Super God Gene – ตอนที่ 2361

เพียงแค่มองแว็บเดียว หานเซิ่นก็รู้ว่าทันทีว่ามันคือสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันต่างไปจากหอยสังข์สีดำเทาที่เหมือนกับภูเขา

 

หานเซิ่นอุ้มกิเลนโลหิตขึ้นมาและหันกลับเพื่อจะหนีไป แต่มันสายเกินไปแล้ว อาณาเขตที่เหมือนกับสายรุ้งเข้าปกคลุมทะเลรอบๆตัวเขา

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาติดกับพื้น เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ โซ่สสารสีรุ้งมากมายพุ่งขึ้นมาจากพื้นเพื่อจับตัวของเขาเอาไว้

 

“เวรเอ้ย! ทำไมมันถึงมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ที่นี่ได้?”
หานเซิ่นเปิดใช้งานร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดโดยไม่ลังเล

 

ร่างกายของหานเซิ่นโปร่งใสในทันที เขาส่องสว่างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และทำให้โซ่สสารที่เต็มไปด้วยสีสันสูญเสียเป้าหมายของพวกมันไป

 

แต่แทนที่จะตอบโต้กลับไป หานเซิ่นกลับอุ้มกิเลนโลหิตขึ้นมาและพยายามวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด เพราะแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่อ่อนแอที่สุด หานเซิ่นก็ไม่สามารถรับมือได้

 

หอยสังข์ทคริสตัลสายรุ้งไม่ได้ทรงพลังเหมือนอย่างแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะต่อกรได้อยู่ดี

 

ถ้าหานเซิ่นถึงระดับราชันแล้ว บางทีมันอาจจะพอมีโอกาสที่เขาจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้ แต่ในตอนนี้หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง แค่จะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ เขาก็จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอกแล้ว ดังนั้นการจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นแทบจะเป็นไม่ได้

 

สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพเป็นแค่สิ่งมีชีวิตระดับราชันที่ทรงพลังมากๆเท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ในอีกระดับหนึ่งที่ต่างออกไป

 

หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งเห็นหานเซิ่นเดินทางผ่านโซ่สสารของมันอย่างอิสระ และมันก็ดูตกใจเล็กน้อย ร่างคริสตัลของมันสว่างวาบขึ้นมา และโซ่สสารก็เปลี่ยนเป็นบานกระจกสีรุ้ง บานกระจกนั้นสูงขึ้นรอบๆตัวหานเซิ่น

 

หานเซิ่นทุ่มพลังทั้งหมดกับร่างเทพเจ้าสปิริตของเขาและใช้งานมันจนถึงขีดสุด แสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาเริ่มขยายไปสู่กิเลนโลหิต และทำให้ร่างกายของมันโปร่งใสด้วยเช่นกัน ร่างกายของกิเลนโลหิตได้รับคุณสมบัติเดียวกับโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขา

 

หานเซิ่นยกกิเลนโลหิตขึ้นสูงและวิ่งผ่านบานกระจกสายรุ้งไป พวกเขาวิ่งผ่านบานกระจกสายรุ้งโดยไม่ทำให้มันแตกราวกับผี บานกระจกสายรุ้งนั้นไม่สามารถหยุดหานเซิ่นในร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้

 

แต่ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดมีเวลาจำกัด หานเซิ่นต้องแบกกิเลนโลหิตไปด้วยขณะที่วิ่งหนีไป และนั่นทำให้เขาต้องใช้พลังงานมากยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่พวกเขาหนีออกจากบานกระจกสายรุ้งได้แล้ว หานเซิ่นก็วิ่งกลับไปในทิศทางเดิมที่มา

 

หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งไล่ตามพวกเขามาจากด้านหลัง โซ่สสารนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากพื้นและพยายามจับตัวหานเซิ่น ในตอนแรกหานเซิ่นสามารถทะลุผ่านพวกมันได้ แต่หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะคงสภาพร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ทุกครั้งที่เขาผ่านบานกระจกสายรุ้ง เขาก็จะสูญเสียพลังงานไปมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังจากที่หานเซิ่นทะลุผ่านบานกระจกสายรุ้งอีกครั้ง เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขาวิ่งเข้าไปในของเหลวที่เหนียวหนืด มันยากที่เขาจะวิ่งผ่านไปได้

 

หานเซิ่นรู้ว่านี้เป็นสัญญาณบอกว่าเขากำลังสูญเสียพลังของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาก็จะหยุดทำงาน และเขาจะไม่สามารถผ่านกระจกโซ่สสารได้อีก

 

‘นี่เราจะทำยังไงดี? เราควรจะกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ดีไหม? แต่ถ้าเรากลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ กิเลนโลหิตก็จะต้องตาย…’
หานเซิ่นคิดอย่างหนัก แต่เขาไม่สามารถหาหนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้

 

ด้วยความเร็วของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ทำให้การจะหนีไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หานเซิ่นใช้ความสามารถทั้งหมดของเขา แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังและความเร็วของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า

 

ความสามารถของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังไม่ถูกจับตัว

 

หานเซิ่นรู้สึกร้อนรน เขารู้ว่าสามารถหนีกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ แต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของกิเลนโลหิต โชคดีที่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขามอบพลังส่วนหนึ่งให้กับกิเลนโลหิต พลังนั้นช่วยฆ่าหอยสังข์สีดำตัวน้อยๆ และทำให้กิเลนโลหิตรู้สึกดีขึ้นมา

 

แต่ในตอนนี้หอยสังข์ตัวใหญ่ทั้ง 2 ก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ หนึ่งในพวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชัน ขณะที่อีกตัวเป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อโจมตีพวกมัน เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตกิเลนโลหิตได้

 

ในเมืองใต้น้ำ เป่าเอ๋อกำลังกินอาหารกลางวันร่วมกับหลันไห่ซิน ขณะที่กินของหวานไปได้แค่ครึ่งเดียว สีหน้าของเป่าเอ๋อซีดไป เธอกระโดดออกจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน

 

“เป่าเอ๋อ เจ้าเป็นอะไร?” หลันไห่ซินมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความสับสน

 

“ท้องเสีย หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำ” เป่าเอ๋อพูด หลังจากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปพร้อมกับนกแดงน้อย

 

“เด็กคนนี้…” หลันไห่ซินส่ายหัวและยิ้มออกมา เธอดูมีความสุข เธอเริ่มที่จะรู้สึกรักเป่าเอ๋อจริงๆ เธอถึงกลับให้เป่าเอ๋อมานอนห้องเดียวกับเธอ พวกเธอเป็นเหมือนกับพี่น้องกันจริงๆ

 

เป่าเอ๋อวิ่งไปที่สวนและกัดนิ้วของตัวเอง เธอปล่อยให้หยดเลือดหยดลงบนหน้าผากของนกแดงน้อยและพูด
“นกแดงน้อย พ่อกำลังตกอยู่ในอันตราย เลือดของฉันจะนำทางนายไปหาเขา นายรีบไปช่วยเขา”

 

หลังจากนั้นเป่าเอ๋อก็โยนนกแดงน้อยขึ้นฟ้า นกแดงน้อยกระพือปีกของมันและกลายเป็นแสงสีแดง หลังจากนั้นมันก็หายตัวไปจากเมืองในชั่วพริบตา

 

หานเซิ่นยังคงพยายามวิ่งหนีต่อไป แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ของร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเริ่มจะริบหรี่ และดูเหมือนพร้อมจะดับไปได้ทุกเมื่อ

 

ร่างกายของหานเซิ่นถูกบานกระจกสายรุ้งอีกครั้ง และในครั้งนี้มันเหมือนกับว่าเขาชนเข้ากับหนังสัตว์ หานเซิ่นกัดฟันและผลักตัวเองไปข้างหน้า แต่เขาถูกเด้งกลับมา

 

หานเซิ่นไม่สามารถคงสภาพร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้อีกแล้ว เขากำลังจะกลับไปเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยเนื้อหนังธรรมดาอีกครั้ง

 

หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังที่ยังเหลืออยู่ชกใส่หอยสังข์ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดมอบพลังให้เขากับพอสมควร มันสามารถทะลุผ่านการป้องกันและโจมตีถูกตัวอีกฝ่ายได้โดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีศัตรูที่อยู่เหนือกว่าตัวเขาถึง 2 ระดับนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์

 

ปัง!

 

กระจกสายรุ้งอีกบานร่วงลงมา มันกำลังจะครอบหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเอาไว้ หานเซิ่นพยายามจะชกใส่มัน หมัดของเขาส่องสว่างด้วยพลังของคิงอีซ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำลายบานกระจกสายรุ้งได้

 

หานเซิ่นชกใส่กระจกสายรุ้งซ้ำๆและเสียงของแต่ละหมัดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ กระดูกของหานเซิ่นกำลังจะหักและกำปั้นของเขาก็มีเลือดไหลออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำลายบานกระจกสายรุ้งได้

 

หานเซิ่นใช้พลังของท่าตบขั้นสุดยอดใส่โซ่สสารของกระจกสายรุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นพลังของเขาก็เด้งกลับมา ท่าตบขั้นสุดยอดไม่สามารถหาจุดที่อ่อนแอพอที่จะทำลายได้

 

กิเลนโลหิตร่วงลงไปกับพื้นในสภาพที่ย่ำแย่ มันยังคงส่งเสียงร้องออกมา ขณะที่พยายามยืนขึ้นเพื่อต่อสู้เคียงข้างกับหานเซิ่น แต่มันล้มลงไปอีกครั้งและกระอักเลือดออกมา

 

หอยสังข์หินสีดำเคลื่อนที่ไปข้างๆหอยสังข์คริสตัลสายรุ้ง พวกมันเคลื่อนที่เข้ามาอย่างช้าๆ หอยสังข์ทั้ง 2 ปีนขึ้นบนกระจกสายรุ้งและมองมาที่หานเซิ่นกับกิเลนโลหิต

 

ดวงตาของหอยสังข์สีดำดูเหมือนมนุษย์มากๆ พวกมันจ้องมองหานเซิ่นด้วยความดูถูก

 

หอยสังข์คริสตัลสายรุ้งมองหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เลือนราง หลังจากนั้นกระจกสายรุ้งรอบๆตัวหานเซิ่นกับกิเลนโลหิตก็เริ่มหดตัว มันกำลังจะบีบหานเซิ่นและกิเลนโลหิต

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset