“ทำไม?” หานเซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้าเจ้าต้องการโบราณวัตถุ มอบนางมาให้กับข้า ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้คิดถึงมันอีก เจ้าเป็นคนเลือก” ใบหน้าขององค์หญิงไม่เปลี่ยนแปลง
“ก็ได้ ตามใจเจ้า นางก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ถ้าเจ้าต้องการนาง อย่างนั้นก็เชิญเอานางไป”
หานเซิ่นกรอกตาและกลับเข้าไปในกระท่อม เขานำเป่าเอ๋อออกมาและโยนเธอไปทางองค์หญิง
องค์หญิงขมวดคิ้ว เธอรับเป่าเอ๋อเอาไว้และเดินหนีจากหานเซิ่นทันที เธอพาเป่าเอ๋อออกไปจากสวน เธอเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบราวกับว่าถ้าเธอยังอยู่ในสวนต่ออีกหนึ่งวินาที มันจะทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน
เป่าเอ๋อนอนบนไหล่ขององค์หญิงขณะที่กระพริบตาให้กับหานเซิ่น
“ผู้หญิงเวร… อย่าให้ฉันหาโอกาสได้นะ…” หานเซิ่นบ่น แต่เขากระพริบตากับให้เป่าเอ๋อ
องค์หญิงต้องการเป่าเอ๋อ และหานเซิ่นก็ต้องการให้เป่าเอ๋อช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลแทนเขา ด้วยสติปัญญาของเป่าเอ๋อ ทำให้เธอเป็นไส้ศึกที่ยอดเยี่ยม
ไป๋เวยและองค์หญิงของไซเรนไม่ได้ทำให้หานเซิ่นปวดหัวไปมากกว่านั้น แต่ที่เขากังวลมากที่สุดก็คือการนัดเจอกับไป๋หลิงซวง นั่นเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่าไป๋หลิงซวงและไป๋อี้มีข้อตกลงอะไรกัน เขาไม่รู้ว่าไป๋หลิงซวงเสนออะไรให้กับไป๋อี้ เขาถึงเข้าไปล่าหานเซิ่นภายในพิมานของอัศวิน
แต่ไม่ว่ายังไงหานเซิ่นก็จำเป็นต้องไปที่เมืองไนท์ชาร์ม เพราะไป๋อี้จะต้องไปที่นั่นอย่างแน่นอน ถ้าเขารอดกลับการจากการเผชิญหน้ากับหานเซิ่น
โชคดีที่หานเซิ่นอ่านข้อมูลทั้งหมดที่กุนซือมอบให้ก่อนจะไปที่เมืองไนท์ชาร์ม เขารู้ว่าแวดวงสังคมของไป๋อี้เป็นแบบไหน อย่างน้อยๆตอนนี้เขาก็ได้รู้อะไรอย่าง 2 อย่างเกี่ยวกับไป๋อี้
เมื่อถึงเวลานัดหมาย หานเซิ่นก็ขี่กิเลนโลหิตและเดินทางออกจากดาววอเทอร์โซน เขามุ่งหน้าไปที่เมืองไนท์ชาร์มของไป๋หลิงซวง
ไป๋หลิงซวงนั้นแตกต่างไปจากไป๋อี้และไป๋เวย เธอมีทรัพยากรมากมายมหาศาล เมืองไนท์ชาร์มนั้นเป็นเหมือนกับคลับชั้นสูงที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรของกษัตริย์ แต่มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในดินแดนของไป๋หลิงซวง
มันเป็นแค่เมืองๆหนึ่งก็จริง แต่มันเป็นเมืองที่ครอบคลุมทั้งดวงดาว เนื่องจากเมืองไนท์ชาร์มมีชื่อในหมู่เอ็กซ์ตรีมคิง การหาข้อมูลเกี่ยวกับมันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร หานเซิ่นทำการบ้านมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะออกเดินทางมา เขาหวังว่ามันจะไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา
“ไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าองค์ชายสิบหกมาถึงที่นี่แล้ว”
หานเซิ่นตีก้นของพนักงานต้อนรับและบีบมันอย่างเต็มมือ เขาพูดเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ
“องค์ชาย เมืองไนท์ริเวอร์นั้นไม่อนุญาตให้พาซีโน่เจเนอิคเข้ามา”
พนักงานต้อนรับยังคงยิ้มออกมา แต่ในดวงตาของเธอมีประกายของความโกรธ
“พวกเจ้าไม่รับซีโน่เจเนอิคของผู้อื่นอย่างนั้นหรอ? นั่นไม่เป็นไร แต่ซีโน่เจเนอิคของไป๋อี้อยู่เหนือกฎของพวกเจ้า” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกิเลนโลหิต
สีหน้าของยามรักษาการณ์เปลี่ยนไป พวกเขาก้าวมาข้างหน้าราวกับจะหยุดหานเซิ่นเอาไว้ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปประจำที่ของตัวเอง
มันมีพวกลูกขุนนางมากมายมาที่นี่ แต่เมื่อเทียบกับไป๋อี้ คนพวกนั้นก็ถือว่าสุภาพเรียบร้อยไปเลย ไม่มีใครชอบไป๋อี้ ไม่แม้แต่คนงาน
“องค์ชายโปรดรอสักครู่ องค์หญิงกำลังมา” พนักงานต้อนรับพาหานเซิ่นไปที่ชั้นบนสุด หลังจากนั้นเธอก็จากไป
‘เอ็กซ์ตรีมคิงนี่รู้จักวิธีที่ให้ความสำคัญกับตัวเองดีจริงๆ’
หานเซิ่นนั่งลงบนโซฟาและมองไปรอบๆ เขาลูบหัวของกิเลนโลหิตขณะที่คิดกับตัวเอง
“น้องสิบหก เจ้ามีซีโน่เจเนอิคครึ่งเทพแค่ตัวเดียว เจ้าไม่เห็นต้องอวดมันตลอด 24 ชั่วโมงเลย” ไป๋หลิงซวงเดินเข้ามาและมองไปที่กิเลนโลหิตขณะที่พูด
