ความงามของเชอร์ทำให้หัวใจของผู้ชายเต้นรัว แต่ในดวงตาของหานเซิ่นนั้นเธอไม่ได้น่าดึงดูดเลยสักนิด
หานเซิ่นเคยเห็นผู้หญิงที่งดงามมามากมาย ตอนนี้เขาไม่ได้ตัดสินคนแค่เปลือกนอก สิ่งที่อยู่ภายในนั้นสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายนอก
ดูเหมือนกับว่าเชอร์จะรังเกียจไป๋อี้อย่างมาก ท่ายั่วยวนที่เธอแสดงออกมานั้นมีจุดประสงค์เฉพาะ คนปกติอาจจะถูกดึงดูดด้วยท่าทางยั่วยวนของเธอ แต่หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ
เชอร์ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่หานเซิ่นชอบ และถึงเขาจะชอบเธอ เขาก็จะไม่ทำอะไรผู้หญิงง่ายๆแบบนั้น
แต่ในตอนนี้ถ้าหานเซิ่นไม่ทำอะไร เขาก็จะตกเป็นที่ต้องสงสัยได้
ไป๋อี้ที่ชั่วร้ายและบ้ากามคงจะไม่ลังเลที่จะทำบางสิ่งกับผู้หญิงที่งดงาม
ไป๋หลิงซวงจะไม่เชื่อคำโกหกของหานเซิ่นถ้าเขาแสดงความยับยั้งชั่งใจ
หานเซิ่นอุ้มเชอร์ขึ้นมาและพาเธอไปที่เตียง
เชอร์พิงหน้าอกของหานเซิ่นด้วยท่าทางเขินอาย แขนของเธอคล้องรอบคอของหานเซิ่น
เมื่อหานเซิ่นวางเชอร์ลงบนเตียง ดวงตาที่งดงามของเธอก็มามองที่ดวงตาของหานเซิ่น ดวงตาของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่ 10 เซนติเมตรเท่านั้น
หานเซิ่นพยายามจะหันหน้าหนี เขาอยากจะใช้วิชาจีโน แต่ดวงตาของเชอร์ดูแปลกมากๆ พวกมันเป็นเหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดหัวใจของผู้คน หานเซิ่นกำลังต้องมนต์สะกดของดวงตาที่ดึงดูดของเธอ
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาหยุดวิชาจีโนและทำเหมือนกับว่าเขาหลงไหลมนต์เสน่ห์ของเธอ เขาเคยเห็นดวงตานี้มาก่อนในตอนที่เขาถูกกักขังอยู่ในปราสาทโกสต์โบน ราชินีจิ้งจอกพยายามจะหลอกเขาด้วยวิธีการเดียวกัน หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าเชอร์จะมีความสามารถเดียวกันนี้ด้วย
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอกว่าเธอเป็นหนึ่งในจิ้งจอกเปลี่ยนร่าง พวกเธอทั้ง 2 เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน และความสามารถก็อาจจะเป็นความสามารถที่จิ้งจอกเปลี่ยนร่างทุกคนมี มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เชอร์สามารถทำแบบนี้ได้ แต่เมื่อเทียบกับราชินีจิ้งจอกแล้ว เชอร์ถือว่ายังเป็นมือสมัครเล่น
แต่พลังของเชอร์ก็ยังทำให้หานเซิ่นประหลาดใจอยู่ดี เธอต้องเป็นระดับราชันอย่างแน่นอน
จิ้งจอกเปลี่ยนร่างมีความสามารถในการปิดบังความแข็งแกร่งของตัวเอง และมันก็มีประสิทธิภาพมากๆ
แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับการที่ราชินีจิ้งจอกปลอมตัวเป็นราชองครักษ์ระดับราชันเพื่อแฝงตัวเข้าในเอ็กซ์ตรีมคิงทั้งๆที่เป็นระดับเทพเจ้า นี่ก็ไม่ถือว่าพิเศษอะไร
