หานเซิ่นและไป๋เวยนั่งคอยอยู่บนมังกรกษัตริย์สีทองนานหลายชั่วโมง แต่มังกรกษัตริย์ก็ยังคงไม่ลงไปใต้ดิน ในตอนที่มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเขา นั่นก็ทำให้ไป๋เวยรู้สึกกังวลใจ
เนื่องจากสายตาของหานเซิ่นดีกว่าไป๋เวย เขารู้ก่อนแล้วว่าใครที่กำลังเข้ามา ภาพที่เห็นทำให้เขาขมวดคิ้ว
หัวหน้าของกลุ่มคนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น นอกจากองค์ชายสิบสี่ ไป๋ชางลัง คนที่ติดตามเขามาคือราชองครักษ์ของเขา และมันก็มีอยู่ 4 คนด้วยกัน 2 คนเป็นเผ่าเลน หนึ่งคนเป็นเผ่ากาน่าและผู้หญิงอีกคนเป็นชาวเอ็กซ์ตรีมคิง
ราชองครักษ์ทั้ง 4 คนมีออร่าที่ขู่ขวัญ พวกเขาต้องเป็นระดับราชันเป็นอย่างน้อย นอกจากนั้นเอ็กซ์ตรีมคิงหญิงคนนั้นดูคุ้นเคยสำหรับหานเซิ่น แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูดีๆแล้ว เขาก็รู้สึกตัวว่าไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่าย
“พี่สิบสี่!” เมื่อไป๋เวยเห็นไป๋ชางลัง ใบหน้าของเธอก็ซีดไป เธออ่อนแอเกินกว่าที่จะไปแข่งขันกับไป๋ชางลังได้และตัวเธอเองก็รู้เรื่องนั้นดี
ไป๋เวยเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและโค้งคำนับ “คารวะพี่สิบสี่”
ไป๋ชางลังมองไปที่ไป๋เวยและโบกมือ “เนื่องจากตอนนี้เจ้าได้สิทธิ์เข้ามาในสวนของกษัตริย์แล้ว เจ้าก็ไม่ใช่อะไรอื่นแต่เป็นคู่แข่งของข้า มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมีมารยาท”
หลังจากนั้นไป๋ชางลังก็มองข้ามไหล่ของเธอไป สายตาของเขามองไปที่หานเซิ่นแค่แว็บเดียวก่อนที่จะกลับมาที่ไป๋เวย
“แต่เจ้าเป็นน้องสาวของข้า ในฐานะพี่ชาย ข้าก็ไม่ควรไปรังแกเจ้า เลือกหนึ่งในอัศวินทั้ง 4 ของข้า ถ้าเจ้ารับหนึ่งการโจมตีของพวกเขาได้ เจ้าก็ใช้มังกรกษัตริย์รากแก้วนี้ต่อไปได้”
“พี่สิบสี่ พี่ล้อเล่นใช่ไหม ถ้าพี่ต้องการมัน พี่ก็เอามันไปเถอะ พวกเราจะไปหามังกรกษัตริย์ตัวอื่น” ไป๋เวยโค้งคำนับและเตรียมตัวจะจากไป
ไป๋ชางลังก้าวเข้ามาจับแขนของไป๋เวย เขายิ้มและพูด
“น้องเวย อย่าได้ดูถูกตัวเองแบบนั้น เจ้าเข้ามาอยู่ในสวนของกษัตริย์แล้ว! เจ้าไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับคนอื่นได้ เจ้าควรจะทำความเคยชินกับมัน ไม่ต้องกังวล พี่จะไม่แย่งมังกรกษัตริย์ไปจากเจ้า พี่แค่อยากให้เจ้าเข้าใจว่าจะเอาตัวรอดภายในสวนของกษัตริย์ได้ยังไง”
ไป๋เวยฝืนยิ้มออกมา “ขอบคุณพี่สิบสี่มาก แต่น้องไม่กล้าทำอะไรเกินตัว น้องไม่อยากจะต่อสู้กับใคร และน้องก็ขออยู่ที่นี่อย่างไม่แก่งแย่งกับคนอื่น”
“ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เจ้าก็ใช้มังกรกษัตริย์รากแก้วนี้ได้” ไป๋ชางลังยังคงจับแขนของเธอเอาไว้ขณะที่พูดออกมา
มังกรกษัตริย์รากแก้วตัวหนึ่งไม่ได้หายากอะไรสำหรับองค์ชายอย่างไป๋ชางลัง ถ้าเขาไม่ใช้มังกรกษัตริย์รากแก้วตัวนี้ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะไปหามังกรกษัตริย์รากแก้วอีกตัว
ที่ไป๋ชางลังบังคับให้ไป๋เวยตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็เพราะหานเซิ่น เขาต้องการให้หานเซิ่นรู้ว่าการเลือกติดตามไป๋เวยเป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างมหันต์
หานเซิ่นเห็นไป๋ชางลังจับแขนของไป๋เวยเอาไว้และไม่ปล่อยเธอไป ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามาและโค้งคำนับ
“ถ้าองค์ชายสิบสี่ยืนกราม อย่างนั้นข้าก็ขอเป็นคนรับการโจมตีแทนองค์หญิงของข้า”
ไป๋เวยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋ชางลังพูดขึ้นมาก่อน
“อ้า เจ้าคือลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดหนิ! กล้าหาญมากๆ ข้าเลื่อมใสในคนที่กล้าหาญอย่างเจ้า เชิญเลือกหนึ่งในองครักษ์ทั้ง 4 ของข้า ไม่ว่าเจ้าจะรับการโจมตีได้หรือไม่ เจ้าก็ยังคงใช้มังกรกษัตริย์ตัวนี้ได้”
หลังจากนั้นไป๋ชางลังก็หันไปหาองครักษ์ 4 คนที่ติดตามเขา
“หานเซิ่นเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด นางเป็นเพื่อนที่ดีของข้า พวกเจ้าไม่ควรทำร้ายลูกศิษย์ของนางหนักจนเกินไป อย่าได้ใช้พลังของพวกเจ้ามากจนเกินไป เข้าใจใช่ไหม?”
หานเซิ่นมองไปที่องครักษ์ทั้ง 4 อย่างลังเล เขาเดินไปตรงหน้าขององครักษ์เอ็กซ์ตรีมคิงหญิงและพูด “ถ้าเจ้าจะกรุณา”
“เรดสลีฟ อย่าได้ลงมือกับเขาหนักจนเกินไป” ไป๋ชางลังพูดกำชับกับองครักษ์หญิง
“เพคะ” องครักษ์หญิงตอบ เธอก้าวออกมายืนตรงหน้าของหานเซิ่น
“ข้าชื่อหานเซิ่น เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” หานเซิ่นทักทายองครักษ์หญิง
มันไม่สำคัญว่าเขาจะเลือกราชองครักษ์คนไหน เพราะพวกเขาแต่ละคนระดับสูงกว่าหานเซิ่นหนึ่งระดับ
หานเซิ่นเลือกเธอเพียงเพราะเขาคิดว่าเธอดูคุ้นๆ เขาแค่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน ด้วยการทำแบบนี้เขาหวังว่าจะนึกออกและยืนยันความรู้สึกคุ้นเคยของเขาได้
“เรดสลีฟ” องครักษ์หญิงตอบสั้นๆ เธอยกกำปั้นขึ้นและพูด
“ถ้าเจ้ารับหมัดของข้าได้ เจ้าก็เป็นฝ่ายชนะ”
หลังจากนั้นหมัดก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมา แสงนั้นดูเหมือนกับดวงจันทร์ และที่ไหนก็ตามที่แสงจันทร์ส่องออกไปมิติบริเวณนั้นจะบิดเบี้ยว
หานเซิ่นขยับร่างกายเล็กน้อย เขารู้สึกราวกับว่าบริเวณรอบๆตัวถูกยืดออกไป และหลังจากที่เขาขยับร่างกายตัวเอง เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“พลังธาตุอวกาศ?” หานเซิ่นแปลกใจ
หมัดของเรดสลีฟพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่น มันเหมือนกับดวงจันทร์ตกลงมา หานเซิ่นขยับร่างกายของเขา แต่พลังของเธอดูเหมือนจะล็อคเขาเอาไว้กับที่ และดวงจันทร์ก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
หานเซิ่นหลี่ตาและมองดวงจันทร์ที่กำลังเข้ามา ถ้าเขาหลบหลีกไม่ได้ แบบนั้นเขาก็จะไม่หลบ หานเซิ่นยกหมัดขึ้นและชกเข้าใส่ดวงจันทร์ที่เข้ามา
สีหน้าของไป๋เวยดูแย่ เรดสลีฟเป็นยอดฝีมือระดับราชัน เธออาจจะเป็นระดับครึ่งเทพด้วยซ้ำ ส่วนทางด้านหานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง มันไม่สำคัญว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันไม่มีทางที่เขาจะต่อสู้กับเรดสลีฟได้อย่างตรงๆแบบนั้น
ไป๋เวยรู้ว่าไป๋ชางลังต้องการอะไร ถ้าหานเซิ่นรับหมัดนี้ไป ถ้าเขาไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ปัง!
ในจังหวะที่หมัดของเรดสลีฟปะทะกับหมัดของหานเซิ่น ดวงจันทร์ก็แตกสลายราวกับแก้ว และมิติใกล้เคียงก็แตกเป็นเสี่ยงเช่นกัน รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนร่างจริงๆของหานเซิ่น
ไป๋เวยตกตะลึง เธอแน่ใจว่าเรดสลีฟไม่กล้าจะฆ่าคนอื่นภายในสวนของกษัตริย์ แต่ผู้หญิงคนนั้นปลดปล่อยพลังด้วยเจตนาที่จะฆ่าอย่างชัดเจน ร่างกายของหานเซิ่นถูกทำลายด้วยพลังธาตุอวกาศ นอกซะจากหานเซิ่นจะมีพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง เขาก็ไม่มีโอกาสจะฟื้นฟูตัวเองได้ทันต่อความเร็วในการแตกสลาย
ร่างกายของหานเซิ่นแตกร้าวไปทั่วร่าง และหลังจากนั้นร่างของเขาก็ระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วเหมือนกับแก้ว
แต่หลังจากนั้นภาพของหานเซิ่นก็ปรากฏให้เห็นในตำแหน่งเดิมที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขายังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หานเซิ่นที่ถูกดวงจันทร์ทำลายไปเป็นเพียงแค่ร่างโคลนที่สร้างขึ้นมาจากวิชาจันทรา
“ข้าไร้ความสามารถ องค์ชายได้โปรดลงโทษด้วย!” เรดสลีฟดูแย่ เธอโค้งคำนับขออภัยต่อไป๋ชางลัง
“เทคนิคของหานเซิ่นมหัศจรรย์มากๆ แม้แต่ข้าเองก็ยังถูกหลอก อย่างนั้นแล้วข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร”
ไป๋ชางลังพูดและทำท่าทางบอกให้เธอถอยออกไป เขายิ้มให้กับหานเซิ่นและพูด “เจ้าเหนือกว่าอาจารย์ของเจ้า ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด ข้าใกล้ชิดกับอาจารย์ของเจ้า ถ้าเจ้ามีเวลาล่ะก็ เจ้าควรหาเวลาแวะมาเยี่ยมเยือนข้า”
หลังจากนั้นไป๋ชางลังก็หันไปบอกไป๋เวย “น้องเวย พี่ดีใจจริงๆที่เจ้าได้องครักษ์ที่ดีคนหนึ่งมา เจ้าใช้มังกรกษัตริย์รากแก้วนี้ได้ พี่จะไปหามังกรกษัตริย์ตัวอื่น ไว้เจอกันทีหลัง”
หลังจากที่ไป๋ชางลังจากไป ไป๋เวยก็พูดกับหานเซิ่น “นั่นมันเสี่ยงเกินไปแล้ว เจ้าเกือบจะต้องตาย”
“แต่ข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือยังไง?” หานเซิ่นหัวเราะ ขณะที่เขาหันไปมองไป๋ชางลัง สีหน้าที่ครุ่นคิดก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา