“แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะตายในเร็วๆนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ดวงตาของอะลางเบิกกว้างขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไง? เจ้าไม่กลัวว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตจะได้ยินและมาฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นตกใจ “ข้าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เจ้าพยายามจะบอก”
อะลางรีบพูดออกมา “ตอนไหนกันที่ข้าบอกว่าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตกำลังจะตาย? ข้าบอกแค่ว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อดูแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตวิวัฒนาการกลายเป็นเทพสปิริต”
“วิวัฒนาการกลายเป็นเทพสปิริต? ระดับแบบนั้นมีอยู่ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตามตำนานมันคือสิ่งที่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าปรารถนา แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับอะไรพ่อค้าอย่างพวกเรา พวกเราแค่มาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์และหาเงินไปด้วยเท่านั้น”
อะลางหยุดไปชั่วครู่เพื่อมองไปรอบๆและกระซิบ “แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ดูเหมือนจะเชื่อว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตวอเทอร์จะวิวัฒนาการไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงโชคของตัวเองดู พวกเขาต้องการแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน”
“แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน? นั่นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
อะลางมองหานเซิ่นด้วยความแปลกใจและพูด “สุดหล่อ ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินคืออะไร? ทำไมเจ้าถึงเดินทางมาที่นี่?”
“นั่นเป็นธุระของข้า รีบบอกมาว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินที่ว่าคืออะไร” หานเซิ่นพูด
อะลางยักไหล่และพูด “การมีอยู่ของแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นต่างไปจากคนและสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป ถ้าแอนเชี่ยนท์ก็อตหนึ่งกำเนิดขึ้นมา แอนเชี่ยนท์ก็อตอีกหนึ่งก็จะต้องตายไป ถ้าแอนเชี่ยนท์ก็อตหนึ่งตาย แอนเชี่ยนท์ก็อตอีกหนึ่งก็จะกำเนิดขึ้นมา มีแค่ตอนที่แอนเชี่ยนท์ก็อตก่อนหน้าตายไปแล้วเท่านั้น แอนเชี่ยนท์ก็อตใหม่ถึงจะกำเนิดขึ้นมาได้ ในจักรวาลแห่งนี้มีจำนวนแอนเชี่ยนท์ก็อตอยู่ตายตัว ถ้าแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริตไม่สำเร็จ เขาก็จะทิ้งแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเอาไว้เบื้องหลัง ซึ่งแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินนั้นจะกลายเป็นแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตคนใหม่”
อะลางหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเทียบได้กับไข่ของเผ่าพันธุ์อื่น เจ้าจำเป็นต้องมีพลังธาตุเดียวกันเพื่อจะฝักมัน ถ้าเจ้าได้รับการยอมรับจากแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน มันก็จะติดตามเจ้า สำหรับสิ่งมีชีวิตธาตุน้ำแล้ว นั่นถือเป็นบริวารที่สูงส่ง”
“มันมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นด้วยอย่างนั้นหรอ? ถ้าข้ากินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเข้าไป ข้าจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไหมนะ?” หานเซิ่นลูบคางของตัวเองขณะที่พูด
“กินมัน?” อะลางจ้องหานเซิ่นราวกับว่าเขากำลังเห็นผี หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดขึ้นมา
“แอนเชี่ยนท์ก็อตเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด พวกเขามีพลังมหาศาล แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทำอะไรแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินไม่ได้ แถมแอนเชี่ยนท์ก็อตมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่มากมาย พวกเขาจะปกป้องมัน พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นได้เข้าใกล้มัน”
“เจ้าพูดถึง แต่ถึงยอดฝีมือระดับเทพเจ้าจะกินมันไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้ นี่ถือเป็นโอกาสที่ดี” หลังจากพูดจบหานเซิ่นก็หันหลังเตรียมจะจากไป
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณหญิงมิร์เรอร์ถึงพาเขามาดูแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตที่กำลังจะวิวัฒนาการเป็นเทพสปิริต เธอคงอยากจะดูว่าเขาจะได้รับการยอมรับจากแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินหรือเปล่า แต่หานเซิ่นยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องการมัน
ขณะที่หานเซิ่นเดินออกไป จู่ๆเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขาจามและขยี้จมูก เขาพูดกับตัวเอง “ใครกำลังพูดถึงข้ากัน?”
อะลางกัดฟันขณะที่มองดูหานเซิ่นเดินจากไป ดวงตาของอะลางเกือบที่จะหลุดออกมาจากเบ้าด้วยความโกรธ
“เขากล้าดียังไงจะมากินแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินของข้า? มาดูสิว่าเจ้าจะกินมันขณะที่รับมือกับสิ่งนี้ได้ยังไง” อะลางกัดฟัน เขาหมุนตัว หลังจากนั้นตัวเขาและสิ่งของบนแผงก็กลายเป็นน้ำ เขาไหลลงไปในทรายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!” หานเซิ่นจามอย่างต่อเนื่องราวกับว่าจู่ๆเขาก็เป็นไข้หวัด เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะมีไข้และน้ำมูกก็ไหลออกมาจากจมูกไม่หยุด
หานเซิ่นรู้สึกไม่ดี เขามีร่างกายระดับดยุกและเขาก็มีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ เขาจะป่วยได้ยังไง?
หานเซิ่นใช้พลังเพื่อตรวจดูตัวเอง แต่เขาไม่พบอะไรผิดปกติ แต่เขาก็รู้สึกหนาวและปวดหัว เขาจามและมีน้ำมูกไหล มันดูเหมือนกับว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่
เมื่อหานเซิ่นกลับไปถึงยอดเขาที่คุณหญิงมิร์เรอร์พักผ่อนอยู่ ร่างกายของเขาก็สั่นรัวและปวดหัว
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้วและมองไปที่หานเซิ่น
“ข้าไม่รู้… ดูเหมือนข้าจะเป็นหวัด…” ร่างกายของหานเซิ่นหนาวสั่น มันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้
ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์เปลี่ยนไป เธอวางมือลงบนหน้าผากของเขา หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังจากมือของคุณหญิงมิร์เรอร์ที่เข้าไปในร่างกายของเขา
พลังนั้นหนาวเย็นราวกับน้ำแข็ง และเมื่อมันเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น มันก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ความรู้สึกป่วยยังคงอยู่
“เจ้าไปที่ไหนและพบกับใคร?” ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์ดูเย็นชาขณะที่ถามออกมา
“ข้าไปที่ตลาดข้างล่างนั่น ข้าแค่เดินไปรอบๆและพูดคุยกับเจ้าของร้านแผงลอยร้านหนึ่ง” หานเซิ่นชี้ไปที่ตลาดด้านล่าง
คุณหญิงมิร์เรอร์โอบเอวรอบเอวของหานเซิ่นด้วยแขนข้างหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็เคลื่อนไหวร่างกาย และพวกเขาก็เทเลพอร์ตไปที่ตลาดในทันที
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปรอบๆและถามหานเซิ่น “ร้านแผงลอยไหน?”
หานเซิ่นพยายามต่อสู้กับความปวดหัวและพาคุณหญิงมิร์เรอร์ไปที่มุมของตลาด
“เมื่อกี๊เขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย…” ใบหน้าของหานเซิ่นดูกังวลยิ่งกว่าเดิม อะลางและร้านแผงลอยของเขาหายไปแล้ว
หานเซิ่นระมัดระวังอยู่เสมอ ในตอนที่เขาเข้าไปหาเจ้าของร้านเพื่อถามคำถามนั้น เขาได้ตรวจเช็ตอะลางเรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับชายคนนั้น หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาป่วยได้ยังไง
โชคดีที่ตอนนี้นอกจากอาการป่วยที่เหมือนกับไข้หวัดแล้ว มันไม่ได้มีเรื่องแย่ๆอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
“เขากล้าซ่อนตัวจากข้าอย่างนั้นหรอ? พวกเรามาดูสิว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใครกันแน่!” คุณหญิงมิร์เรอร์นำกระจกเก่าบานหนึ่งออกมา
กระจกเก่าหันไปทางที่หานเซิ่นชี้ไป แสงในกระจกเริ่มหมุนวนเป็นภาพและภาพนั้นก็คือวิดีโอที่ถูกย้อนกลับไป
ภาพวิดีโอในกระจกถูกย้อนกลับอย่างรวดเร็วมากๆ แต่ไม่ว่าจะย้อนกลับไปสักกี่วัน ภาพในกระจกก็เป็นแค่ภาพพื้นที่ที่ว่างเปล่า
“มันมีร้านอยู่ตรงนี้จริงๆ” หานเซิ่นพูดเมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์หันมามองเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้วและพูด “ข้าอยากจะเชื่อว่าเจ้าโกหก เพราะถ้าเจ้าไม่ได้โกหก อย่างนั้นเจ้าก็ไปดึงดูดความสนใจของคนที่น่ากลัวเข้าแล้ว แม้แต่กระจกอวกาศของข้าก็หาร่องรอยที่บ่งบอกว่าเขาเคยอยู่ที่นี่ไม่ได้ เขาต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวมากๆ”