การประกาศตัวขององค์ชายสิบหกไม่ได้มีพลังช็อคกิ้งสกายหรือเทคนิคพิเศษอะไร แต่คำพูดของเขาเป็นเหมือนกับหินที่ตกลงสู่ทะเลสาบ การกระเพื่อมของน้ำนั้นรู้สึกได้ถึงทั่วทุกมุมของอาณาจักรกษัตริย์ ทุกคนรู้ว่าองค์ชายสิบหกไป๋อี้เป็นคนที่ก่อเหตุการณ์ใหญ่หลวงในประวัติศาสตร์ของเอ็กซ์ตรีมคิง 2 อย่าง และเขาก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงขึ้นมา
ถึงอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อว่าคำพูดของเขานั้นน่าขบขันหรือเป็นแค่มุขตลก ไม่มีใครที่คิดว่าไป๋อี้จะทำในสิ่งที่เขากล่าวอ้างได้จริงๆ
ผลการสอบที่ผู้คนส่วนใหญ่คาดคิดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง 2 อันดับแรกถูกจองไว้ให้กับราชวงศ์ระดับเทพเจ้าทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้ว องค์ชายสิบหกที่เป็นแค่ราชันขั้นแรกไม่สามารถสั่นคลอนเรื่องนั้นได้ การประกาศตัวของเขาเพียงแค่ช่วยทำให้ผู้ชมสนุกสนานขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่านั้น
แต่พวกเขาคิดผิด พวกเขาคิดผิดตั้งแต่แรก หานเซิ่นเตรียมตัวที่จะต่อสู้เพื่อชิงอันดับที่หนึ่งจริงๆ บางทีถ้าเขาไม่ได้อันดับที่หนึ่ง อย่างน้อยเขาก็หวังว่าจะติด 3 อันดับแรกได้สำเร็จ
แถมหานเซิ่นก็ไม่ได้มีแค่อาณาเขตระดับราชันขั้นแรกอย่างที่ทุกคนคิด ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอทเอร์เป็นยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาสกัดมา โดยปกติแล้วมันจะไม่พัฒนาไปไกลกว่าตอนที่ได้รับมันมาได้ มันเป็นแค่ขั้นแรกในตอนที่เขาได้มาและมันก็จะเป็นแค่ขั้นแรกตลอดไป
แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นได้รับแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินมา ด้วยพลังน้ำที่อัศจรรย์ของมัน ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของหานเซิ่นก็สามารถพัฒนาไปสู่อาณาเขตแห่งราชันขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ
‘แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินนี่พิเศษจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือมากมายต่างก็ต้องการมัน ถ้าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเราเลื่อนระดับต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นก็จะเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ’ หานเซิ่นคิดขณะที่เล่นกับแอนเชี่ยนท์ก็อนออริจินที่อยู่ในมือ
แต่หานเซิ่นยังคงสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต หานเซิ่นคิดว่าตัวเองได้ไปล่วงละเมิดแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตเข้า แต่ในตอนที่แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตตาย เขากลับเลือกที่จะมอบแอนเชี่ยนท์ก็อตออนิจินให้กับหานเซิ่น มันเป็นอะไรที่น่าสับสน
ยิ่งอาณาเขตแห่งราชันระดับสูงขึ้นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เมื่อพวกเขาถึงขั้นที่ 9 แล้ว อาณาเขตแห่งราชันของเขาก็จะถูกรีเซ็ตกลับมายังขั้นที่หนึ่งอีกครั้ง และพวกเขาก็จะกลายเป็นระดับครึ่งเทพ ถึงการพัฒนาของพลังจะไม่ได้น่าประทับใจอย่างการกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ยอดฝีมือระดับครึ่งเทพก็ยังคงมีพลังมากกว่าระดับราชันขั้นที่ 9 อยู่หลายเท่าอยู่ดี นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกว่าเป็นครึ่งเทพ
