ไป๋ชางลังพาองครักษ์ทั้ง 4 จากไป ขณะที่เดินออกไป เขาก็หันสายตาที่แข็งกร้าวมาที่เรดสลีฟและพูด
“ใครบอกให้เจ้าใช้การโจมตีที่รุนแรงอย่างนั้นกับหานเซิ่นได้?”
“พวกเราอาจจะมองข้ามความจริงที่ว่าราชินีแห่งมีดปฏิเสธข้อเสนอขององค์ชายได้ แต่พวกเราไม่อาจจะมองข้ามการที่ดยุกคนนั้นขัดต่อความต้องการขององค์ชายได้ กระหม่อมแค่ต้องการจะสั่งสอนเขาว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้ามาลบหลู่องค์ชาย” เรดสลีฟพูดขณะที่ลดตัวลง
“ข้าจัดการกับธุระของตัวเองได้ อย่าได้ทำแบบนั้นอีกเป็นอันขาด ข้าจะประหารชีวิตเจ้าด้วยตัวข้าเอง” ไป๋ชางลังพูดอย่างเย็นชา
“โชคดีที่เจ้าฆ่าเขาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแม้แต่ข้าเองก็คงจะช่วยขอละเว้นโทษให้เจ้าที่ฆ่าชีวิตคนอื่นภายในสวนกษัตริย์ไม่ได้”
“กระหม่อมทำงานสะเพร่า องค์ชายได้โปรดลงโทษ” เรดสลีฟรีบโค้งคำนับ
“ช่างเถอะ แค่อย่าทำมันอีกเป็นครั้งที่ 2” ไป๋ชางลังสะบัดมือของเขาและเริ่มเดินออกไปเพื่อค้นหามังกรกษัตริย์รากแก้วอีกตัว
เนื่องจากมังกรกษัตริย์รากแก้วปรากฏในจุดที่แตกต่างไปจากเดิมทุกครั้ง คนของราชวงศ์ที่มาจึงจำเป็นต้องค้นหามังกรกษัตริย์ตัวใหม่ทุกครั้งที่พวกเขาต้องการจะฝึก อีกตัวเลือกก็คือไม่ออกไปจากมังกรกษัตริย์แม้แต่ตอนที่ต้นไม้ไม่ได้ปลดปล่อยแสงสีทองออกมา
หานเซิ่นและไป๋เวยปีนกลับขึ้นไปบนมังกรกษัตริย์ร่างแก้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็รอคอยเวลาที่มันจะพาพวกเขาลงไปใต้ดิน
โชคดีที่มีแค่คนของราชวงศ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสวนของกษัตริย์ได้ ซึ่งราชาไป๋มีบุตรธิดาเพียงแค่ร้อยคนเท่านั้น
หานเซิ่นและไป๋เวยโชคดี นอกจากไป๋ชางลังแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เจอกับราชวงศ์คนอื่นอีก
ในอีกสิบชั่วโมงต่อมาไม่มีใครปรากฏตัวขึ้น หานเซิ่นคิดว่าการฝึกจะเป็นไปด้วยดี แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนบินเข้ามาหาพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
“ไป๋อู๋ฉาง!” หานเซิ่นตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของชายคนนั้น อีกฝ่ายคือชายคนเดียวกับที่เขาพบในสถานีอวกาศ
มันเห็นได้ชัดว่าไป๋อู๋ฉางมาที่นี่เพื่อพบหานเซิ่น ไป๋เวยหน้าซีดไปเมื่อเห็นไป๋อู๋ฉางตรงเข้ามา แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะหนี
“หานเซิ่น ทำไมเจ้าถึงไม่ไปตามที่ข้าขอ?” ไป๋อู๋ฉางลอยตัวอยู่ในอากาศและมองลงมาที่หานเซิ่น
“ข้าไม่เคยตอบตกลง” หานเซิ่นพูด
เมื่อไป๋อู๋ฉางได้ยินหานเซิ่น ใบหน้าของเขาก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย สีหน้าของเขานิ่งราวกับหิน ซึ่งทำให้เขามีใบหน้าที่เฉยเมยไร้ความรู้สึก
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าและข้ามาต่อสู้กันที่นี่เป็นยังไง?”
