ถ้าองค์ชายหรือองค์หญิงคนหนึ่งไม่ได้รับพรจากคิงอีซ คนอื่นๆก็จะคิดว่าองค์ชายหรือองค์หญิงคนนั้นถูกสาปโดยความโชคร้าย คนแบบนั้นไม่มีทางที่จะนำพาเอ็กซ์ตรีมคิงและครองโลกนี้ได้
ถึงแม้การได้รับการคุ้มครองของคิงอีซจะไม่ได้แสดงถึงความโชคดีซะทีเดียว แต่มันก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองพวกเขา ด้วยเหตุนั้นคนในราชวงศ์จึงไม่คิดจะมารับการคุ้มครองจากคิงอีซโดยสุ่มสี่สุ่มห้า
ในยุคสมัยราชาเป่า มันมีองค์ชายคนหนึ่งที่เป็นรักมากๆ เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม ราชาเป่าโปรดปรานเขาอย่างมากและขุนนางส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าองค์ชายคนนั้นจะได้สืบราชบัลลังก์ต่อจากราชาเป่า
แม้แต่ตัวองค์ชายเองก็เชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่จะได้ครองบัลลังก์ต่อ เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ได้รับพรแห่งโชคลาภ ดังนั้นเขาจึงมาที่คิงโคฟเวอร์เพื่อทดสอบความเชื่อนั้น แต่เขากลับไม่ได้รับความคุ้มครองจากคิงอีซ หลังจากเหตุการณ์นั้นความโปรดปรานของราชาเป่าก็สลายไป เขาไม่ได้ให้องค์ชายคนนั้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากเขาและส่งต่อบัลลังก์ไปให้กับองค์ชายที่ตอนนี้ถูกรู้จักกันในนามราชาไป๋แทน
องค์ชายคนนั้นไม่ได้สูญเสียบัลลังก์เป็นเพียงเพราะเขาไม่ได้ความคุ้มครองของคิงอีซ แต่มันก็เป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่ง
เหตุการณ์ที่เหมือนๆกันนี้เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยของเอ็กซ์ตรีมคิง
ด้วยเหตุนั้นคนของราชวงศ์ที่ต้องการขึ้นครองบัลลังก์จึงไม่กล้าเสี่ยง มันมีแค่คนที่ไม่มักใหญ่ใฝ่สูงเท่านั้นที่ยินดีจะลองดู เพราะการถูกปฏิเสธไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเขามากนัก
ราชวงศ์คนที่ได้รับพรจาก 5 คิงอีซนั้นจะถูกมองว่าเป็นคนที่โชคดี การได้รับพรจาก 9 คิงอีซจะหมายความว่าคนนั้นเป็นคนที่โชคดีมากๆ การได้รับมากกว่า 9 พรนั้นเป็นบางสิ่งที่หาได้ยากแบบสุดๆ
แต่ถึงจะได้รับการคุ้มครองจาก 9 คิงอีซก็ไม่ได้รับประกันว่าคนๆนั้นจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นการคุ้มครองของคิงอีซก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
โชคดีที่ตัวพรของคิงอีซเองมีประโยชน์ มันเป็นสิ่งที่ดีและยิ่งมีมันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดี
ไป๋ชิงเสียเคลื่อนไหวเข้ามาหาหานเซิ่นราวกับก้อนเมฆ
หลังจากที่หานเซิ่นใช้หมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิงเพื่อตอบโต้ฝ่ามือของไป๋ชิงเสียแล้ว การต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป
เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กับต้นไม้กษัตริย์มากเกินไป และพวกเขาก็ไม่อยากจะทำให้ต้นไม้ได้รับความเสียหาย ดังนั้นพวกเขาจึงใช้แค่พละกำลังในการต่อสู้
“ไป๋ชิงเสียมีวิชาฝ่ามือที่เยี่ยมยอด นั่นคงจะต้องเป็นเฮเทร็ดไทม์เท็นของกษัตริย์องค์ที่ 7” องค์ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาขณะมองไปที่ไป๋ชิงเสีย
“มันคือเฮเทร็ดไทม์เท็นจริงๆ ไทม์วันคือหนึ่งขั้น ขณะที่ไทม์เท็นก็คือระดับครึ่งเทพ ไม่อยากเชื่อเลยว่าไป๋ชิงเสียจะฝึกฝนวิชานี้ เขาเพิ่งจะกลายเป็นระดับราชันใช่ไหม อย่างนั้นเฮเทร็ดไทม์เท็นของเขาก็คงจะอยู่แค่ขั้นแรกเท่านั้น” องค์ชายอีกคนพูด
“แต่ไป๋ชิงเสียนั้นอ่อนแอ มันน่าประหลาดใจที่เขาเรียนรู้วิชาจีโนที่ทรงพลังแบบนั้นได้” องค์ชายอีกคนกล่าว
ไป๋หลิงซวงมองดูไป๋ชิงเสียและขมวดคิ้ว “ไป๋ชิงเสียซ่อนความสามารถของตัวเองมาโดยตลอดอย่างนั้นหรอ? ดูเหมือนว่าเขามาที่นี่เพื่อรับพรจากคิงอีซ นั่นถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ปกติ พวกเราประเมินเขาต่ำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด”
คุณหญิงมิร์เรอร์ดูสนใจขึ้นมาเมื่อได้เห็นเฮเทร็ดไทม์เท็นของไป๋ชิงเสีย
“องค์ชายผู้งดงามคนนี้ฝึกเฮเทร็ดไทม์เท็น นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้อยู่ที่ขั้นแรก นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็หัวเราะและพูด “ดี! มาดูสิว่าเขาจะต่อกรกับหานเซิ่นได้ดีแค่ไหน”
หานเซิ่นใช้หมัดช็อคกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีงคิงเพื่อต่อสู้กับไป๋ชิงเสีย หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจขณะที่พวกเขาต่อสู้กัน ความสามารถในการต่อสู้ของชายผู้งดงามคนนี้เหนือความคาดหมายของเขามาก
ฝ่ามือของอีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว พวกมันไม่ได้ดูแข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ให้ความรู้สึกที่ชั่วร้าย หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงมันอย่างชัดเจน และถ้าเขาไม่ระมัดระวังล่ะก็ การโดนเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือก็สามารถลดพลังชีวิตของเขาครึ่งหนึ่งได้
“แปลกจริงๆ ทำไมพี่สิบหกถึงใช้แค่หมัดซ็อคกิ้งสกาย? นี่เขารู้เพียงแค่วิชานี้วิชาเดียวอย่างนั้นหรอ?” องค์ชายสิบเก้าขมวดคิ้ว
องค์ชายสิบเก้ายืนอยู่ข้างองค์ชายสิบสี่ไป๋ชางลัง ไป๋ชางลังหัวเราะและพูด
“น้องสิบหกจงใจดูถูกน้องสิบเจ็ด เขาต้องการจะใช้แค่หมัดช็อคกิ้งสกายเอาชนะเฮเทร็ดไทม์เท็น นิสัยอวดดีของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด โชคดีที่น้องสิบเจ็ดฝึกสำเร็จแค่ขั้นแรกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นน้องสิบหกก็คงจะถูกฆ่าไปแล้ว”
“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ชายอย่างเขาถึงปลุกรูปปั้นอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้” องค์ชายสิบเก้าพูดพร้อมกับเบะปาก
“ทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่ตัวเองโชคดีอยู่บ้าง” ไป๋ชางลังมองไปที่หานเซิ่นด้วยความดูถูก
ไป๋ชิงเสียสังเกตเห็นว่าไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนวิชาฝ่ามือมากแค่ไหน หานเซิ่นก็ยังคงใช้แค่หมัดช็อคกิ้งสกายอย่างเดียว เขาเชื่อหานเซิ่นกำลังจงใจดูถูกเขาอยู่ และใบหน้าของเขาก็แดงด้วยความโกรธ
ทันใดนั้นไป๋ชิงเสียก็เปลี่ยนวิชาฝ่ามือของเขา วิชาฝ่ามือที่ดูอ่อนแอกลายเป็นเลเซอร์ และตอนนี้หนึ่งในฝ่ามือก็ตรงเข้าใส่หานเซิ่น
“รักที่มากเกินไปจะกลายเป็นความเกลียดชัง… นั่นคือขั้นที่ 2 ของเฮเทร็ดไทม์เท็น! นั่นเป็นไปได้ยังไง? ไป๋ชิงเสียมีร่างกายระดับราชันขั้นแรก! เขาใช้เฮเทร็ดไทม์ทูได้ยังไง?” องค์ชายสิบเก้าตกใจ
ใบหน้าของไป๋ชางลังเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน เขาดูตกตะลึงไม่ต่างกัน
องค์ชายและองค์หญิงหลายคนจ้องมองการต่อสู้อย่างพูดอะไรไม่ออก ไป๋หลิงซวงขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่าพวกเราต้องบอกลาไป๋ชิงเสียแล้ว เขากำลังใช้เฮเทร็ดไทม์ทูด้วยร่างกายระดับราชันขั้นแรก มันคงจะต้องใช้ความเจ้าเล่ห์อย่างมากเพื่อซ่อนพลังทั้งหมดนี้ไว้ภายในร่างกายที่พวกเราทุกคนคิดว่าเจ็บป่วยและอ่อนแอ”
หานเซิ่นไม่หลบ เขาชกหมัดช็อคกิ้งสกายอีกครั้งและหมัดของเขาก็ปะทะกับแสงเลเซอร์ของอีกฝ่าย
ปัง!
แรงระเบิดเกิดขึ้นและแสงเลเซอร์ก็ถูกบดขยี้ด้วยหมัดของหานเซิ่น
‘นั่นเป็นหมัดช็อคกิ้งสกายที่สมบูรณ์แบบ ไม่แปลกใจเลยที่พี่สิบหกเข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ’ ไป๋ชิงเสียคิด เขาสะบัดฝ่ามือและครั้งนี้มันเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ มันเหมือนกับว่าเขาค่อยๆผลักภูเขาลูกหนึ่งเข้าไปใส่หานเซิ่น
“หนึ่งฝ่ามือเพื่อแบ่งแยกวัฏจักรกลางวันและกลางคืน… มันคือเฮเทร็ดไทม์ทรี!” องค์ชายคนหนึ่งตกตะลึง
ทุกคนเชื่อมาตลอดว่าไป๋ชิงเสียนั้นอ่อนแอ แต่จู่ๆเขาก็กลายเป็นคนที่มากด้วยพลังและพรสวรรค์
เฮเทร็ดไทม์เท็นเป็นวิชาที่ฝึกได้ยากมาก มีน้อยคนนักที่จะสามารถฝึกมันได้ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่น่าตกใจที่ไป๋ชิงเสียเรียนรู้วิชานี้ และตอนนี้ร่างกายระดับราชันขั้นแรกของเขาก็สามารถใช้ฝ่ามือแยกวัฏจักรกลางวันกลางคืนอีก
“พรสวรรค์ที่น่ากลัว จิตใจที่ล้ำลึก” สายตาของราชวงศ์คนอื่นเปลี่ยนไปขณะที่พวกเขามองไปที่ไป๋ชิงเสีย พวกเขาเคยมองไป๋ชิงเสียด้วยความสงสาร แต่ตอนนี้ไม่อีกต่อไปแล้ว