Super God Gene – ตอนที่ 2367

แสงสีเขียวแว็บขึ้นมาและหัวของเฮลล์คิงก็ถูกตัดขาด

 

ผู้หญิงประหลาดนั้นอึ้งไป เธอจ้องไปยังชายผอมแห้งที่ถือดาบสีเขียวอยู่ในมือ สิ่งมีชีวิตอื่นรอบๆตัวพวกเขาได้ตายไปหมดแล้ว

 

ผู้หญิงหลี่ตาและพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนที่เธอออกมาจากก้อนหินดำ เธอจำได้ว่าชายรูปร่างผอมคนนี้อยู่ในโรงงานหินในตอนที่เธอปรากฏตัวออกมา ดังนั้นเขาควรจะเป็นคนแรกๆที่ถูกเธอฆ่า

 

แต่ตอนนี้เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็จำไม่ได้ว่าเธอฆ่าเขา เขาดูธรรมดาเกินกว่าที่จะดึงดูดความสนใจของเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงแค่โยนแสงสีแดงไปทางเขาก่อนที่จะหันความสนใจไปที่คนอื่นๆ

 

“เขายังไม่ตาย?” ผู้หญิงประหลาดมองไปทางชายหนุ่มที่กำลังยิ้มออกมา เขาถือดาบเขียวอยู่ในมือ ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเขา เธอก็ต้องการยิ้มกลับไปให้เขา มันเหมือนกับว่ารอยยิ้มของเขาเป็นโรคติดต่อ

 

ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่หนิงเยวี่ยและพูด “เจ้าไม่เลวเลย ถ้าเจ้าเป็นพันธมิตรกับข้า เจ้าจะใช้พลังระดับเทพเจ้าของข้าได้ หลังจากนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าเช่นเดียวกัน เจ้าจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล”

 

หนิงเยวี่ยยิ้มออกมาและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ

 

“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นจ้องไปที่ใบหน้าของหนิงเยวี่ย เธอรู้ว่าควรจะหวาดระแวง แต่เธอไม่สามารถทนต่อรอยยิ้มที่เป็นเหมือนกับโรคติดต่อนั้นได้ เธอรู้สึกว่าต้องปฏิบัติกับเขาในฐานะมิตรสหายแทนที่จะเป็นศัตรู

 

“ข้าเชื่อเจ้า” หนิงเยวี่ยพูดอย่างจริงจัง

 

ผู้หญิงคนนั้นดูโล่งใจขึ้นมา ด้วยเหตุผลบางอย่างสิ่งที่หนิงเยวี่ยพูดนั้นให้ความรู้สึกน่าเชื่อถืออย่างที่สุด คำพูดของเขาดูหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดคือสัจธรรมของจักรวาล

 

ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจออกมา และในตอนที่เธอจะตอบกลับไป หนิงเยวี่ยก็ใช้ดาบเขียวเล่มน้อยตัดหัวของเธอจนขาด

 

หัวของผู้หญิงคนนั้นกลิ้นไปกับพื้นด้วยดวงตาสีแดงที่ยังคงจ้องไปที่หนิงเยวี่ยราวกับว่าเธอไม่สามารถเชื่อสิ่งที่เขาเพิ่งจะทำ

 

หนิงเยวี่ยถอนหายใจและพูด “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะมอบพลังให้กับข้าได้ แต่ข้าเอาชนะคนๆนั้นด้วยพลังเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องก้าวขึ้นไปทีละขั้นด้วยตัวเอง ก่อนที่ข้าจะไปยืนต่อหน้าของเขาได้”

 

หนิงเยวี่ยเช็ดเลือดออกจากดาบเขียวเล่มน้อย ในจิตใจของหนิงเยวี่ยยังคงยืนอยู่ในเงาของคนๆนั้น ความแน่วแน่เปล่งประกายในดวงตาของหนิงเยวี่ย หลังจากนั้นพวกมันก็สงบลงไปอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปหาร่างของผู้หญิงประหลาดและเฮลล์คิง

 

หานเซิ่นครอบครองมังกรรากแก้วของเขาเอาไว้เพื่อดูดซับลมปราณกษัตริย์ เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ

 

กิเลนโลหิตเองก็ดูดซับลมปราณกษัตริย์เข้าไปเป็นจำนวนมาก และตลอดหนึ่งเดือนมันก็กลับมาหายดี ในช่วงเวลาเดียวกันหานเซิ่นก็ได้รับยีนระดับดยุกถึง 500 พ้อย

 

แต่เรื่องราวของยีนสามารถปลดล็อคยีนได้แค่ 3 ขั้นเท่านั้น ส่วนยีนระดับดยุกที่เหลือ หานเซิ่นใช้พวกมันเพื่อปลดล็อคยีนของวิชากายหยกและโลหิตชีพจร

 

วิชากายหยกดูเหมือนจะมีขีดจำกัดการปลดล็อคยีนอยู่ 3 ขั้นเหมือนกัน

 

“การปลดล็อคยีนขั้นแรกจะทำให้เราได้รับร่างแอสทรอล การปลดล็อคยีนขั้นที่ 2 จะมอบร่างเซเลสเทียลให้กับเรา การปลดล็อคยีนขั้นที่ 3 จะมอบบางสิ่งที่เหนือกว่าร่างเซเลสเทียล ร่างของยีนขั้นที่ 3 นี้ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากร่างเซเลสเทียล แต่เรายังบอกไม่ได้ว่ามันต่างกันตรงไหนกันแน่”
หานเซิ่นประหลาดใจกับผลลัพธ์จากการปลดล็อคยีนขั้นที่ 3 ของเขา ถึงแม้เขาจะยังไม่เข้าใจมันอย่างเต็มที่ก็ตาม

 

ขณะที่หานเซิ่นฝึกฝนอยู่ในสวนของกษัตริย์นั้น เขาก็ยังได้รับรางวัลอีกอย่างหนึ่ง เขาพัฒนาศาสตร์ตงเสวียนไปสู่ระดับดยุกได้สำเร็จ แต่เนื่องจากเขาไม่มียีนระดับดยุกเหลืออีกแล้ว เขาจึงยังไม่ได้ปลดล็อคยีนมัน

 

ในตอนที่เรื่องราวของยีนปลดล็อคยีนขั้นที่ 3 ได้แล้ว ปรากฏว่าการจะดูดซับพลังของคิงอีซกลายเป็นเรื่องยาก มันเหมือนกับว่าคิงอีซรวมเข้ากับเซลล์ของหานเซิ่นอย่างสมบูรณ์ และพวกมันไม่สามารถถูกแยกออกจากกันได้อีกต่อไป

 

หานเซิ่นอยากจะอยู่ในสวนกษัตริย์ต่อเพื่อดูดซับลมปราณกษัตริย์เพิ่มอีก เขาต้องการจะปลดล็อคยีนของวิชาโลหิตชีพจรและศาสตร์ตงเสวียนให้ถึงขั้นที่ 3 เช่นกัน แต่ทว่าไป๋หลิงซวงปรากฏตัวขึ้นมาซะก่อน

 

“น้องสิบหก ข้าจะกลับไปที่เมืองไนท์ชาร์ม” ไป๋หลิงซวงพูดด้วยเสียงที่เป็นมิตร

 

“ข้าก็อยากจะไปที่นั่น แต่ข้าไม่มีบัตรเชิญ” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘ไม่มีทางที่จู่ๆเธอจะมาดีกับไป๋อี้แบบนี้ คราวนี้เธอต้องการอะไรอีกล่ะ?’

 

“ข้าจะเตรียมเชอร์และเครื่องดื่มเอาไว้ให้พร้อม ข้าจะเป็นเจ้าภาพในคืนนี้” ไป๋หลิงซวงมอบรอยยิ้มให้กับเขา

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปที่นั่น” ดวงตาของหานเซิ่นเต็มไปด้วยความละโมบ

 

แน่นอนว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ต้องการจะไป แต่เนื่องจากไป๋หลิงซวงยื่นคำเชิญให้กับเขาแบบนี้ เขาก็คิดว่าจะไม่สามารถปฏิเสธเธอได้ ที่สุดแล้วเขาต้องไปอยู่ดี ดังนั้นการตอบตกลงในทันทีจะช่วยลดความสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของเขาที่เธออาจจะมีอยู่

 

ในห้องสวีทสุดหรูหราภายในเมืองไนท์ชาร์ม หานเซิ่นนั่งอยู่บนโซฟาขณะที่มีเชอร์อยู่ในอ้อมแขน เขามองไปที่ไป๋หลิงซวงและพูด
“พี่สิบ บอกข้ามาว่าจริงๆแล้วท่านต้องการอะไร ท่านใจกว้างกับข้าอย่างมากในค่ำคืนนี้ แน่นอนว่านี่ต้องไม่ใช่แค่โอกาสให้พวกเราได้พบปะสังสรรค์กันเท่านั้น”

 

“น้องสิบหก การสอบของราชวงศ์กำลังจะมาถึงแล้ว เจ้ามีแผนที่จะทำยังไงกับมัน?” ไป๋หลิงซวงถามด้วยรอยยิ้ม

 

หานเซิ่นจิบไวท์และบีบก้นของเชอร์ด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะทำอะไรได้? ข้าก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นแรกคนหนึ่ง มันมีคนที่เป็นระดับครึ่งเทพเข้าร่วมการสอบด้วย แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าก็มี ข้าจะไปทำอะไรได้?”

 

ไป๋หลิงซวงยังคงยิ้มให้กับเขาและพูด “บางทีอาจจะไม่เป็นแบบนั้น การสอบเป็นสิ่งที่ท่านพ่อจัดขึ้นเพื่อตรวจดูความก้าวหน้าของพวกเรา พวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่ง พวกเราแค่ต้องทำผลงานให้ดีพอที่จะทำให้ท่านพ่อประทับใจ ถ้าพวกเราทำแบบนั้นได้ พวกเราก็จะได้รับรางวัล”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ไป๋หลิงซวงก็พูดต่อ “น้องสิบหก ในช่วงนี้ข้าได้เห็นความก้าวหน้าของเจ้ากับตาตัวเอง ถ้าเจ้าทำผลงานได้ดีในการสอบ ท่านพ่อก็จะสังเกตเห็นถึงความก้าวหน้าของเจ้าเช่นกัน เจ้าจะได้รับรางวัลอย่างงาม”

 

“ข้าไม่คิดแบบนั้น” หานเซิ่นพูดด้วยความรู้ที่ไม่สบายใจ

 

ไป๋หลิงซวงมองหานเซิ่นอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ถ้าเจ้าไม่อยากจะได้อันดับที่หนึ่งในการสอบจริงๆ ข้ามีหนทางที่จะทำให้พวกเราหาเงินได้เป็นจำนวนมาก เจ้าสนใจไหม?”

 

“ข้าขาดแคลนแทบจะทุกอย่าง แน่นอนว่าข้าขาดเงินด้วยเช่นกัน พี่สิบได้โปรดบอกข้ามา” หานเซิ่นพูด

 

ไป๋หลิงซวงยิ้ม “เจ้ารู้สินะว่าในการสอบจะมีภารกิจที่เจ้าต้องไปที่ภูเขากระดูก? ภูเขากระดูกนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆสำหรับคนของราชวงศ์อย่างพวกเรา นอกจากพี่สี่และพี่สามที่เป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ราชวงศ์คนอื่นๆที่ไปที่นั่นอาจจะทำไม่สำเร็จ แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ด้วย แต่น้องสิบหก เจ้านั้นต่างออกไป เจ้ามีการคุ้มครองจากคิงอีซ เจ้าจะต้องไปถึงยอดของภูเขากระดูกได้อย่างแน่นอน”

 

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้ามาตรงๆว่าเจ้าต้องการอะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

“ถ้าเจ้าช่วยข้าไปถึงยอดของภูเขากระดูกได้ ข้าจะมอบอะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ” รอยยิ้มของไป๋หลิงซวงหายไป และเธอดูจริงจังอย่างมาก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset