ระหว่างกระบวนวิวัฒนาการสู่ระดับดยุก พลังโกสต์โบนภายในตัวหานเซิ่นถูกใช้ไปจนหมด และนั่นแค่ทำให้เขาเลื่อนไปสู่ระดับดยุก เรื่องราวของยีนจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมหาศาลเพื่อเลื่อนระดับ
สัญลักษณ์คิงอิซยังคงร่วงลงมาและผลักดันเรื่องราวของยีนไปข้างหน้าอย่างเต็มความเร็ว
ไม่นานเรื่องราวของยีนก็กำลังจะปลดล็อคยีนขั้นแรกของมัน แต่ถึงเรื่องราวของยีนจะมีพลังงานมหาศาล แต่มันก็ขาดสิ่งสุดท้ายที่จะกระตุ้นให้ยีนถูกปลดล็อค
หานเซิ่นดูย่ำแย่ พลังงานของคิงอิซยังคงพากันเข้าไปในร่างกายของเขา และพวกมันทั้งหมดไม่มีที่จะไป ยีนของเรื่องราวของยีนยังคงปิดสนิทและกักเก็บพลังเอาไว้ภายใน มันเหมือนกับการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำ และทำให้น้ำไม่สามารถไปไหลไปไหนได้ ไม่ช้าก็เร็วเขื่อนจะรับน้ำไม่ไหวและพังทลายในที่สุด
ในตอนนี้ร่างกายของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเขื่อน ถ้าพลังงานหรือในที่นี่คือระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายของหานเซิ่นก็จะทนไม่ไหวและถูกทำลาย
“โอ้ไม่นะ! การปลดล็อคยีนคงจะไม่ใช้ได้เพียงยีนระดับดยุกอย่างเดียวหรอกใช่ไหม?”
ภายใต้พลังงานมหาศาล หานเซิ่นก็ยังไม่สามารถปลดล็อคยีนได้ และเขาก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ร่างกายของเขาแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจีโน สำหรับเขายีนระดับดยุกหนึ่งร้อยพ้อยสามารถปลดล็อคยีนหนึ่งได้ และเมื่อตอนนี้พลังมากมายเข้ามาในร่างกายของเขา แต่เขาไม่สามารถปลดล็อคยีนล็อคได้ นั่นคงจะเป็นเหตุผลของมัน
แต่หานเซิ่นไม่มีเวลามายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ พลังของคิงอิซยังคงหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาเรื่อยๆ และแม้แต่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาก็ไม่สามารถกักเก็บมันได้
โชคดีที่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์สามารถรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นพลังมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาก็คงจะฉีกร่างกายของเขาเป็นชิ้นๆเรียบร้อยแล้ว
แต่ไม่ว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์จะมีคุณสมบัติในการรักษาตัวเองที่เยี่ยมยอดสักแค่ไหน ร่างกายของเขาก็ดูดซับคิงอิซเข้าไปมากเกินไปอยู่ดี ตอนนี้ร่างกายของเขาเรืองแสงสีทองสว่างไสว และร่างกายน้ำของเขาก็ดูปูดบวมขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้มันดูใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า
ยิ่งคิงอิซร่วงลงมามากเท่าไหร่ ร่างน้ำของเขาก็บวดขึ้นเรื่อยๆ มันพร้อมที่จะแตกกระจายได้ทุกเมื่อ
มันเหลือคิงอิซอีกไม่มากนัก หานเซิ่นกัดฟันและพยายามทนเอาไว้ ร่างกายของเขากำลังจะระเบิด ในตอนนี้สัญลักษณ์คิงอิซนับไม่ถ้วนอยู่ภายในร่างกายของเขา
โชคดีที่มันยังไม่ระเบิด และเมื่อคิงอิซตัวสุดท้ายร่วงลงมาสัมผัสกับร่างกายของหานเซิ่น เขาก็ถอนหายใจออกมา
แต่วินาทีต่อมา ใบหน้าของหานเซิ่นก็ดูแย่อย่างที่สุด สัญลักษณ์คิงอิซทั้งหมดภายในร่างกายของเขากำลังปั่นป่วน และเขาไม่มีโอกาสจะทำให้พวกมันสงบลงได้
ไป๋หลิงซวงมองดูหานเซิ่นด้วยสายตาที่ซับซ้อน หลังจากนั้นร่างน้ำของหานเซิ่นก็ระเบิดในที่สุด เขาระเบิดเป็นหมอกที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ
ตัวอักษรสีทองแต่ละตัวหมุนวนอยู่ภายใน มันเป็นภาพที่แปลกประหลาด
หลังจากผ่านไปสักพัก แสงของคิงอิซก็มัวลงไป และหมอกเหล่านั้นก็กลับมารวมกันเป็นร่างของมนุษย์น้ำ หลังจากนั้นใบหน้าของหานเซิ่นก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ทำให้เขาสามารถรวมร่างกายที่ระเบิดให้กลับสู่สภาพเดิมอีกครั้งได้ ถ้าเป็นร่างกายแห่งราชันอื่นๆ ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน การถูกระเบิดแบบนั้นก็จะทำให้เขาต้องตาย
ร่างน้ำค่อยๆกลับคืนเป็นเนื้อหนังและเผยให้เห็นหานเซิ่นที่มีใบหน้าซีดเซียว ถึงร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์จะสามารถประกอบตัวกลับสู่สภาพเดิมได้ แต่เขาก็ยังคงได้รับความเสียหายอยู่ดี
“น้องสิบเจ็ด ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นฝ่ายชนะ” หานเซิ่นหันไปพูดกับไป๋ชิงเสีย
ไป๋ชิงเสียมองกลับมาและพูด “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าอัจฉริยะอย่างเจ้าปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นได้ยังไง เจ้าเป็นคนที่พิเศษจริงๆ ข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
หานเซิ่นคิดจะออกไปจากที่นั่น แต่เพียงแค่ก้าวได้ 2 เก้าก็เกือบจะทำให้เขาล้มลงไป เขารู้สึกอ่อนแอจนแทบจะยืนไม่ไหว
หานเซิ่นโบกมือเรียกกิเลนโลหิต และกิเลนโลหิตก็รีบเคลื่อนที่เข้ามาข้างกายเขา หานเซิ่นพยุงตัวเองขึ้นไปบนหลังของมันเพื่อที่มันจะได้พาเขาออกไปจากสวนของกษัตริย์
เรื่องที่องค์ชายไป๋อี้กระตุ้นให้คิงอิซร่วงหล่นลงมาราวกับฝนดาวตกนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่ในอาณาจักรของกษัตริย์ภายในเวลาอันสั้น
ไป๋อี้เคยมีชื่อเสียงที่เลวร้าย แต่ตอนนี้ชื่อของเขาฟังดูดีขึ้นมาก
หานเซิ่นกลับไปเก็บตัวบนดาววอเทอร์โซนโดยอ้างว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก เขาต้องการจะอยู่ตามลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็มาเยี่ยมเขา
หนึ่งในแขกที่มาเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธาตุน้ำที่ถูกส่งมาโดยราชาไป๋ เธออ้างว่ามาเพื่อรักษาหานเซิ่น แต่จริงๆแล้วมันเป็นเพราะราชาไป๋สงสัยในตัวหานเซิ่น เขาต้องการให้ยอดฝีมือคนนั้นช่วยตรวจสอบร่างกายของหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
เพราะยังไงซะไป๋อี้ก็ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์อะไร แต่จู่ๆเขากลับสามารถปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นและยังก่อเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อใต้ต้นไม้กษัตริย์อีก ราชาไป๋รู้สึกสงสัยในตัวหานเซิ่น ดังนั้นเขาจึงได้สั่งให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนั้นมารักษาหานเซิ่น เขาต้องการจะตรวจสอบร่างกายของหานเซิ่นเพื่อยืนยันว่าใช่องค์ชายไป๋อี้จริงๆหรือเปล่า
“กัปตันวอเทอร์มูน อี้เอ๋อเป็นยังไงบ้าง?” ราชาไป๋ถามอย่างไร้โทนเสียง
กัปตันวอเทอร์มูนตอบ “องค์ชายสิบหกอาการไม่สู้ดีนัก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังของคิงอิซ ทำให้เขาใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์หรือพลังอื่นอย่างปกติไม่ได้ และข้าก็ไม่มีหนทางจะรักษาเขาเช่นกัน”
“ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาแยกตัวออกจากพลังของคิงอิซไม่ได้หรือยังไง?” ราชาไป๋ขมวดคิ้ว
กัปตันวอเทอร์มูนอธิบาย “ถ้านี่เป็นร่างกายปกติ องค์ชายสิบหกคงจะตายตั้งแต่ตอนที่ร่างกายของเขาระเบิด ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขารอดมาได้ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่พลังของคิงอิซแทรกตัวเข้าไปในสสารของร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขา มันเป็นไม่ได้ที่จะแยกพวกมันทั้ง 2 ด้วยการใช้แรงจากภายนอก เพื่อขจัดคิงอิซ ท่านอาจจะต้องทำลายร่างกายนั้น แต่นั่นก็จะเป็นการฆ่าองค์ชายสิบหกไปพร้อมกัน”
“มันไม่มีหนทางอื่นแล้วอย่างนั้นหรอ?” ราชาไป๋ถามขณะที่มองไปที่กัปตันวอเทอร์มูน
“ข้อน้อยไร้ความสามารถ” กัปต้นวอเทอร์มูนส่ายหัว
ไม่นานหลังจากที่กัปตันวอเทอร์มูนออกไป คุณหญิงมิร์เรอร์ก็เข้ามาในห้องทรงพระอักษรของราชาไป๋
“น้องพี่ เจ้าไปตรวดดูอี้เอ๋อและกลับมารายงานโดยเร็ว” ราชาไป๋พูดกับคุณหญิงมิร์เรอร์ทันทีที่เธอเข้ามา
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่ราชาไป๋และถาม “ท่านคิดว่ามีปัญหาบางอย่างกับไป๋อี้งั้นหรอ?”
“ในฐานะพ่อ ข้าหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร แต่ว่า…”
ก่อนที่ราชาไป๋จะพูดจบ เขาก็สะบัดมือ “ไปได้แล้ว หาคำตอบให้ข้าโดยเร็วที่สุด และก่อนจะได้รับคำตอบ ห้ามไม่ให้ไป๋อี้ออกไปจากอาณาจักรเป็นอันขาด”
“ทราบแล้ว” คุณหญิงมิร์เรอร์โค้งคำนับและออกไปจากห้องทรงพระอักษร
“หานเซิ่น” คุณหญิงไวท์พึมพำหลังจากที่เดินออกมา รอยยิ้มที่น่าขนลุกปรากฏบนใบหน้าของเธอ