หานเซิ่นไม่ตอบ เขาแพร่กระจายพลังอีเทอร์นิตี้ไปทั่วร่าง ร่างกายของเขากลายเป็นสิ่งที่แข็งตัวและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การบุกรุกของไป๋อี้ถูกหยุดไปอย่างสมบูรณ์ อีเทอร์นิตี้นั้นแช่แข็งร่างแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เช่นกัน มันไม่สามารถบุกรุกเข้าไปในเซลล์ของหานเซิ่นได้มากกว่านั้น และมันก็ไม่สามารถถอยออกไปได้เช่นกัน
แต่พลังของอีเทอร์นิตี้ทำได้แค่หยุดทุกอย่างให้คงอยู่ในสภาพเดิมเท่านั้น มันไม่สามารถขจัดร่างแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ที่อยู่ภายในร่างกายของหานเซิ่นได้
“ไป๋อี้ ข้าขอแนะนำให้เจ้าตอบคำถามของข้าแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าโหดร้ายกับเจ้า”
หานเซิ่นบินขึ้นจากหุบเขาลาวาและหาสถานที่ซ่อนตัวเพื่อพูดคุยกับไป๋อี้
“เจ้าขู่ข้ากลัวไม่ได้หรอก” ไป๋อี้พูดกลับ
“ถึงแม้พลังของเจ้าจะหยุดกระบวนการของรีเทิร์นออริจินได้ แต่ร่างกายของเจ้าก็ถูกหยุดไปด้วยเช่นกัน เจ้าคงจะอยู่แบบนี้ไปตลอดไม่ได้ และเจ้าก็ทำอะไรกับตัวตนของข้าไม่ได้”
“เจ้าคือองค์ชายสิบหกจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามอย่างสงสัยโดยเมินเฉยต่อสิ่งที่ไป๋อี้พูด
“มันเป็นความจริง เจ้าไปถามคนอื่นได้ถ้าต้องการ และเจ้าจะได้รู้ถึงชื่อเสียงของข้า” ไป๋อี้พูดอย่างอวดดี
“ถ้าเจ้าเป็นองค์ชาย แล้วเจ้ามาทำอะไรในพิมานของอัศวิน? และทำไมเจ้าถึงต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงตุ๊กตาโลหะ?” หานเซิ่นถาม เขารู้สึกว่าการกระทำของไป๋อี้นั้นผิดปกติ
พิมานของอัศวินเป็นสถานที่สำหรับราชองครักษ์ โดยปกติแล้วคนของราชวงศ์จะไม่เข้ามาที่นี่ มันดูบ้าบอที่องค์ชายคนหนึ่งจะมาต่อสู้กับหานเซิ่นเพื่อแย่งชิงตุ๊กตาโลหะระดับดยุก
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นมาที่นี่เช่นกัน ดังนั้นเรื่องทั้งหมดดูจะบังเอิญเกินไป
“มันเป็นเพราะไป๋หลิงซวงคนนั้น” ไป๋อี้พูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่อย่างนั้นข้าจะมาที่นี่ไปทำไม?”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินอย่างนี้ เขาก็เข้าใจ ไป๋หลิงซวงคือองค์หญิงสิบ เธอคือคนที่ไป๋เวยไม่ชอบหน้ามากที่สุด
เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ตั้งแต่ที่เขามาถึง เขาก็ได้พบกับไป๋อู๋ฉางในสถานีอวกาศ และตอนนี้เขาก็พบกับไป๋อี้ที่นี่อีก มันไม่มีทางที่ทั้ง 2 เหตุการณ์จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขากลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะการบ่งการของไป๋หลิงซวงด้วยเช่นกัน
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เคยเจอกับไป๋หลิงซวงมาก่อน แต่เขาก็พอเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไง
“ไป๋หลิงซวงบอกให้เจ้ามาฆ่าข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ไม่ใช่ซะทีเดียว แต่จะยังไงก็ช่าง ข้าจะแก้แค้นนางให้ได้”
เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้ไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับมัน ไป๋หลิงซวงคงจะถูกหลอกให้มาติดกับ และตอนนี้สถานการณ์ก็ไปไกลเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ทั้งหมดเป็นเพราะหานเซิ่นและไป๋หลิงซวง เหตุการณ์นี้จะฝังลึกในหัวใจของไป๋อี้ไปตลอดการ ไป๋หลิงซวงคงจะต้องการให้พวกเขาทั้งคู่ตายด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
“แต่ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องราวในอนาคต พวกเรามาพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้กันดีกว่า เจ้าต้องการร่างกายของข้าใช่ไหม? ต้องเสียใจด้วยที่นั่นเป็นไปไม่ได้ บอกข้ามาว่าเจ้ามีแผนที่จะทำอะไรต่อไป” หานเซิ่นพูด
ไป๋อี้พูด “รีเทิร์นทูออริจินนั้นเป็นกระบวนการที่ไม่มีวันหวนกลับได้ ข้าจะยึดครองร่างกายของเจ้า มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วร่างกายของเจ้าจะกลายเป็นของข้าในที่สุด”
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันไม่มีหนทางอื่น?” หานเซิ่นถามอย่างจริงจัง
“มีแค่หนึ่งในพวกเราเท่านั้นที่จะรอดไปได้” ไป๋อี้ตอบอย่างเยือกเย็น เขาดูมั่นใจในความสามารถของรีเทิร์นทูออริจินอย่างมาก
“ข้าคิดจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไป แต่ถ้าเจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว อย่างน้อยก็รับรู้เอาไว้ว่าเจ้าทำตัวเจ้าเอง” หานเซิ่นถอนหายใจ
การฆ่าองค์ชายภายในอาณาจักรกษัตริย์นั้นเป็นอะไรที่น่ากลัว ราชาไป๋จะต้องสั่งตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หรืออย่างน้อยๆเขาก็คงจะไม่ทำถ้ามันมีทางเลือกอื่นอยู่ ถ้าไป๋อี้ไม่สามารถออกไปจากร่างกายของเขาได้ อย่างนั้นแล้วเขาก็ต้องไปบอกให้ราชาไป๋ทราบว่าไป๋อี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีโอกาสที่ราชาไป๋จะช่วยไป๋อี้ช่วงชิงร่างกายของหานเซิ่น
เมื่อไป๋อี้พูดอีกครั้ง เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูก “ในตอนนี้ข้าเป็นส่วนหนึ่งของร่ายกายเจ้าแล้ว นอกซะจากเจ้าจะฆ่าตัวตาย ข้าก็จะยังอยู่ที่นี่ เจ้าทำอะไรกับมันไม่ได้”
“ถ้าทั้งตระกูลไป๋ไร้เดียงสาอย่างเจ้า มันก็จะเป็นอะไรที่เยี่ยมไปเลย”
หานเซิ่นถอนหายใจ ไป๋อี้เป็นคนที่โง่เขลาที่สุดในบรรดาคนตระกูลไป๋ที่เคยเขาพบ แม้แต่ไป๋เวยก็ฉลาดกว่าเขามาก
เขาถูกไป๋หลิงซวงหลอกใช้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอวดดีอยู่ หานเซิ่นไม่รู้เลยว่าเขาสามารถเอาชีวิตรอดภายในราชวงศ์ของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มีการแข่งขันสูงได้ยังไงกัน
‘จริงด้วย… บางทีมันจะไม่มีใครสนใจถ้าคนที่โง่เขลาอย่างเขาตายไป’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
แสงสีขาวลุกโชติช่วงขึ้นจากร่างของหานเซิ่น เขาเริ่มดูเหมือนกับเทพศักดิ์สิทธิ์
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้!” ไป๋อี้กรีดร้องออกมา เขาสังเกตได้ว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์กำลังถูกขจัดออกจากเซลล์ของหานเซิ่น
ไป๋อี้เริ่มรู้สึกกลัวเมื่อรู้ตัวว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาด้อยกว่าพลังใหม่นี้
“นี่มันอะไรกัน…พลังนี่คืออะไรกัน?! ทำไมร่างกายแห่งราชันของข้ารู้สึกหวาดกลัว? นี่เป็นไปไม่ได้! ร่างกายแห่งราชันของพวกเราเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้… พวกเรามียีนที่แข็งแกร่งที่สุด… มันไม่มีทางจะยีนไหนแข็งแกร่งกว่าของพวกเราไปได้…”
ไป๋อี้รู้สึกว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาเริ่มจะแยกจากร่างกายของหานเซิ่น เขาหวาดกลัวอย่างที่สุดและความเยือกเย็นก่อนหน้านี้ของเขาหายไปหมดแล้ว
หานเซิ่นเมินเฉยต่อเสียงกรีดร้องของไป๋อี้ ตอนนี้เขาเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเขาสามารถขจัดร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของไป๋อี้ออกไปได้อย่างง่ายดาย
ยีนของร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ต่อหน้าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ร่างกายแห่งราชันก็เป็นเหมือนกับดินโคลนสกปรก ยีนของพวกเขาทั้ง 2 ไม่สามารถรวมเข้าด้วยกันได้
ต่อหน้าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่น ไป๋อี้รู้สึกราวกับว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขากลายเป็นยีนของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ตอนนี้เขาได้แต่จ้องมองพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น
“ไม่ อย่าฆ่าข้า… ข้าจะออกไปจากร่างของเจ้า!”
ในที่สุดไป๋อี้ก็รับรู้ถึงความหวาดกลัวที่แท้จริง เขาไม่รู้ว่าดยุกคนหนึ่งมีพลังที่น่ากลัวอย่างนี้ได้ยังไง หานเซิ่นไม่ได้แข็งแกร่งและเป็นระดับราชันเหมือนกับเขา แต่ถึงอย่างนั้นไป๋อี้ก็พอจะบอกได้ว่ายีนของหานเซิ่นนั้นเหนือกว่ายีนของร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขา
“มันสายเกินไปแล้ว” หานเซิ่นพูดอย่างง่ายๆ ขณะที่ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากเขาใช้พลังนี้แล้ว เขาไม่คิดจะปล่อยให้ชายคนนี้รอดไปได้
“เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้! ข้าคือองค์ชายสิบหก! ข้าเป็นบุตรชายของราชาไป๋! ข้า…” เสียงของไป๋อี้ขาดหายไป