“ข้าเป็นองครักษ์ขององค์หญิงไป๋เวย ข้าไม่ใช่นักสู้ในสนามประลอง ข้าไม่ขอรับ…” ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ ไป๋อู๋ฉางก็ใช้มีดฟันเข้ามาหาเขาแล้ว
“นี่ทุกคนในเอ็กซ์ตรีมคิงไร้เหตุผลแบบนี้กันหมดทุกคนเลยหรือยังไง?”
หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาป้องกันมีดของไป๋อู๋ฉาง
เคร๊ง!
มีดของทั้งคู่ปะทะกัน ไป๋อู๋ฉางฟันแบบกดลง ขณะที่หานเซิ่นฟันแบบกดขึ้น มีดลมปราณสีม่วงและขาวพุ่งเข้าใส่กัน มีดลมปราณแตกกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
เนื่องจากหานเซิ่นยืนอยู่บนหัวของมังกรกษัตริย์ มีดลมปราณที่แตกกระจายจึงไปถูกมังกรกษัตริย์รากแก้วเข้าและปลุกมันให้ตื่นขึ้นมา
มังกรกษัตริย์รากแก้วคำราม ร่างของมันทะยานขึ้นและเกล็ดมังกรทองก็ถูกเขย่า ขณะที่มังกรกษัตริย์แกว่งหัวของมัน
มังกรกษัตริย์รากแก้วไม่สามารถปลดปล่อยพลังได้ แต่ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งทางกายภาพของมันก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว แค่แรงจากการแกว่งหัวของมันก็มากพอที่จะฉีกมิติให้ขาด
หานเซิ่น ไป๋อู๋ฉางและไป๋เวยถูกโยนออกไป
ไป๋อู๋ฉางแทบจะไม่ได้รู้สึกถึงเรื่องนั้น เขาฟันใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
มีดของเขาเป็นเหมือนกับน้ำแข็ง ใบมีดนั้นเย็นยะเยือก แต่พลังที่มันปลดปล่อยออกมาแทบจะไม่มีความเย็นอยู่เลย มันไม่ได้ปลดปล่อยพลังน้ำแข็งออกมา ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
มีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่นฟันปะทะกับมีดของไป๋อู๋ฉางอีก 2 ครั้ง แต่มันก็ยังไม่มีฝ่ายไหนที่ได้เปรียบ มังกรกษัตริย์รากแก้วคำรามออกมาและพยายามจะกลืนกินพวกเขา
หานเซิ่นกระพือปีกและเทเลพอร์ต เขาต้องการจะถอยห่างจากมังกรกษัตริย์ที่โกรธ แต่ไป๋อู๋ฉางก็ยังคงพุ่งเข้ามาจู่โจมใส่เขาอย่างไม่สนใจอะไรอย่างอื่น
ไป๋อู๋ฉางไล่ตามเขาอย่างไม่หยุด และมังกรกษัตริย์ก็พยายามจะกลืนกินพวกเขา มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกโมโห เขาใช้วิชาหยกและโลหิตชีพจรจนถึงขีดสุด หานเซิ่นโฟกัสไป๋อู๋ฉางที่กำลังเข้ามาใกล้และฟันเข้าใส่เขา
ไป๋อู๋ฉางเป็นแค่ดยุกคนหนึ่งเช่นกัน การโจมตีของหานเซิ่นถูกตัวของเขาและทำให้เขากระเด็นออกไปไกล ไป๋อู๋ฉางกระเด็นออกไปหลายพันเมตรก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองได้
“ดี! ดี! ดี! ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าทำไมเจ้าถึงถูกกล่าวว่าอยู่ในระดับเดียวกับไผ่เดียวดาย เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!” ไป๋อู๋ฉางไม่ได้โกรธ แต่เขากลับดีใจแทน เขายิ้มออกมา
แต่ใบหน้าของเขาดูแข็งกระด้างเกินไป ซึ่งทำให้รอยยิ้มของเขาดูฝืนๆ มันทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นมัน
ในขณะที่เขาพูดออกมา ลมปราณสีขาวที่เย็นยะเยือกก็ปะทุขึ้นมาจากร่างกายของไป๋อู๋ฉาง ลมปราณที่หนาวเย็นเปลี่ยนกลายเป็นไฟน้ำแข็งที่ไม่แผ่ความร้อนออกมา
ด้วยเปลวไฟที่ลุกไหม้อย่างเย็นยะเยือกนั้น ร่างกายของไป๋อู๋ฉางก็เริ่มจะดูโปร่งใสภายในชุดเกราะสีขาวของเขา เขาดูเหมือนภูตผีที่โปร่งใส
“ร่างกายแห่งราชันภูตผี! หานเซิ่นรีบถอยออกมา”
ไป๋เวยรีบเข้ามาตรงหน้าหานเซิ่นและพูดกับไป๋อู๋ฉาง “พี่อู๋ฉาง! พี่เป็นองค์ชายคนหนึ่ง การโจมตีราชองครักษ์ของน้องแบบนี้จะทำลายชื่อเสียงของพี่ คนอย่างหานเซิ่นนั้นไม่คู่ควรจะเป็นศัตรูของพี่”
ไป๋เวยรู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของไป๋อู๋ฉาง โดยปกติแล้วร่างกายแห่งราชันของเอ็กซ์ตรีมคิงจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาในตอนที่พวกเขาวิวัฒนาการสู่ระดับราชัน
มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไป๋เวยตั้งตารอที่จะวิวัฒนาการสู่ระดับราชัน
นี่เป็นความจริงสำหรับเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคน เว้นก็แต่ไป๋อู๋ฉาง ร่างกายแห่งราชันของเขาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ระดับไวเคานต์
เขามีพรสวรรค์มากๆในหมู่เอ็กซ์ตรีมคิงด้วยกัน โดยปกติแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายแห่งราชันเพื่อเอาชนะคนที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ
ด้วยร่างกายแห่งราชันภูตผีของเขา เขาสามารถต่อกรกับยอดฝีมือระดับราชันได้ เนื่องจากไป๋อู๋ฉางเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันภูตผีเพื่อต่อสู้กับหานเซิ่น มันก็เป็นหลักฐานว่าเขาต้องการต่อสู้อย่างจริงจัง
กฎของสวนกษัตริย์มีผลต่อราชวงศ์ทุกคน แต่ไป๋อู๋ฉางดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เขาเมินเฉยต่อกฎของสวนกษัตริย์ที่ห้ามการฆ่าฟัน
ดวงตาของไป๋อู๋ฉางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นไป๋เวยเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจ้องไปที่หานเซิ่นและพูด
“เร็วๆเข้า! มาต่อสู้กับข้า!”
“หมอนี่บ้าไปแล้วหรือยังไงกัน?” หานเซิ่นถอนหายใจ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่เหล็กดูดคนบ้า ก่อนหน้านี้บาร์ก็ต้องการจะฆ่าเขาอย่างไม่สนใจอะไร ตอนนี้ไป๋อู๋ฉางก็อีกคนหนึ่ง หานเซิ่นสงสัยว่ามันมีบางสิ่งเกี่ยวกับร่างกายของเขาหรือเปล่าที่ทำให้เขาดึงดูดบุคคลที่บ้าอย่างนี้
ไป๋เวยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋อู๋ฉางได้ฟันลงมาแล้ว ในสายตาของเขามันเหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตน เขาฟันเข้าใส่หานเซิ่น
แต่ไป๋เวยยืนอยู่ด้านหน้าหานเซิ่น เธอจะรับการโจมตีแทนเขา