หานเซิ่นไม่ได้คาดหวังว่าร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์จะไปถึงระดับเทพเจ้า เขาจะพอใจแล้วถ้าแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินสามารถพัฒนามันไปสู่ระดับครึ่งเทพได้
ถึงหานเซิ่นลองจะพยายามใช้วิธีต่างๆ แต่เขาก็ไม่สามารถขับเคลื่อนแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินได้ เขาไม่สามารถกินมัน และเขาก็ไม่สามารถดูดพลังจากมันได้เช่นกัน อย่างมากที่สุดเขาก็ทำได้แค่ผสมร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เข้าไปในแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน
หานเซิ่นใส่พลังของร่างกายแห่งราชันออริจินอลเวอร์เข้าไปในแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจิน และพวกมันก็เริ่มรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พลังของแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะใช้ได้อย่างอิสระ แต่ผลกระทบที่มันมีต่อร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
การสอบกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในวันแรกของการสอบ ราชวงศ์ทุกคนที่เข้าร่วมจะถูกพาไปที่ตีนภูเขากระดูกเน่า พวกเขาจ้องมองขึ้นไปที่ยอดของภูเขาที่แทงทะลุท้องฟ้าขึ้นไปเหมือนกับหอก
ภูเขากระดูกเน่าเป็นเหมือนกับเสาที่ชี้ตรงขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ มีเพียงแค่ตีนของภูเขาเท่านั้นที่มองเห็นได้ ขณะที่ยอดของมันอยู่สูงเหนือก้อนเมฆ
ขณะที่พวกเขากำลังรอคอยเสียงสัญญาณที่บอกให้พวกเขาเริ่มการปีนเขาได้ ไป๋หลิงซวงก็ค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาใกล้หานเซิ่น เธอมองมาที่เขาแต่เธอไม่ได้พูดอะไรกับเขา
เส้นทางของภูเขากระดูกเน่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ทำขึ้นจากหินที่ทุกคนสามารถเห็นได้ มีเพียงแค่เส้นทางที่อยู่เหนือก้อนเมฆขึ้นไปเท่านั้นที่มองไม่เห็น แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านก้อนเมฆและเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นได้
ไป๋หลิงซวงไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนรู้ได้ว่าหานเซิ่นช่วยเหลือเธอ ไม่อย่างนั้นทุกคนในเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะหัวเราะเยาะเธอ ดังนั้นเธอจะเดินทาง 90 เปอร์เซ็นต์แรกด้วยตัวเอง เมื่อใกล้จะถึงปลายทาง เมื่อเธอถึงจุดที่ยากที่สุด เธอถึงจะขอความช่วยเหลือจากหานเซิ่น
ส่วนสุดท้ายคือส่วนที่ยากที่สุดของภูเขากระดูกเน่า และมันก็เป็นส่วนที่ทำให้ไป๋หลิงซวงไม่มั่นใจว่าเธอจะขึ้นไปถึงยอดของภูเขาได้ด้วยตัวเอง
หลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้นมา เหล่าองค์ชายและองค์หญิงทั้งหนึ่งร้อยคนก็ไม่ได้วิ่งออกไปหาบันไดหิน แต่พวกเขาเดินต่อกันเป็นแถวยาวและค่อยๆเดินขึ้นไปบนภูเขา
คนที่นำหน้าสุดนั้นคือองค์รัชทายาทไป๋ว่านเจี้ย ไม่มีใครคิดจะต่อสู้เพื่อยิงชิงเส้นทางด้านหน้าของเขา
ด้านหลังไป๋ว่านเจี้ยคือองค์ชายสี่และองค์หญิงสองที่เป็นระดับเทพเจ้า พวกเขาทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไป
ถัดไปจากพวกเขาคือคนของราชวงศ์ที่เป็นระดับครึ่งเทพ ซึ่งนั่นรวมถึงไป๋หลิงซวงและไป๋ชางลัง หลังจากพวกเขาก็เป็นราชวงศ์ระดับราชันอย่างหานเซิ่น
หานเซิ่นมองไปรอบๆและรู้สึกตัวว่าไม่เห็นไป๋อู๋ฉางอยู่ที่นี่ มันดูเหมือนว่าชายคนนั้นไม่ได้เข้าร่วมการสอบในครั้งนี้
ไป๋ชิงเสียเดินเข้ามาใกล้หานเซิ่นและพูด “พี่สิบหก เราไปกันเถอะ”
หานเซิ่นพยักหน้าและเริ่มเดินขึ้นไปบนบันไดหินร่วมกับไป๋ชิงเสีย
ในกลุ่มด้านหลังมีสายตาที่งดงามคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่หานเซิ่น ซึ่งดวงตาคู่นั้นเป็นของไป๋เวย
หานเซิ่นคิดว่าภูเขากระดูกเป็นอะไรที่ปีนขึ้นไปได้ยาก ไม่อย่างนั้นไป๋หลิงซวงก็คงจะไม่ยอมมอบยีนซีโน่เจเนอิคมากมายเพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากเขา
แต่หลังจากที่หานเซิ่นเดินไปได้สักพัก เขาก็สังเกตได้ว่าการปีนภูเขากระดูกเน่านั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเอาไว้ นอกจากพลังที่จำกัดการเดินทางบนอากาศแล้ว ทุกอย่างก็ดูปกติดี
แต่เมื่อหานเซิ่นพยายามจะเร่งฝีเท้าขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทันที
ในตอนแรกที่เขาเดินขึ้นบันไดมาได้อย่างง่ายๆ แต่ตอนนี้มันมีพลังกดลงที่ตัวเขาอย่างหนักหน่วงเพื่อถ่วงความเร็วของเขา มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะวิ่งผ่านน้ำ ยิ่งเขาวิ่งเร็วมากเท่าไหร่ แรงต้านทานก็จะมากขึ้นเท่านั้น แรงที่ต้านหานเซิ่นเอาไว้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้หานเซิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากชะลอความเร็วลง
เมื่อหานเซิ่นลดความเร็วลง แรงต้านที่ได้รับก็ลดลงไปเช่นกัน เขาเกือบที่จะไม่รู้สึกถึงมันอีก
‘ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้ค่อยๆเดินขึ้นไป ไม่รู้เลยว่าภูเขากระดูกเน่าจะพิเศษขนาดนี้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“พี่สิบหก การต่อสู้ของพวกเขายังไม่จบ ในการสอบครั้งนี้ ในที่สุดพวกเราจะได้ตัดสินว่าหนึ่งในพวกเราใครกันที่เป็นฝ่ายชนะ” ไป๋ชิงเสียพูดขณะที่เดินไปเคียงข้างหานเซิ่น
“ครั้งก่อนเจ้าแพ้ไปแล้วไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นถาม
ไป๋ชิงเสียยิ้ม “ข้าพ่ายแพ้ในเรื่องคิงอีซ แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเรายังไม่มีผู้ชนะ เฮเทร็ดไทม์เท็นของข้าตอนนี้พัฒนาขึ้นหลายขั้นแล้ว”
หานเซิ่นถามอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้เจ้าฝึกถึงขั้นไหนแล้ว?”
“ขั้นที่ 9 ตอนนี้ข้าแค่ต้องฝึกอีกสักหน่อยก็จะสำเร็จทั้งสิบขั้น แต่ร่างกายระดับราชันของข้ายังอยู่แค่ขั้นที่ 2 เท่านั้น ทำให้ข้าฝึกขั้นสุดท้ายไม่สำเร็จ” ไป๋ชิงเสียไม่ได้ปิดบังอะไร เขาตอบคำถามของหานเซิ่นไปตรงๆ
“นั่นสุดยอดไปเลย” หานเซิ่นเอยชมเขา
หานเซิ่นหมายความอย่างที่พูดจริงๆ หลังจากการต่อสู้หานเซิ่นได้ศึกษาเกี่ยวกับเฮเทร็ดไทม์เท็น เขาก็ได้พบว่ามันเป็นวิชาที่มหัศจรรย์จริงๆ ไทม์วันจำเป็นต้องมีอาณาเขตแห่งราชันขั้นแรก ดังนั้นการฝึกไทม์ไนน์จำเป็นต้องมีอาณาเขตแห่งราชันขั้นที่ 9
ถึงตัวไป๋ชิงเสียจะเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 2 แต่เขาก็ฝึกเฮเทร็ดไทม์ไนน์ได้สำเร็จ เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง