Super God Gene – ตอนที่ 2298

ขณะที่วาฬขาวเดินทางออกจากระบบไอซ์บลู หานเซิ่นก็ขับมันไปยังจุดที่ราชาไนท์ริเวอร์เคยประจำการอยู่ แต่ทว่าเขาไม่เจออะไรที่ผิดปกติ และเขาก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของสีม่วงประหลาดที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึงได้

 

หานเซิ่นยังไปพบกับอัศวินไอซ์บลูคนที่มาประจำการต่อจากราชาไนท์ริเวอร์ แต่อัศวินคนนั้นไม่เห็นอะไรผิดปกติในช่วงที่เขาประจำการอยู่ที่นั่น

 

‘แปลกจริงๆ สีม่วงที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึงคืออะไรกันแน่? ทำไมเขาจะต้องเขียนไดอารี่ด้วยรหัสลับด้วย?’ หานเซิ่นไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นั่นต่อเพื่อหาความจริงเช่นกัน

 

หานเซิ่นขับวาฬขาวตรงกลับไปที่แนร์โรว์มูน ในระหว่างทางเขาไม่ได้เห็นอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งหรือแมงมุมหลุมดำ แต่ทว่าพวกเขาได้เจอกับกุ้งกาแลกติกจำนวนมาก โชคดีที่การโจมตีของกุ้งกาแลกติกไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของวาฬขาวได้ นอกจากนั้นพวกมันก็ไม่ได้เร็วเท่ากับวาฬขาว การมียานอวกาศอย่างวาฬขาวจะทำให้พวกเขาปลอดภัย ตราบใดที่พวกเขาเผชิญกับซีโน่เจเนอิคธรรมดาอย่างกุ้งกาแลกติก ถ้าพวกเขาจะเจอกับปัญหา มันก็คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างอันเดอร์โอเวอร์แบริ่งและแมงมุมหลุมดำเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น หานเซิ่นก็ยังมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอย่างอี๋ซาร่วมเดินทางไปด้วย

 

อี๋ซาและหานเซิ่นสามารถเดินทางออกจากระบบจักรวาลเคออสได้อย่างปลอดภัย และพวกเขาจะกลับถึงแนร์โรว์มูนในเร็วๆนี้

 

“มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ? ทำไมขุนนางทุกคนถึงสั่งให้ไปที่ฟลูมูนฮอลล์?”

 

“นี่เจ้าไม่ได้ยินข่าวอย่างนั้นหรอ? ราชินีแห่งมีดกลับมาแล้ว!”

 

“ราชินีแห่งมีดกลับมาแล้ว? นั่นเป็นไปได้ยังไง? ข้าคิดว่านางตายในระบบจักรวาลเคออสซะอีก”

 

“นั่นคือสิ่งที่ขุนนางคนอื่นก็คิดเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาปล้นมรดกของนางไปอย่างไม่เกรงกลัว แต่นางกลับมาจริงๆ และไม่ใช่แค่นั้น นางกลับมาในระดับเทพเจ้าอีก”

 

“อะไรนะ? นางกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว? นี่มันเยี่ยมไปเลย! ในที่สุดรีเบทของพวกเราก็มียอดฝีมือระดับเทพเจ้าซะที ทีนี้มันจะไม่มีใครกล้ามาดูถูกพวกเราอีก ท่านราชินีแข็งแกร่งที่สุด”

 

“มันอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา แต่สำหรับขุนนางที่แบ่งสมบัติของนางล่ะ? พวกเขาขโมยมรดกของนางและบดขยี้ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ตอนนี้เมื่อนางกลับมาในระดับเทพเจ้า พวกเขาก็คงจะกลัวจนตัวสั่น”

 

“พวกเขาสมควรโดนแล้ว พวกเขาคิดว่าตัวเองสูงส่งจะรังแกใครคนไหนก็ได้”

 

“ข้าดีใจจริงที่ขุนนางพวกนั้นจะได้รับบทเรียนซะบ้าง พวกเขาชอบรังแกพวกเรา ตอนนี้เมื่อปัญหามาถึงตัวพวกเขา พวกเขาก็สมควรโดนแล้ว”

 

ขณะที่ผู้คนของแนร์โรว์มูนกำลังพูดคุยกันถึงการกลับมาของราชินีแห่งมีด การพูดคุยที่จริงจังยิ่งกว่ากำลังเกิดขึ้นในฟลูมูนฮอลล์

 

“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้! อี๋ซา…หานเซิ่นเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง! เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูด

 

ราชาฟลาวเวอร์พูด “อี๋ซา… เจ้าไม่คิดว่านี่จะไม่เหมาะสมไปหน่อยหรอ? เด็กศักดิ์สิทธิ์คือคนที่เก่งที่สุดและเป็นความหวังของเผ่ารีเบท หานเซิ่นไม่ใช่คนเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเราด้วยซ้ำ ถึงแม้พวกเราจะบังคับให้เขามาเป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ ประชากรของพวกเราก็ต้องปฏิเสธการเลือกนี้แน่ๆ”

 

“อี๋ซา ได้โปรดคิดดูอีกทีด้วย!” ราชาแบล็คมูนชอบหานเซิ่น แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นอะไรที่ถูกต้อง

 

ขุนนางทุกคนคัดค้านการตัดสินใจของอี๋ซาที่จะแต่งตั้งหานเซิ่นเป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ภายในฟลูมูนฮอลล์นั้นเต็มไปด้วยเสียงตะโกนที่ดังยิ่งกว่าในตลาด

 

ราชากงล้อจันทรายกมือเพื่อบอกให้ทุกคนเงียบ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่อี๋ซาและพูด
“อี๋ซา พวกเรายินดีจะมอบอะไรก็ตามที่เขาสมควรจะได้รับ แต่ตำแหน่งเด็กศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเกินไป มันมีผลต่อศักดิ์ศรีของเผ่าเรา เจ้าช่วยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกที”

 

“พวกเจ้าพูดกันเสร็จหรือยัง?” อี๋ซานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะประชุม เธอมองขุนนางทั้งหมดที่มารวมตัวกันอย่างเย็นชา

 

ขุนนางทุกคนรู้สึกหนาวขึ้นมา เมื่อสายตาของเธอจ้องมาที่พวกเขาแต่ละคน พวกเขาเงียบไป และแม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันอย่างราชาฟลาวเวอร์ก็ไม่เว้น

 

หลังจากที่ทุกคนพูด อี๋ซาก็พูดอย่างช้าๆด้วยเสียงที่หนักแน่น
“ถ้าข้ายังยืนกรานจะให้หานเซิ่นเป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”

 

“อี๋ซา ถ้าเจ้า… ถ้าเจ้ายังยืนกราน อย่างนั้นแล้วเจ้าก็ต้องอภัยให้พวกเราสำหรับความประพฤติที่ไม่สมควร เหล่าผู้อาวุโสจะไม่มีวันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ และข้าแน่ใจว่าเหล่าราชันในที่นี้เองก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน”
สมาชิกของสภาผู้อาวุโสพยายามจะเกลี้ยกล่อมเธอ “อี๋ซา! ที่พวกเราปฏิเสธการตัดสินใจของเจ้าก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของรีเบท พวกเราจะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราสร้างขึ้นมาเพื่อรีเบทถูกทำลายไม่ได้”

 

“เจ้ากำลังบอกว่าข้าจะทำลายรีเบทอย่างนั้นสินะ?” อี๋ซาถามอย่างเย็นชา

 

“อี๋ซา พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น…” ผู้อาวุโสต้องการจะพูดมากกว่านั้น แต่อี๋ซาขัดเขาเอาไว้ก่อน

 

อี๋ซากวาดสายตามองเหล่าขุนนางและไปหยุดอยู่ที่ราชากงล้อจันทรา
“ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่ก็เพื่อบอกถึงการตัดสินใจของข้า ข้าไม่ได้เรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หานเซิ่นก็คือเด็กศักดิ์สิทธิ์ของรีเบท ถ้าพวกเจ้ามีปัญหาอะไรกับการตัดสินใจนั้น ก็ว่ามาได้เลย”

 

ขุนนางทั้งหลายอึ้งไป ถึงแม้พวกเขาจะคัดค้าน แต่ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับอี๋ซา พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ราชากงล้อจันทรา

 

ราชากงล้อจันทราขมวดคิ้วและมองไปที่อี๋ซา “ถ้าพวกเราทั้งหมดคัดค้านล่ะ?”

 

อี๋ซาหัวเราะ เธอยืนขึ้นและมองขุนนางทุกคนที่มารวมตัวกัน เธอพูดอย่างช้าๆ “ฟังให้ดี! จากนี้เป็นต้นไป แนร์โรว์มูนคือแนร์โรว์มูนของข้า รีเบทมีราชินีเพียงแค่คนเดียว ใครก็ตามที่ติดตามข้าจะมีชีวิตต่อไป แต่ใครก็ตามที่คิดทรยศข้าจะต้องตาย พวกเจ้าจะคัดค้านข้าก็ได้ แต่ถ้าพวกเจ้าขัดคำสั่งแม้แต่นิดเดียว ข้าจะถือว่าพวกเจ้าเป็นศัตรู ข้าไม่รังเกลียดที่จะให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งในแนร์โรว์มูน”

 

ตลอดหลายเดือนต่อมา การเมืองของรีเบทแปรผันอย่างไม่แน่นอน คนที่มีอำนาจถูกเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ ตระกูลต่างๆผงาดขึ้นมาใหญ่และตกต่ำลงอยู่เป็นกิจวัตรประจำวัน

 

หานเซิ่นรู้สึกนับถือในความเด็ดขาดของอี๋ซา เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว เธอก็เข้าควบคุมสังคมของรีเบททันที

 

ก่อนหน้านี้เธอขาดความแข็งแกร่งที่จะทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า เธอสามารถกำราบใครก็ตามที่กล้าขัดคำสั่งของเธอ เธอกลายเป็นผู้ปกครองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้ปัญหาที่ซับซ้อนถูกแก้ไขอย่างรวดเร็ว

 

แต่ปัญหาอื่นก็เริ่มตามมา มันมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกภายในรีเบท และไม่มีใครพูดได้อย่างมั่นใจว่าอี๋ซาจะสามารถสมานฉันท์ทุกฝ่ายภายใต้การเผด็จการของเธอ

 

บางปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว การครองบัลลังก์เป็นเพียงแค่ก้าวแรกของอี๋ซา เส้นทางข้างหน้าของเธอยังคงอีกยาวไกล

 

หานเซิ่นเชื่อมั่นในตัวอี๋ซา แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองของรีเบทมากนัก เขายุ่งอยู่กับการตรวจดูข้อมูลที่ได้รับมาจากกุนซือไวท์

 

เทคนิคของสำนักเสวียนเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างมาก และมันมีข้อมูลมากมายต้องศึกษา ซึ่งมันมากกว่าแค่วิชาจีโนไม่กี่ตัว เทคนิคบางอย่างที่หานเซิ่นอ่านอาจจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset