มันมีหลายสิ่งที่การอ่านเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ แต่ผู้อ่านจะต้องทำความเข้าใจพวกมันด้วยตัวเอง คำสอนของสำนักเสวียนเป็นความรู้ประเภทนี้
หานเซิ่นมีแผนที่จะหาคนมาทำวิจัยเกี่ยวกับข้อมูลคำสอนของสำนักเสวียนแทนเขาเพื่อระบุว่าเนื้อหาไหนที่เหมาะสมกับมนุษย์ และเขายังอยากจะเปิดโรงเรียนพิเศษในสหพันธ์เพื่อสอนเทคนิคของสำนักเสวียนให้กับมนุษย์คนอื่น เขาอยากจะถ่ายทอดความรู้และขยายเชื้อสายของสำนักเสวียน
มันเป็นอย่างที่กุนซือไวท์พูด ถ้ามีคนสัก 1-2 คนสามารถปฏิบัติตามเส้นทางที่ถูกต้องของสำนักเสวียนได้ นั่นก็ถือว่าเป็นอะไรที่มากพอแล้ว
น่าประหลาดใจที่จีเหยียนหรันบอกว่าเธอสนใจในเรื่องนี้ ดังนั้นหานเซิ่นรีบส่งต่อโปรเจคให้กับนาง
แต่จีเหยียนหรันไม่ได้ทำอย่างที่หานเซิ่นหวังเอาไว้ แทนที่จะสร้างโรงเรียนเพื่อถ่ายทอดปรัชญาของสำนักเสวียน เธอกลับเปิดสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาแทน ภายในสถาบันเธอจะเริ่มด้วยการสอนวิชาการต่อสู้ของสำนักเสวียน ขณะที่ปรัชญาของสำนักเสวียนจะถูกสอนในภายหลัง
“ไม่มีใครเห็นค่าของสิ่งที่ได้รับมาง่ายๆ และวิธีการคิดของสำนักเสวียนไม่เหมาะสมสำหรับทุกคน มันจำเป็นต้องพึ่งหัวใจมากเกินไป ด้วยการสอนแบบนี้ ปรัชญาของสำนักเสวียนมีโอกาสที่จะถูกยอมรับมากกว่า” จีเหยียนหรันอธิบาย
วิธีการคิดของจีเหยียนหรันสมเหตุสมผลสำหรับหานเซิ่น ยังไงซะเขาเองก็เพิ่งจะเรียนรู้เทคนิคลับของสำนักเสวียน เขาไม่ได้เข้าใจถึงแนวคิดหลักของสำนักเสวียนจริงๆ ผู้คนที่จะมาเรียนรู้นั้นไม่มีประสบการณ์กับเทคนิคของสำนักเสวียนมาก่อน ดังนั้นมันเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นอะไรที่เสียเวลา ของพวกเขาที่จะเรียนรู้ น้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้
“เธอคิดว่าสถาบันศิลปะการต่อสู้จะได้ผลจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
จีเหยียนหรันหัวเราะ “นี่มันง่ายมาก พวกเราแค่ใช้นายโฆษณา แค่นั้นผู้คนจากสังคมชั้นสูงก็จะแห่กันมาเข้าสมัคร นี่ ฉันเดิมพันว่าพวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อส่งลูกหลานของตัวเองมาเข้าสถาบันศิลปะการต่อสู้ของพวกเรา”
“เจตจำนงของกุนซือไวท์คือการได้เห็นปรัชญาของสำนักเสวียนถูกเผยแพร่ออกไป ถ้าเธอใช้วิธีแบบนี้ เธอก็แค่ตอบสนองความต้องการของผู้คนจากสังคมชั้นสูงเท่านั้น” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
จีเหยียนหรันหัวเราะและพูด “ไม่ต้องกังวล ถึงมันจะเริ่มจากสังคมชั้นสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป แนวคิดที่ถูกยอมรับโดยคนที่ร่ำรวยและมีอำนาจจะถูกเผยแพร่ออกไปสู่สังคมคนธรรมดาได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงปรัชญาของสำนักเสวียน ในสมัยโบราณปรัชญาและวิชาการที่มีชื่อเสียงจะถูกถ่ายทอดผ่านการเดินทางที่ยาวไกลเพื่อโน้มน้าวผู้คนจากทุกชนชั้น ตอนนี้พวกเราก็แค่จำเป็นต้องใช้เวลาและการโฆษณา”
“ที่รัก อย่าทำงานหนักจนเกินไป เธอควรจะหาคนมาช่วย”
แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้มาก ถ้าเธอยินดีจะแบกรับหน้าที่นี้ นั่นก็ไม่เป็นไรสำหรับเขา
กล่องหยกที่หานเซิ่นได้มาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกล็อค และเขาก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ เขาพยายามด้วยวิธีหลายอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล
แม้แต่พลังของอี๋ซาก็ไม่สามารถทำลายกล่องหยกนี้ได้ เนื่องจากหานเซิ่นไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ดังนั้นเขาจึงเก็บกล่องเอาไว้ก่อน
หลังจากนั้นเขาก็หันไปสนใจที่เข็มกระดูกแทน มันคือเข็มที่เขาได้มาจากอี๋ซา มันยังมีเลือดอยู่ภายใน พวกมันเป็นตัวแทนของโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้าที่แตกต่างกันทั้ง 12
หานเซิ่นไม่ได้ใช้พวกมันในทันที ก่อนอื่นเขาต้องการตรวจสอบพวกมัน
เนื่องจากหานเซิ่นยังคงกักเก็บพลังโกสต์โบนเอาไว้ ตอนนี้เขาจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้โลหิตชีพจรระดับเทพเจ้า
หานเซิ่นตรวจดูโลหิตชีพจรอยู่สักพัก และสุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจใช้พวกมัน
หานเซิ่นเลือกหยดเลือดที่ได้รับจากปีศาจโลหิต มันเป็นธาตุโลหิต ดังนั้นเขาจึงอยากจะลองดูว่ามันจะช่วยวิชาโลหิตชีพจรของเขาได้ไหม
หานเซิ่นยกเข็มกระดูกขึ้นเหนือหน้าอก หลังจากนั้นเขาก็แทงมันเข้าไปในหัวใจตัวเอง
เข็มกระดูกแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเขา และหยดเลือดโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้าก็ไหลออกมา
หานเซิ่นกำลังสกัดโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้า แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว
“ยีนระดับเทพเจ้า +1 ยีนเทพเจ้าโปรเกรส 1/100”
หลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศ หานเซิ่นก็รู้สึกได้ว่าพลังที่น่ากลัวระเบิดขึ้นในหัวใจของเขาและกวาดทุกซอกทุกมุมของร่างกาย เซลล์ของเขาสั่นไหว และขณะที่พลังใหม่พุ่งผ่านร่างกายของเขา ร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกลอกชั้นผิวชั้นแล้วชั้นเล่า กระบวนการนี้ใช้เวลานานหนึ่งวันเต็มๆกว่าจะสิ้นสุด ร่องรอยของสสารสีดำถูกทิ้งเอาไว้บนพื้นราวกับหนังของงู มันดูเหมือนอะไรที่ค่อนข้างน่ากลัว
หานเซิ่น : ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ร่างยีนต่อสู้: เลือดกลายพันธุ์(ดยุก), มนตรา(มาร์ควิส), ตงเสวียน(มาร์ควิส), กายหยก(ดยุก)
ระดับ : ดยุก
ยีนดยุก: 17
ยีนเทพเจ้าโปรเกรส : 1/100
อายุขัย : 1100
หานเซิ่นตกใจ เขาไม่รู้ว่า ‘ยีนเทพเจ้าโปรเกรส’ หมายความว่าอะไร
‘นี่ยีนเทพเจ้าต่างไปจากยีนอื่นอย่างนั้นหรอ? ยีนเทพเจ้าโปรเกรสหมายความว่าอะไรกัน? นี่เราจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า เมื่อตัวเลขถึง 100 อย่างนั้นหรอ? เราจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้โดยที่ไม่ต้องเก็บยีนอื่นจนเต็มอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หานเซิ่นตรวจสอบร่างกายตัวเอง ร่างกายของเขาเปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่ายีนทั้งหมดของเขาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ไม่ได้ดีขึ้นคือระดับความแข็งแกร่งของเขา มันยังคงอยู่ในระดับดยุกเหมือนเดิม
หานเซิ่นลองฉีดหยดเลือดอื่นเข้าไปอีก กระบวนที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนเดิม ร่างกายของหานเซิ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และเขาก็ได้รับยีนเทพเจ้าเพิ่มมาอีกหนึ่ง ยีนเทพเจ้าโปรเกรสของเขากลายเป็น 2/100 แต่ความแข็งแกร่งของเขาดูจะไม่ได้เพิ่มอะไรมากมาย
ตลอด 2 อาทิตย์ หานเซิ่นฉีกหยดเลือดระดับเทพเจ้าเข้าไป และยีนเทพเจ้าโปรเกรสของเขาก็กลายเป็น 12/100 และหลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
แต่น่าแปลกที่หานเซิ่นไม่ได้รับพลังพิเศษอะไร หลังจากที่ดูดซับโลหิตชีพจรระดับเทพเจ้าเข้าไป
‘เราจะไปหายีนเทพเจ้ามาเพิ่มอีกได้จากที่ไหน?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง แต่ตอนนี้มันยังยากเกินไปที่เขาจะสังหารสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าด้วยตัวเอง
‘น่าเสียดายที่นกแดงกินเรเวนอาทิตย์เข้าไป ไม่อย่างนั้นเราจะได้ลองมันดู บางทีเราอาจจะกินเนื้อของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเข้าไปได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อคิดเกี่ยวกับนกแดงน้อย หานเซิ่นก็หันไปตรวจดูไข่ที่อยู่ในรังนกอีกครั้ง หานเซิ่นแปลกใจเมื่อเห็นโซ่สสารประหลาดมากมายปรากฏขึ้นจากรังนกและเจาะเข้าไปในไข่สีแดง สีแดงของไข่เริ่มสว่างขึ้นมาราวกับว่ามันถูกกลืนกินโดยไฟสีแดง