อี๋ซาและหานเซิ่นกลับไปที่ฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู ที่นั่นเขาได้พบกับราชาอัศวินไอซ์บลู มันเห็นได้ชัดว่าราชาอัศวินไอซ์บลูไม่สามารถค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องภายในปราสาทเขาวงกตได้และตัดสินใจเดินทางกลับ
เมื่อเขาเห็นอี๋ซาและหานเซิ่นกลับมาด้วยกัน ดวงตาของราชาอัศวินไอซ์บลูก็เบิกกว้าง
“อี๋ซา! ข้าดีใจจริงๆที่ได้รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่…” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดขณะที่เข้ามาหาเธอ
“ข้ากลัวว่าการที่ข้ารอดมาได้อาจจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้า” อี๋ซาพูด
ราชาอัศวินไอซ์บลูขมวดคิ้ว “อี๋ซา ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น?”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ นั่นหมายความว่าไม่มีใครรังแกลูกศิษย์ของข้าได้ ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมมันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี?” อี๋ซาพูด เสียงของเธอแข็งราวกับหิน
ราชาอัศวินไอซ์บลูดูกระวนกระวาย เขารีบพูดขึ้นมา “ข้าแค่ทำหน้าที่ของตัวเอง! ข้าไม่มีตัวเลือกในเรื่องนี้ มันมีบางสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำ”
“ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับหน้าที่ของเจ้า บอกข้ามาว่าเจ้าลากลูกศิษย์ของข้ามาเข้าหน่วยอัศวินไอซ์บลูใช่หรือไม่?”
อี๋ซาจ้องไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลู
ราชาอัศวินไอซ์บลูดูหม่นหมอง เขารับสารภาพ “ใช่”
“เจ้าคือคนที่พยายามจับตัวเขาใช่หรือไม่?” อี๋ซาถาม
“ใช่” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด
“ถ้าเจ้าดูแลเขาไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงลากลูกศิษย์ของข้ามาถึงที่นี่? นั่นคือวิธีการจัดการหน่วยอัศวินไอซ์บลูของเจ้าอย่างนั้นหรอ?” อี๋ซาพูด
ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่สามารถพูดโต้เถียงอะไรได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
อัศวินไอซ์บลูอีกคนที่ติดตามราชาอัศวินไอซ์บลูก้าวออกมาข้างหน้าและพูดด้วยความโกรธ
“อี๋ซา อย่าเสียมารยาท เจ้าเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินไอซ์บลูคนหนึ่ง เจ้าพูดอย่างนั้นกับกัปตันได้ยังไง?”
“จากนี้ต่อไปข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน่วยอัศวินไอซ์บลูอีก” อี๋ซามองพวกเขาทุกคนด้วยความดูถูก
ราชาอัศวินไอซ์บลูขมวดคิ้วและพูด “อี๋ซา ข้าเข้าใจเหตุผลที่เจ้าจะโกรธ แต่มันมีบางสิ่งที่เจ้าไม่ควรพูดออกมา ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไร พวกเราจะคุยกันภายหลังอย่างลับๆ”
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก หานเซิ่น พวกเราไปกันเถอะ” อี๋ซาหันหลังกลับ
“อี๋ซา! เจ้าอย่าบ้าไปหน่อยเลย หน่วยอัศวินไอซ์บลูมีกฎอยู่ เจ้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยอัศวินไอซ์บลู และเจ้าเกิดมาเพื่อเป็นอัศวินไอซ์บลู นอกจากเจ้าจะตายในนามของอัศวินไอซ์บลู หน่วยอัศวินไอซ์บลูก็จะไม่อนุญาตให้หนึ่งในสมาชิกของพวกเขาทรยศ นอกจากนั้นทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่มีทางปล่อยให้…” เสียงของราชาอัศวินไอซ์บลูตัดขาดไป ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
อี๋ซาระเบิดลมปราณสีม่วงออกมาราวกับปีศาจ เธอปกคลุมทั้งฐานทัพของอัศวินไอซ์บลูด้วยพลังของเธอ ทุกคนภายในฐานทัพดูซีดเซียวในทันที พวกเขาถูกพลังของอี๋ซากดดันจนแทบจะไม่สามารถยืนอยู่ได้
“ระดับเทพเจ้า… เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า” ราชาอัศวินไอซ์บลูและอัศวินไอซ์บลูคนอื่นๆตกตะลึง
“โทษทีนะ เจ้าช่วยพูดให้ข้าฟังอีกครั้งได้ไหม?”