“ซีโน่เจเนอิคระดับครึ่งเทพ? มันอาจจะดูไม่เท่าไหร่ในสายตาของเจ้า แต่สำหรับองค์ชายที่ไร้ประโยชน์อย่างข้า มันถือว่าสำคัญมากๆ ข้าจำเป็นต้องพามันไปไหนมาไหนบ่อยๆ”
หานเซิ่นยกแก้วไวน์ขึ้นมาและดื่มมันเข้าไป เขามองไปที่ไป๋หลิงซวง และพูด “ยังไงก็ตามข้าต้องขอบคุณเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงจะไม่ได้รับเจ้าตัวนี้มา”
ไป๋หลิงซวงไม่ต้องการจะพูดกับหานเซิ่นเกินกว่าที่จำเป็น เธอโยนบางสิ่งให้กับเขาและปรบมือของเธอ
ผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างมากคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอเข้ามายืนถัดไปจากไป๋หลิงซวงและโค้งคำนับ หลังจากนั้นเธอก็โค้งคำนับหานเซิ่นและพูด
“ข้าชื่อเชอร์ มันถือเป็นเกียรติที่ได้พบกับองค์ชาย”
ร่างกายของเชอร์ดูน่าดึงดูดอย่างมาก ดวงตาของเธอสามารถสะกดคนๆหนึ่งได้ เสียงของเธอเป็นเหมือนกับตะขอที่สามารถดึงความสนใจของทุกคน
“จิ้งจอก!” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้างขณะที่มองไปที่เชอร์ เขาตกใจกลัว เธอมีหูและหางของจิ้งจอก
“ตอนนี้บัตรผ่านสู่พาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงและเชอร์เป็นของเจ้าแล้ว เจ้าควรจะพอใจแล้วสินะ” ไป๋หลิงซวงพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“พี่สิบเชื่อในตัวข้ามากจริงๆ” หานเซิ่นมองไปที่เชอร์ เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและเอื้อมเข้าไปในเสื้อผ้าของเธอ
เชอร์ยังคงยิ้มออกมา แต่ภายในใจเขารู้ว่าเธอเกลียดชังอะไรแบบนี้
ไป๋หลิงซวงออกไปจากห้องอย่างฉุนเฉียว และตอนนี้หานเซิ่นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาควรจะคิดเกี่ยวกับไป๋อี้ให้มากกว่านี้ สำหรับคำขอจากไป๋อี้แล้ว นี่ถือเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลจนน่าเศร้า
แต่บัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ ถึงเขาจะมาอยู่ในดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิงได้ไม่นาน แต่เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงมาก่อน
มีเพียงแค่คนของราชวงศ์ที่ได้รับรางวัลจากราชาไป๋ถึงจะได้รับบัตรผ่านนี้มา มันเป็นสิ่งที่อนุญาตให้คนของราชวงศ์เข้าไปในพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงได้ บัตรผ่านหนึ่งใบสามารถมอบสิทธิ์เข้าไปหนึ่งครั้ง
ตำนานบอกเอาไว้ว่าภายในนั้นมีสมบัติในตำนานอยู่มากมาย และมีเพียงแค่คนของราชวงศ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงพวกมัน ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่คนของราชวงศ์ บัตรผ่านก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ไป๋อี้ไม่เคยได้รับบัตรผ่านมาก่อน หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าข้อตกลงระหว่างไป๋อี้กับไป๋หลิงซวงจะทำให้เขาได้รับบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิง การค้นพบนี้ทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก
แต่จิ้งจอกสาวที่เป็นอีกข้อตกลงหนึ่งของไป๋อี้ ทำให้หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรต่อไปดี
จากนิสัยของไป๋อี้ เขาคงจะต้องทำอะไรกับจิ้งจอกสาวคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่หานเซิ่นไม่ใช่ไป๋อี้ เขาชอบผู้หญิงเหมือนกัน แต่เขาไม่ต้องการทำอะไรกับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก
และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นภายในห้องมีกล้องอยู่ หานเซิ่นไม่ได้มีความชอบทางเพศที่ถูกจับตามอง
แต่ตอนนี้เขากำลังปลอมตัวเป็นไป๋อี้ การปล่อยตัวผู้หญิงที่ไป๋อี้ฝันถึงมาตลอดโดยไม่ทำอะไรจะทำให้ไป๋หลิงซวงสงสัยเอาได้
หานเซิ่นยังคิดอีกว่าไป๋หลิงซวงยังคงนั่งอยู่หลังหน้าจอกล้องวงจรปิดเพื่อมองดูทุกการเคลื่อนไหวของเขา
หานเซิ่นจับเอวของเชอร์เอาไว้ขณะที่พยายามคิดว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
“องค์ชาย นี่เป็นครั้งแรกของข้า ได้โปรดทำอย่างอ่อนโยน…”
ใบหน้าของเชอร์เปลี่ยนเป็นสีแดง ผิวบริเวณหน้าอกของเธอมีสีชมพูอ่อนๆ เธอดูมีเสน่ห์มากๆ การได้เห็นเธอจะทำให้ผู้ชายรู้สึกมีความต้องการทางเพศ