หานเซิ่นคุ้นเคยกับวิชาจีโนนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยายังไง ดวงตาของเขาเริ่มดูมึนงงราวกับต้องมนต์สะกดขณะที่ตัวแข็งทื่อไป
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ล้มตัวลงไปนอนบนตัวของเชอร์ เขาเป็นเหมือนกับซอมบี้
‘เชอร์คนนี้ใช้วิชาล่อลวงเพื่อทำให้เราตกอยู่ในมนต์สะกด เธอพยายามทำให้เราคิดว่าเราทำอะไรบางอย่างกับเธอแล้ว คนส่วนใหญ่คงจะไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นความคิดของเธอเองหรือว่ามันเป็นสิ่งที่ไป๋หลิงซวงสั่งให้เธอทำกัน?’ หานเซิ่นสงสัย แต่เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ 2
เชอร์มองหานเซิ่นด้วยความขยะแขยงขณะที่เธอผลักเขาออกไป เธอนั่งลงบนเตียงและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอดูสะอิดสะเอียนอย่างมาก
ประตูลับในห้องเปิดออกและไป๋หลิงซวงก็เดินเข้ามา
เชอร์โค้งคำนับและพูด “องค์หญิง ข้าทำให้เขาตกอยู่ในมนต์สะกดเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ไป๋หลิงซวงพยักหน้า “ดีมาก ถอดชุดของเขาและปลดเอาทุกอย่างออกให้หมด ข้าต้องการดูเขาชัดๆ”
“องค์หญิงคิดว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติกับองค์ชายสิบหกอย่างนั้นหรอ?” เชอร์ถาม
“ก็ไม่ซะทีเดียว… ข้าแค่รู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเขา” ไป๋หลิงซวงพูด
‘ดูเหมือนว่าการพยายามปลอมตัวเป็นไป๋อี้ของเราจะล้มเหลว’
หานเซิ่นคิด ขณะได้ยินเสียงเชอร์ดังขึ้นมา “ว่าแต่ทำไมกิเลนโลหิตถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?”
เนื่องจากไป๋หลิงซวงและเชอร์อยู่ที่นี่ หานเซิ่นจึงไม่กล้าใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อสแกนรอบๆห้อง หานเซิ่นกังวลว่าทั้งคู่จะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาเห็นว่ากิเลนโลหิตนอนอยู่ตรงนั้นและไม่เคลื่อนไหวใดๆราวกับว่ามันกำลังหลับอยู่
แต่หานเซิ่นรู้ว่าไม่มีทางที่กิเลนโลหิตจะหลับจริงๆ เพราะถ้ามันหลับไป การเข้ามาของไป๋หลิงซวงก็จะปลุกให้มันตื่นขึ้น แต่ตอนนี้มันแค่นอนนิ่งๆ มันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เชอร์เดินเข้ามาอย่างสงบเงียบและเริ่มถอดเสื้อผ้าของหานเซิ่น หานเซิ่นได้แต่นอนนิ่งๆ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะพังทลาย
เชอร์นำเสื้อผ้าและสิ่งของที่หานเซิ่นพกติดตัวไปวางตรงหน้าไป๋หลิงซวง ไป๋หลิงซวงตรวจดูข้าวของและพูด
“มีดเขี้ยวผีสิงนี้ของหานเซิ่น ใบมีดสายฟ้าสีเงินนี้ก็เป็นของหานเซิ่นเช่นกัน มันอาจจะเป็นถึงอาวุธระดับครึ่งเทพเลยก็เป็นได้ เจดดรัมนี้ดูแตกกต่างไปจากเจดดรัมปกติ บางทีมันอาจจะเป็นเจดดรัมกลายพันธุ์ ของทั้งหมดนี่คงจะต้องเป็นของหานเซิ่น”
“ทำไมเขาถึงพกแต่สิ่งของของหานเซิ่น?” เชอร์ขมวดคิ้ว
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาต้องการจะพกสิ่งของของไป๋อี้ติดตัวมาด้วย แต่พวกมันทั้งหมดถูกหมาป่าโลหะสีฟ้ากินเข้าไปหมดแล้ว และมันก็ไม่มีของมีค่าอะไรภายในบ้านของเขา หานเซิ่นพบแค่เครื่องประดับไม่กี่อย่างเท่านั้น ไป๋อี้ไม่มีสมบัติซีโน่เจเนอิคหรือสิ่งของระดับราชันอยู่เลย
ไป๋หลิงซวงพูด “ไป๋อี้นั้นบ้ากามและติดการพนัน ที่เขายังไม่สูญเสียทุกอย่างก็เพราะเขาแต่งงานกับหลันไห่ซิน แต่หลันไห่ซินคนนั้นมีจุดประสงค์ของตัวเองถึงแต่งงานกับเขา นางไม่ได้หลงรักไป๋อี้ สิ่งที่นางครอบครองอยู่จะไม่ถูกมอบให้กับไป๋อี้ ถึงไป๋อี้จะมีฐานะเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากทาสรับใช้คนหนึ่ง สถานการณ์ของเขาค่อนข้างแย่ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่โลภมากพอที่จะขอบัตรผ่านสู่พาวิลเลี่ยนจากข้า”
“โชคดีที่เขาถูกเลือกให้ไปฆ่าหานเซิ่น นั่นเป็นรางวัลที่เขาได้รับ หานเซิ่นเป็นคนพิเศษจริงๆ แต่เขาก็เป็นคนที่โง่เขลา เขาเลือกที่จะรับใช้ไป๋เวยคนนั้น เขาสมควรตายแล้ว”
ไป๋หลิงซวงตรวจเช็คสิ่งของทุกอย่างและโยนพวกมันทิ้งไป เธอเดินกลับเข้าไปในประตูลับและพูด “ไปหาผู้หญิงเผ่าหมูมาคนหนึ่ง พวกเราจำเป็นต้องทำให้มันดูสมจริง อย่าให้เขาจับผิดอะไรได้หลังจากที่ตื่นขึ้นมา”
‘ทำไมพวกเธอถึงได้โหดร้ายขนาดนี้? นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!’
หานเซิ่นคิด คนเผ่าหมูมีร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวเป็นหมู พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรง แต่พวกเขาเป็นแค่ทาสเท่านั้น
ไป๋หลิงซวงต้องการให้ผู้หญิงเผ่าหมูคนหนึ่งมาขึ้นเตียงกับเขา หานเซิ่นรู้สึกอยากจะกระโดดขึ้นมาและฆ่าเธอ
เชอร์นำสิ่งของของหานเซิ่นกลับมาที่เตียงและโยนพวกมันลงไป เธอยกขาขึ้นและเตะที่ร่างกายของหานเซิ่นอย่างแรง เธอพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ
“กล้าแตะต้องตัวข้าอย่างนั้นหรอ? รอคอยเดี๋ยวก่อนนะ”
หลังจากนั้นเชอร์ก็หันกลับเพื่อจะไปเรียกผู้หญิงเผ่าหมูมา หานเซิ่นคิดว่านี่คือที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถแกล้งทำแบบนี้อีกต่อไปได้ ในจังหวะที่เชอร์หันหลัง หานเซิ่นก็กระโดดขึ้นมา เขาจับเธอจากด้านหลังและใช้มือปิดปากของเธอเอาไว้ขณะที่โยนเธอลงบนเตียง
พลังน้ำแข็งของวิชากายหยกและแสงแห่งเทพระดับราชันของร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์รวมเข้าด้วยกันเพื่อล็อคร่างของเชอร์เอาไว้ เธอตั้งตัวไม่ทันและแข็งทื่อไปทันที
แต่เธอเป็นระดับราชัน พลังน้ำแข็งของหานเซิ่นจึงละลายอย่างรวดเร็ว