อี๋ซาหันมามองราชาอัศวินไอว์บลูและคนอื่น แม้แต่อัศวินไอซ์บลูระดับราชันก็หน้าซีดไป ตอนนี้ไม่มีใครกล้าจะสบสายตากับอี๋ซา
ราชาอัศวินไอซ์บลูเองก็หน้าซีดเช่นกัน อารมณ์ที่หลากหลายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาและพูด
“ข้ามีเหตุผลของตัวเองที่อยากให้เจ้าอยู่ แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ข้าก็รู้ว่าไม่มีโอกาสจะรั้งเจ้าเอาไว้ที่นี่ได้อีก ถ้าอย่างนั้นข้าอนุญาตให้เจ้าจากไปได้”
อี๋ซาไม่มองราชาอัศวินไอซ์บลูอีก เธอพาหานเซิ่นออกไปจากฐานทัพของอัศวินไอซ์บลู
“ราชินี นั่นมันสุดยอดไปเลย อัศวินไอซ์บลูพวกนั้นต่างก็อวดดีกันทุกคน แต่พวกเขาเตรียมจะฉี่ราดเมื่ออยู่ต่อหน้าบารมีของท่าน” หานเซิ่นบอกเธอขณะที่ขับวาฬขาวไป
หลังจากที่อี๋ซาและหานเซิ่นออกจากฐานทัพของอัศวินไอซ์บลู พวกเขาก็ใช้วาฬขาวเพื่อเดินทางผ่านอวกาศ พวกเขาตรงกลับไปที่แนร์โรว์มูน
อี๋ซากำลังอุ้มเป่าเอ๋ออยู่ เธอป้อนผลไม้ให้กับเป่าเอ๋อขณะที่พูดขึ้นมา
“หน่วยอัศวินทั้งสิบของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกมันฟังดูทรงพลังและเป็นที่เกรงขามทั่วจักรวาลจีโน แต่ภายในเอ็กซ์ตรีมคิงนั้น เหล่าอัศวินเป็นเพียงแค่เบี้ย พวกเขาคอยทำงานสกปรกเล็กๆน้อยๆแค่นั้น พวกเขาไม่ได้รับภารกิจสำคัญอะไร ถ้าสมาชิกคนไหนของหน่วยอัศวินกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกจากหน่วย พวกเขาจะไม่ถูกผูกมัดกับหน่วยอัศวินอีกต่อไป นี่เป็นกฎข้อหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง ราชาอัศวินไอซ์บลูจะฝ่าฝืนเรื่องนั้นไม่ได้”
“กองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างหน่วยอัศวินไอซ์บลูยังถือว่าเป็นแค่เบี้ยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตกใจที่ได้ยินแบบนั้น
“พวกเขาไม่มีสมาชิกคนไหนที่เป็นระดับเทพเจ้า ถ้าเจ้าคิดว่านั่นคือกองกำลังหลักของเอ็กซ์ตรีมคิงแล้วล่ะก็ เจ้าก็ประเมินกองกำลังของพวกเขาต่ำไปอย่างมาก”
อี๋ซายิ้มและพูดต่อ “กองกำลังของเอ็กซ์ตรีมคิงประกอบไปด้วยอัศวินราชวงศ์ พวกเขาจะรับสมาชิกที่เป็นเอ็กซ์ตรีมคิงเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น และแม้แต่สมาชิกใหม่ก็ยังต้องเป็นระดับราชันเป็นอย่างน้อย พวกเขายังมีข้อจำกัดที่สูงในเรื่องสายเลือดและภูมิหลังอีกด้วย”
“นอกจากอัศวินราชวงศ์แล้ว เอ็กซ์ตรีมคิงยังมีหน่วยงานอื่นอีกเช่นกัน พวกมันแค่มีชื่อเสียงน้อยกว่าเท่านั้น เอ็กซ์ตรีมคิงแข็งแกร่งถึงขนาดที่มีน้อยเผ่าพันธุ์นักที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ แม้แต่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงอย่างปราสาทนภาก็ยังไม่มีโอกาสจะต่อกรกับเอ็กซ์ตรีมคิงได้ พวกเขาต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเผ่าเวรี่ไฮเพื่อทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงหลีกเลี่ยงพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่เอ็กซ์ตรีมคิงไม่แตะต้องปราสาทนภา”
“อย่างนี้นี่เอง” หานเซิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นแนร์โรว์มูนเป็นอะไรสำหรับเอ็กซ์ตรีมคิง?”
“พวกเราไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น” อี๋ซาถอนหายใจ หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อ
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าบรรพบุรุษของพวกเราคือทาสรับใช้คนหนึ่งของเฮลล์คิง แต่ยุคสมัยของเฮลล์คิงผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้ผู้ปกครองของเอ็กซ์ตรีมคิงถูกรู้จักกันในชื่อไวท์คิง แนร์โรว์มูนไม่เคยมีสมาชิกระดับเทพเจ้ามาก่อน การที่ข้ากลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ช่วยเปลี่ยนการเมืองของรีเบทอะไร รีเบทไม่มีวันถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์ และพวกเราจะเลือกข้างไม่ได้ พวกเราเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด”
“ตราบใดที่ราชินีอยู่ที่นี่ รีเบทก็จะกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวาล”
หานเซิ่นรีบพูดประจบเธอ อี๋ซาเป็นผู้สนับสนุนของเขา ความปลอดภัยของหานเซิ่นและพวกพ้องก็ขึ้นอยู่อี๋ซา
อี๋ซากรอกตาของเธอ “บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นในแนร์โรว์มูน”
หานเซิ่นบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแนร์โรว์มูน เขาไม่ได้พูดอะไรเกินความเป็นจริง แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของอี๋ซาก็ถมึงทึงหลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด
“พวกเขานำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าไปแบ่งกันเอง? พวกเขาโหดร้ายกับลูกศิษย์เพียงคนเดียวของข้า? พวกเขาจะกล้าดีเกินไปแล้ว”
หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้ง ถ้าเธอพูดแบบนั้น นั่นก็หมายความว่าเขาสำคัญกับเธออย่างมาก
“มันไม่เป็นไรที่พวกเขาจะรังแกลูกศิษย์ของข้า แต่พวกเขากล้ามาขโมยปราสาทของข้าและทำให้ของของข้าต้องแปดเปื้อน อภัยให้ไม่ได้” อี๋ซาพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นรู้สึกซาบซึ้ง แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออก เขาเช็ดจมูกและพูด
“ใช่แล้ว! อภัยให้ไม่ได้ ราชินีจะต้องส่งสอนบทเรียนให้กับพวกเขาทุกคน”