เมื่อการสอบเริ่มต้นขึ้น ชาวเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนก็จะมาดูและแน่นอนว่าราชาไป๋เองก็มาร่วมชมการสอบด้วยเช่นกัน โอกาสที่ตัวตนของหานเซิ่นจะถูกเปิดเผยจึงสูงขึ้นยิ่งกว่าที่เคย
“บุคลิกภาพของเจ้าและไป๋อี้นั้นแตกต่างกันเกินไป มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะพยายามสักแค่ไหน พวกเจ้าทั้ง 2 ก็ไม่เหมือนกันได้เป๊ะๆ โชคดีที่ราชาไป๋ไม่เคยสนใจอะไรในตัวไป๋อี้ แค่ทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่เปิดเผยตัวเองและปลอบใจตัวเองกับความจริงที่ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะจดจำไป๋อี้ได้ และไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจำเป็นต้องยืนกรานและบอกคนอื่นไปว่าเจ้าคือไป๋อี้ ไม่ว่าคนอื่นจะสงสัยในตัวเจ้า พวกเขาก็ฆ่าเจ้าไม่ได้ถ้าไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเจ้าไม่ใช่เขา” ไซเรนอธิบายให้หานเซิ่นฟัง
เมื่อหานเซิ่นได้ยินสิ่งที่เธอบอก เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา มันเป็นอย่างที่ไซเรนเวอร์จิ้นพูด ราชาไป๋ไม่มีหนทางที่จะตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของเขา ถ้ามันยังมีโอกาสแม้น้อยนิดที่หานเซิ่นจะเป็นลูกชายของเขาจริงๆ เขาก็จะไม่ฆ่าหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นราชาไป๋ก็จะถูกรู้จักในฐานะกษัตริย์ที่ฆ่าลูกตัวเอง ถึงแม้เขาไม่รังเกียจที่จะทำลายชื่อเสียงของตัวเอง แต่มันก็จะถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
ไซเรนเวอร์จิ้นขจัดความกลัวที่ใหญ่ที่สุดของหานเซิ่นไป และการที่เธอทำแบบนั้นก็ช่วยบรรเทาความกังวลของเขา
‘ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ! ไม่แปลกใจเลยที่เธอจัดการกับไซเรนอาวุโสได้อย่างง่ายดาย หญิงแก่คนนั้นตายไปโดยไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’ หานเซิ่นคิดด้วยความชื่นชม
หานเซิ่นลองใส่พลังของตัวเองลงไปในขวดไซเรน แต่มันเหมือนกับว่าพลังนั้นจมลงไปในทะเลที่ไร้ก้นบึ้ง ไม่มีความพยายามไหนของเขาที่ดูจะได้ผล มันไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ไม่กล้าจะทดสอบขวดไซเรนไปมากกว่านั้น เขาไม่อยากจะยั่วโทสะของไซเรนเวอร์จิ้น ขวดไซเรนไม่มีทางด้อยไปกว่ารังของอันดายอิ้งเบิร์ด ดังนั้นการพยายามจะใช้กำลังเพื่อควบคุมมันจึงเป็นเรื่องยากและคงจะเป็นอะไรที่โง่เขลา
ในวันสอบ หานเซิ่นพากิเลนโลหิต ลิลลี่ เป่าเอ๋อและหลันไห่ซินไปพร้อมกับเขาด้วย มันเหมือนกับการออกไปเที่ยวทั้งครอบครัว
ในตอนแรกหานเซิ่นไม่ได้คิดจะพาหลันไห่ซินมาด้วย เนื่องจากตัวตนของเธออาจจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากขึ้น แต่การสอบครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสอบธรรมดาๆ มันเป็นเทศกาลที่สำคัญมากๆของทั้งเอ็กซ์ตรีมคิง สมาชิกในครอบครัวของราชวงศ์ทุกคนจะต้องมาเข้าร่วม ถ้าหานเซิ่นไม่พาหลันไห่ซินมากับเขาด้วย คนอื่นๆก็อาจจะคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสงสัย
การสอบของราชวงศ์เป็นเหมือนกับเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของเอ็กซ์ตรีมคิง เมื่อหานเซิ่นและหลันไห่ซินมาถึงสนามสอบ มันก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ขุนนางชาวเอ็กซ์ตรีมคิงมากมายต่างมาที่นี่เพื่อจะได้เห็นคนของราชวงศ์
วันนี้เป็นวันเปิดพิธีการ ดังนั้นมันมีพิธีการตามธรรมเนียมหลายอย่างที่ต้องถูกดำเนินการ หนึ่งในนั้นก็คือการแสดงตัวของคนที่มาเข้าร่วมการสอบ เมื่อพวกเขาขึ้นไปบนเวทีแล้ว ทุกคนจะต้องประกาศตัวเองต่อหน้าเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนที่มาชม
แน่นอนว่าการประกาศตัวไม่ได้พิเศษอะไร พวกเขาแค่ต้องเอยชื่อและฐานะของตัวเอง แต่ถ้าคนๆนั้นเสริมการประกาศตัวเองด้วยลูกเล่นต่างๆ นั่นก็เป็นหนทางที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นและเป็นที่จดจำ
เพราะแบบนั้นคนของราชวงศ์จึงใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้ได้มากที่สุด
เพราะยังไงซะทั้งจักรวาลจีโนก็ถูกแบ่งระดับชั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และนี่ก็เป็นความจริงเมื่อพูดถึงเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ผู้ที่ยิ่งใหญ่คือคนที่มีชื่อเสียงและผู้คนเชื่อฟัง ดังนั้นสมาชิกของราชวงศ์จึงไม่คิดจะพลาดโอกาสในการสร้างความประทับใจต่อประชากรของเอ็กซ์ตรีมคิง
หลังจากพิธีเปิด มันก็ถึงเวลาที่คนของราชวงศ์จะแสดงตัว คนแรกที่ขึ้นมาบนเวทีก็คือองค์รัชทายาท ไป๋ว่านเจี้ย
ถึงไป๋ว่านเจี้ยจะเป็นองค์รัชทายาท แต่เขาก็เป็นแค่ครึ่งเทพเท่านั้น เขาไม่ใช่ 1 ใน 2 ราชวงศ์ระดับเทพเจ้าที่เข้าร่วมการสอบครั้งนี้ด้วย
ม่านถูกดึงออกและเผยให้เห็นไป๋ว่านเจี้ย เขาสวมใส่ชุดเกราะทองคำ และอาณาเขตแห่งราชันสีทองของเขาก็ปกคลุมทั่วลานกว้าง เขาเรืองแสงอย่างเจิดจ้าราวกับนักรบทองที่กำลังเดินบนเส้นทางสีทอง
“ชื่อของข้าคือไป๋ว่านเจี้ย ข้าคือองค์รัชทายาท” การประกาศตัวของไป๋ว่านเจี้ยเป็นอะไรที่เรียบง่าย และเขาก็เดินลงจากเวทีทันทีที่พูดจบ
หลังจากที่ไป๋ว่านเจี้ยลงจากเวทีไปแล้ว ดาบแสงก็ปรากฏขึ้นด้านบนและฉีกผ่านท้องฟ้าลงมา ดาบแสงนั้นสว่างไสวจนแสบตา และมันทำให้ผู้ชมรู้สึกหนาว มันปลดปล่อยแรงกดดันลงมาสู่พวกเขาจากด้านบน
องค์ชายและองค์หญิงออกมาประกาศตัวเองทีละคนๆ แต่เนื่องจากพวกเขาเก่งกาจกันทุกคน มันจึงยังไม่มีใครคนไหนที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกประหลาดใจ
หานเซิ่นมองดูอย่างใกล้ชิดและถอนหายใจออกมา มันมียอดฝีมืออยู่ในเอ็กซ์ตรีมคิงมากเกินไป เหล่าคนของราชวงศ์แต่ละคนนั้นสามารถทำลายล้างเผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่าได้เลย
ผู้ชมส่วนใหญ่ให้ความสนใจไปที่ราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 คนที่เข้าร่วมการสอบด้วย หนึ่งในพวกเขาคือองค์ชาย ขณะที่อีกคนอื่นองค์หญิง ถัดไปจากพวกเขาทั้งคู่ผู้ชมให้ความสนใจในตัวไป๋หลิงซวงมากที่สุด เธอถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในเอ็กซ์ตรีมคิง
แต่ในด้านความงดงามนั้นหานเซิ่นจะเอนเอียงไปข้างไป๋เวยมากกว่า เธอเองก็งดงามไม่ต่างไปจากไป๋หลิงซวง ในความจริงแล้วคนของราชวงศ์ทุกคนนั้นต่างก็ดูพิเศษ แต่ไป๋หลิงซวงเพียงแค่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงมากกว่าเท่านั้น
ไม่นานมันก็ถึงเวลาของหานเซิ่นในฐานะองค์ชายสิบหกที่จะแสดงตัว เมื่อได้ยินชื่อถูกเรียก หานเซิ่นก็ลุกขึ้นและเดินไปยังประตูที่นำไปสู่เวที
ทั้งขุนนาง สามัญชนหรือแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าต่างก็รู้สึกสนใจที่จะได้เห็นไป๋อี้ เพราะยังไงซะความสำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ของเขาก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง
การปลุกรูปปั้นอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นและการได้รับการคุ้มครองจากคิงอีซนับพัน ความสำเร็จทั้ง 2 นี้ทำให้ไป๋อี้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง
เพราะอย่างนี้ผู้คนจึงตั้งตารอที่จะได้เห็นไป๋อี้ ผู้ชมให้ความสนใจเขายิ่งกว่าราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 คนซะอีก
เพราะยังไงซะราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 คนก็แสดงตัวทุกๆปี แต่ในอดีตไป๋อี้ไม่เคยอยู่ในสายตาของผู้ชม และการก้าวหน้าขึ้นอย่างกะทันหันของเขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจ
ภายใต้สายตาของทุกคน หานเซิ่นค่อยเดินขึ้นไปบนเวที เขาไม่ได้เปิดใช้อาณาเขตแห่งราชัน และเขาก็ไม่ได้สร้างมีดหรือดาบแสงเช่นกัน
หานเซิ่นสวมใส่ชุดคลุมสีเขียวและเดินไปที่ศูนย์กลางของเวทีอย่างเงียบๆ
“ไป๋อี้ องค์ชายอันดับที่สิบหกของเอ็กซ์ตรีมคิง อันดับที่หนึ่งในการสอบครั้งนี้” หลังจากที่พูดอย่างนั้น หานเซิ่นก็หันกลับและเดินลงจากเวทีไป
องค์ชายสิบเก้าที่กำลังจิมชาอยู่พ่นชาออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขณะที่มองไปยังหานเซิ่นที่กำลังเดินลงมาจากเวที
ทั้งลานกว้างเงียบสนิท ดูเหมือนไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาควรจะมีปฏิกิริยาแบบไหน
“น้องสิบหกนั้นบ้าขึ้นทุกวันๆ…” ไป๋ชางลังยิ้มแห้งๆออกมา
“ทุกครั้งที่ข้าคิดว่าจะรับมือกับเขาได้ เจ้านี่ก็จะทำบางสิ่งที่บ้ายิ่งกว่าเดิม!”
ไป๋หลิงซวงสงสัยว่าเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ร่วมมือกับไป๋อี้
“ฮ่าๆ! ข้าชอบการประกาศตัวแบบนี้ ข้าเห็นการประกาศตัวของราชวงศ์หลายคน แต่นี่เป็นการประกาศตัวที่เกรียงไกรที่สุด!”
“เกรียงไกรอะไร? นั่นเป็นอะไรที่โง่เขลามากกว่า มันมีราชวงศ์ระดับเทพเจ้า 2 คนเข้าร่วมการสอบครั้งนี้ด้วย เขากล้าดียังไงที่มาบอกว่าตัวเองจะได้อันดับที่หนึ่ง?”
“นั่นเป็นอะไรที่โง่เขลา แต่ข้าชอบมัน”
“องค์ชายสิบหกคนนี้น่าสนใจมากๆ”
ทั้งอาณาจักรกษัตริย์ตกตะลึง พวกเขาต่างก็พูดคุยกันถึงองค์ชายสิบหกไป๋อี้และการประกาศตัวของเขา
แม้แต่ราชาไป๋ ภรรยาของเขา กู่เยวียนและข้าราชการคนอื่นต่างก็มองไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ไซเรนเวอร์จิ้นช่วยทำให้หานเซิ่นเข้าใจ เขาไม่สามารถปฏิบัติตัวเหมือนกับไป๋อี้ได้แบบเป๊ะๆ แต่เขาต้องทำให้คนอื่นแน่ใจว่าเขาคือไป๋อี้ และเขาไม่สามารถถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว เขาต้องแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม