน้อยนิด แต่มันก็มีอยู่ และนั่นคือเหตุผลที่ข้าปลอมตัวเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง” กุนซือไวท์พูด

 

“ข้าเองก็คาดเดาเอาไว้แบบนั้น” หานเซิ่นพยักหน้า เขาเองก็เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน

 

กุนซือไวท์พูดต่อ “ในตอนที่เอ็กซ์ตรีมคิงกลายเป็นระดับราชัน พวกเขาจะปลุกร่างกายแห่งราชันของพวกเขา ร่างกายแห่งราชันนั้นคล้ายคลึงกับร่างกายขั้นสุดยอดที่พวกเราได้รับภายในก็อตแซงชัวรี่ แต่ทว่ามันมีความแตกต่างอยู่อย่างหนึ่ง ร่างกายขั้นสุดยอดของพวกเราเป็นเอกราช ขณะที่ร่างกายแห่งราชันของพวกเขาไม่เป็นเอกราช”

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ

 

กุนซือไวท์อธิบายต่อ “ที่ข้าจะบอกก็คือร่างกายขั้นสุดยอดของพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา แต่ร่างกายแห่งราชันของพวกเขาดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับพลังลึกลับจากภายนอก ข้ายังสืบเรื่องนี้อยู่ และมันยังมีอีกหลายอย่างคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงอธิบายมันไม่ได้ทั้งหมด”

 

หลังจากพูดคุยกับหานเซิ่นเสร็จ กุนซือไวท์ก็พูดขึ้นมา “ข้าต้องไปแล้ว ถ้าเจ้ามุ่งหน้าไปทางซ้ายในตอนที่ออกไป เจ้าก็ควรจะพบกับอี๋ซาในไม่ช้า”

 

กุนซือไวท์จากไป แต่หานเซิ่นยังคงไม่ออกไปหาอี๋ซา เขาเดินเข้าไปหาโครงกระดูกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บัญชาการของวาฬขาว เขาถอดชุดของโครงกระดูกออก หลังจากนั้นก็เก็บโครงกระดูกใส่ในกล่อง เขามีแผนที่ฝังโครงกระดูกนี้เมื่อกลับไปแล้ว

 

หลังจากที่ปัดฝุ่นออกจากชุดจนสะอาดแล้ว หานเซิ่นก็สวมใส่มัน เขาสวมผ้าปิดตาโปร่งใสบนหัว หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าวิสัยทัศน์ของเขากำลังแพร่ขยายออกไป

 

ความรู้สึกนั้นไม่สามารถอธิบายได้ มันเหมือนกับว่าวาฬขาวกลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของเขา คลื่นของข้อมูลไหลลงผ่านผ้าปิดตาและเข้าไปในจิตใจของเขา

 

ให้พูดง่ายๆก็คือตอนนี้หานเซิ่นสามารถใช้จิตใจควบคุมวาฬขาวได้ การขับเคลื่อนเครื่องจักรนี้ง่ายเหมือนกับการขยับร่างกายของตัวเอง

 

หานเซิ่นขับวาฬขาวตัวใหญ่ไปทางซ้ายและที่นั่นเขาก็พบกับอี๋ซา

 

อี๋ซากำลังว่ายอยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ เมื่อเธอเห็นวาฬขาว เธอก็ว่ายตรงเข้ามา หานเซิ่นรีบออกมาจากวาฬขาวเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

 

“ราชินี แล้วราชินีจิ้งจอกล่ะ?” หานเซิ่นถาม

 

อี๋ซาส่ายหัว “นางหนีไปได้”

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรไปจากที่นี่เช่นกัน ข้าได้สิ่งของจากเมืองศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเรารีบไปกันเถอะ”

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ขับวาฬขาวออกไปจากทะเลสปิริตศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับอี๋ซา

 

เมื่อพวกเขามาถึงเขาวงกต หานเซิ่นก็เก็บวาฬขาวไป

 

วาฬขาวขนาดมหึมานั้นจริงๆแล้วเป็นเหมือนกับด้วงของเขา มันสามารถย่อขนาดของตัวเองได้ มันย่อขนาดจนกระทั่งหายเข้าไปในผ้าปิดตา มันเป็นเหมือนกับวาฬตัวน้อยๆตัวหนึ่งในขวด มันดูเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset