Super God Gene – ตอนที่ 2304

“ไป๋อู๋ฉางเป็นคนที่มีนิสัยประหลาด ด้วยเหตุนั้นท่านพ่อจึงไม่คิดจะให้เขาสืบทอดบัลลังก์ แต่ถึงอย่างนั้นท่านพ่อก็รักเขามาก ไป๋อู๋ฉางเป็นคนเดียวที่ไม่เคยรับสมัครองครักษ์ แต่ท่านพ่อก็ยังคงมอบทรัพยากรให้กับเขา” ไป๋เวยพูด

 

“ราชาไป๋เอ็นดูเขามากขนาดนั้นเลย? แบบนั้นองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นไม่อิจฉาหรอกหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“พวกเขาต่างก็อิจฉา แต่พวกเขาทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ได้ ท่านพ่อนั้นลำเอียงเข้าข้างไป๋อู๋ฉางจริงๆ และเขาก็ยังเป็นบุตรชายของอัครมเหสี มงกุฎราชกุมารคือพี่ชายจากบิดามารดาเดียวกับเขา ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ลูกศิษย์ของราชครู แต่คนอื่นๆก็ต้องคิดไตร่ตรองอย่างดีก่อนที่จะเสี่ยงไปต่อสู้กับเขา” ไป๋เวยพูด

 

“ราชครูคือใครกัน?” หานเซิ่นถาม เขาไม่ได้รู้เรื่องภายในเกี่ยวกับสังคมของเอ็กซ์ตรีมคิงมากนัก

 

“ชื่อของเขาคือ กู่เยวียน” เมื่อไป๋เวยพูดชื่อนั้น เธอก็ลดเสียงลง ดูเหมือนกับว่าการพูดถึงเขาจะทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจ

 

“เจ้าจะได้ฟังเกี่ยวกับเขาเพิ่มภายหลัง สำหรับตอนนี้เจ้าแค่อย่ารับคำท้าของไป๋อู๋ฉางไม่ว่ายังไงก็ตาม” ไป๋เวยพูด

 

“ข้าไม่คิดจะต่อสู้กับเขาอยู่แล้ว” หานเซิ่นยักไหล่และหัวเราะ มันไม่มีทางที่เขาจะยอมรับคำท้าแบบนั้น เพราะมันเป็นอะไรที่เสียเวลาเปล่าๆ

 

ไป๋เวยถอนหายใจและพูด “ดี ข้าจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

 

ขณะที่พวกเขาออกไปจากสถานีอวกาศและมุ่งหน้าไปยังสุสานทหารและกษัตริย์ ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ภายในห้องควบคุมกำลังดูพวกเขาผ่านกล้องวงจรปิด

 

ผู้หญิงคนนั้นดูงดงามอย่างมาก เพียงแค่เห็นเธอนั่งอยู่ตรงก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ได้เห็นมีความสุข

 

เธออาจจะไม่ได้สวยอย่างราชินีจิ้งจอก แต่เธอดูเยือกเย็นและชาญฉลาด มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจ มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งในโลกสะท้อนอยู่ในดวงตาที่เหมือนกับทะเลสาบของเธอ

 

กัปตันของสถานีอวกาศยืนอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้น เขาเอนตัวลงมาหาเธอและพูด
“มิสเตอร์มิร์เรอร์จะขออะไรข้าก็ได้ ข้าจะทำทุกสิ่งที่มิสเตอร์มิร์เรอร์ต้องการ”

 

“ข้าแค่อยากจะอยู่ที่นี่เงียบๆ ข้าทำแบบนั้นได้ใช่ไหม กัปตัน” ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเจ้ายังรออะไรกันอยู่อีก? ออกไปให้หมด! เร็วเข้า! รีบออกไปให้หมด!” กัปตันรีบไล่คนงานทั้งหมดที่อยู่ในห้องควบคุมออกไป

 

“มิสเตอร์มิร์เรอร์ยังต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”
หลังจากที่กัปตันไล่ทุกคนออกไปแล้ว เขาก็ยืนยิ้มอย่างประจบอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น

 

ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่มองรอยยิ้มของกัปตัน เธอไม่ได้พูดอะไร

 

สีหน้าของกัปตันเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง เขารีบเดินไปที่ประตูหลังและหันกลับมาโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม
“เชิญมิสเตอร์มิร์เรอร์ตามสบาย ข้าจะไม่ให้ใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด”

 

หลังจากที่ออกไปแล้ว กัปตันก็ปิดประตูอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เขาไม่ต้องการจะรบกวนผู้หญิงคนนั้น

 

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเดียวที่ยังอยู่ภายในห้องควบคุม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม

 

“ไป๋เวยนะ ไป๋เวย ทำไมเจ้าถึงได้ทำแบบนี้?” ผู้หญิงคนนั้นมองไป๋เวยที่ตรงเข้าไปที่สุสานทหารและกษัตริย์ เธอถอนหายใจและส่ายหัว

 

ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็หันไปสนใจหานเซิ่นที่กำลังเดินทางไปกับไป๋เวย

 

หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็พูดกับตัวเอง “ในที่สุดราชินีแห่งมีดก็รับลูกศิษย์มาคนหนึ่ง เขาฝึกฝนอยู่ในปราสาทนภาหลายปีและกลับมาที่แนร์โรว์มูนเมื่อถึงระดับมาร์ควิส หลังจากนั้นเขาก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นอัศวินสำรองของหน่วยอัศวินไอซ์บลู เขาได้รับขนนกเทพเจ้ามาจากข่งเฟย สภาพแวดล้อมนั้นเป็นใจต่อเขามากๆ แต่เขามีศักยภาพที่แย่ คริสตัลไลเซอร์เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำที่พึ่งพาพลังของเทคโนโลยี พลังของพวกเขาอ่อนแอและยีนของพวกเขาก็ไม่ดี มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่ไป๋เวยมีใครสักคนเคียงข้าง แต่การให้เขาเป็นราชองครักษ์จะเป็นการใช้ความพยามมากเกินไปแลกกับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด”

 

หานเซิ่นตามไป๋เวยเข้าไปในสุสานทหารและกษัตริย์ ทั้งดวงดาวนั้นคือสุสาน และมันก็มีป้ายหลุมศพผุดขึ้นมาจากพื้นดินทุกหนทุกแห่งที่พวกเขามองออกไป

 

แต่สิ่งที่ถูกฝังอยู่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต พวกมันเป็นอาวุธซีโน่เจเนอิค

 

หานเซิ่นไม่ได้สนใจอาวุธซีโน่เจเนอิคนัก เนื่องจากเขามีธันเดอร์ก็อตสไปค์และมีดเขี้ยวผีสิงอยู่แล้ว

 

เขาอยากได้วิญญาณอสูรระดับเทพเจ้ามากกว่า

 

อาวุธซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอย่างธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากสำหรับหานเซิ่น เพราะแทนที่จะสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่าย มันกลับทำได้แค่ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพเป็นอัมพาตเท่านั้น

 

แถมอาวุธซีโน่เจเนอิคอย่างธันเดอร์ก็อตสไปค์นั้นถ้าไม่ถูกใช้โดยยอดฝีมือระดับราชันหรือเทพเจ้าแล้วล่ะก็ ประสิทธิภาพของมันก็จะลดลงไปอย่างมาก

 

หานเซิ่นและไป๋เวยลงมาถึงลานกว้างของสุสานทหารและกษัตริย์ ทั้ง 2 ด้านของลานกว้างมีอสูรทองแดงอยู่ด้านละ 9 ตัว ในจังหวะที่หานเซิ่นเหยียบลงบนลานกว้าง อสูรทองแดงทั้ง 18 ตัวก็มีชีวิตขึ้นมา

 

แต่ดูไม่เหมือนว่าพวกมันจะจู่โจมหานเซิ่นและไป๋เวย พวกมันเปิดปากและพ่นอาวุธอย่างหนึ่งออกมาที่ลานกว้าง

 

อาวุธทั้ง 18 อันแตกต่างกันออกไป และพวกมันทั้งหมดก็วางอยู่ตรงหน้าอสูรเฝ้าสุสานแต่ละตัว

 

ไป๋เวยตั้งท่าเตรียมต่อสู้เรียบร้อยแล้ว เธอพูดกับหานเซิ่น
“อาวุธแต่ละอันจะโจมตีพวกเราครั้งหนึ่ง พวกเราต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อปัดป้องการโจมตีนั้น ถ้าพวกเราทำได้ พวกเราก็จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในสุสานทหารและกษัตริย์เพื่อเก็บอาวุธหนึ่งอย่างมา แต่พวกเราจะใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคอะไรไม่ได้ ถ้าพวกเราใช้ มันจะถือว่าพวกเราไม่ผ่านการทดสอบ”

 

ขณะที่ไป๋เวยพูด หอกเล่มหนึ่งก็เริ่มรวบรวมพลัง เปลวไฟสีดำอาบอาวุธนั้นราวกับว่าปีศาจที่ลุกเป็นไฟกำลังถือหอกนั่นอยู่ มันแทงเข้ามาหาหานเซิ่นและไป๋เวย

 

“ข้าจะป้องกันการโจมตี 9 ครั้งแรก ส่วนเจ้าป้องกันการโจมตี 9 ครั้งหลัง” ไป๋เวยพูดขณะที่เตรียมตัวรับการโจมตีของหอก

 

แต่หานเซิ่นก้าวมาข้างหน้าไป๋เวย เขายิ้มและพูด
“ให้ข้าเริ่มก่อน และเมื่อข้ารับการโจมตีไม่ได้อีกแล้ว เจ้าค่อยรับการโจมตีต่อจากข้า”

 

ขณะที่หอกพุ่งเข้ามาราวกับมังกรปีศาจ หานเซิ่นก็ใช้ร่ายกายหยกชกหมัดออกไปใส่ปลายหอก

 

ผู้หญิงในห้องควบคุมขมวดคิ้ว ขณะที่เธอเห็นหานเซิ่นชกหมัดเข้าหาหอก
“อาวุธทั้ง 18 ไม่ได้แค่ทดสอบพลังของคนในราชวงศ์เพียงอย่างเดียว มันยังจะช่วยสอนพวกเขาว่าพลังที่แตกต่างจำเป็นต้องใช้การตอบโต้เฉพาะทาง นั่นคือหนทางที่จะผ่านการทดสอบ หานเซิ่นคิดจะใช้ไฟสู้กับไฟ ถึงแม้เขาจะป้องกันการโจมตีของหอกได้ แต่ตัวเขาเองก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย เมื่อเขาพยายามจะรับการโจมตีของอาวุธอื่น มันก็จะเป็นภาระที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่เขาขาดสมอง ผู้ชายที่บุ่มบ่ามแบบนี้ ข้าไม่รู้เลยว่าเขาได้รับสมญานามแบบเดียวกับไผ่เดียวดายได้ยังไง”

 

เมื่อผู้หญิงคนนั้นกลับไปมองที่หน้าจอ หมัดของหานเซิ่นก็ปะทะกับปลายของหอกมังกรปีศาจ

 

ตูม!

ภายใต้แรงของหมัด ร่างของมังกรปีศาจทุกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset