หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนอย่างเต็มที่ เขาใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อผลักดันฟันเฟืองให้หมุนและเลื่อนไปสู่ระดับราชัน
ดยุกหลายคนที่อ่อนแอกว่าหานเซิ่นสามารถเลื่อนไปสู่ระดับราชันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ความแข็งแกร่งทางร่างกายและพลังของหานเซิ่นทำให้เขาสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือระดับราชันส่วนใหญ่ได้สบายๆ แต่เมื่อหานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียน ฟันเฟืองจักรวาลของเขาไม่ยอมหมุน
หานเซิ่นพยายามคิดหาเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น อาณาเขตแห่งราชันจำเป็นต้องหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองภายในเครื่องจักรจักรวาล
ตามทฤษฎีแล้วถ้าเขาแข็งแกร่งพอ เขาก็ควรจะหมุนฟันเฟืองของตัวเองได้เพื่อที่มันจะส่งผลต่อฟันเฟืองอื่นที่เชื่อมต่อกันอยู่
หานเซิ่นแข็งแกร่ง เขาน่าจะเป็นดยุกที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ดังนั้นมันอาจจะเป็นเพราะฟันเฟืองจักรวาลของเขาใหญ่กว่าของคนอื่น
ดยุกคนอื่นอาจจะมีฟันเฟืองที่เชื่อมต่อกับฟันเฟืองอื่นแค่ 1 หรือ 2 อัน แต่ฟันเฟืองจักรวาลของหานเซิ่นอาจจะเชื่อมต่อกับฟันเฟืองนับร้อยนับพัน ซึ่งยิ่งเขาเชื่อมต่อกับฟันเฟืองมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองได้ยากขึ้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าพลังของหานเซิ่นไม่เพียงพอที่จะหมุนฟันเฟืองทั้งหมดพร้อมๆกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังเลื่อนสู่ระดับราชันไม่ได้
หานเซิ่นล้มเลิกความคิดที่จะพัฒนาศาสตร์ตงเสวียนและหันไปฝึกวิชากายหยกแทน แต่ไม่นานเขาก็สังเกตได้ว่าฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกนั้นใหญ่เกินไปเช่นเดียวกัน มันเชื่อมต่อกับฟันเฟืองอื่นมากเกินไป ดังนั้นการจะพัฒนาวิชากายหยกสู่ระดับราชันจึงเป็นอะไรที่ยากเช่นเดียวกันกับศาสตร์ตงเสวียน แต่ทว่าที่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเรื่องที่ศาสตร์ตงเสวียนนั้นสามารถเห็นฟันเฟืองจักรวาลได้ แต่เมื่อหานเซิ่นใช้วิชากายหยก ฟันเฟืองนั้นดูเบลอๆและไม่ชัดเจน ซึ่งทำให้มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิมที่จะหมุนฟันเฟือง
‘ดูเหมือนว่าศาสตร์ตงเสวียนมีโอกาสสูงกว่าที่จะทำให้ฟันเฟืองจักรวาลของเราหมุน เมื่อเราฝึกศาสตร์ตงเสวียนไปสู่ระดับราชันได้แล้ว มันจะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นสำหรับวิชากายหยก แต่เราจะทำให้ฟันเฟืองของศาสตร์ตงเสวียนหมุนได้ยังไง?’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่เป็นเวลานาน แต่เขาก็ไม่มีความคิดดีๆเลย มันดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
การแข็งแกร่งเกินไปกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา เนื่องจากร่างกายของเขาเชื่อมโยงกับวิชาจีโนถึง 4 ตัว การที่วิชาจีโนแค่ตัวเดียวเลื่อนสู่ระดับราชันจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้ฟันเฟืองจักรวาลของเขาหมุน
หานเซิ่นมีแค่ร่างกายเดียว ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้วิชาจีโนทั้ง 4 ตัวเพื่อเพิ่มระดับของพวกมันพร้อมๆกัน มันเป็นความคิดที่น่ากลัวที่เพียงแค่ความขัดแย้งของพลังและโลหิตชีพจรก็เพียงพอที่จะทำลายร่างกายของเขา
“โชดดีที่เรามีวิชาจีโนแค่ 4 ตัว ถ้ามีมากกว่านี้ เราก็คงจะไม่มีวันเลื่อนขั้นสู่ระดับราชันได้” หานเซิ่นพยายามปลอบตัวเอง
‘การใช้พลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวคงจะไม่มีวันได้ผล เราจำเป็นต้องพึ่งพลังจากภายนอก แต่ถ้าเราพยายามจะเลื่อนสู่ระดับราชันโดยใช้พลังจากภายนอก ความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวก็อาจจะทำให้บางสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการล้มเหลวเกิดขึ้น ร่างกายทั้งร่างของเราอาจจะถูกทำลาย’ หานเซิ่นคิด
‘เราต้องหาแหล่งพลังงานที่เสถียรและรุนแรง เราอาจะต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่เป็นระดับเทพเจ้า แต่ยอดฝีมือเทพเจ้าคนไหนที่จะยอมมาช่วยเหลือเรา? และใครกันที่เราจะเชื่อใจได้?’ หานเซิ่นสงสัย เขาไม่สามารถหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่เชื่อใจได้
จากสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าทั้งหมดที่รู้จัก หานเซิ่นเชื่อใจนกแดงน้อยที่สุด แต่พลังของนกแดงน้อยนั้นไม่แน่นอน ความสามารถในการควบคุมพลังของมันยังไม่ดีพอ มันไม่สามารถสิ่งที่ละเอียดอ่อนแบบนั้นได้
จากยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ควบคุมพลังของตัวเองได้ดีพอ หานเซิ่นคิดว่าอี๋ซาเป็นคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุด มันเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อเขาพยายามคิดเกี่ยวกับคนที่สามารถเชื่อใจได้มากที่สุด
แต่จริงๆแล้วอี๋ซาเป็นศัตรูของเขา หานเซิ่นสับสนเล็กน้อยเมื่อถึงความจริงข้อนั้นขึ้นมาได้
แต่ความจริงที่น่าเสียใจที่สุดก็คือหานเซิ่นไม่สามารถคิดหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนอื่นที่จะพึ่งพาไปได้มากกว่าอี๋ซา
‘น่าเสียดายที่อี๋ซายังคงอยู่ในแนร์โรว์มูน ตราบใดที่เราไม่ออกไปจากอาณาจักรของกษัตริย์ เธอก็ช่วยเหลือเราไม่ได้’ หานเซิ่นคิดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ถ้าเราขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ อย่างนั้นเราก็อาจจะต้องขอยืมพลังของใครสักคน นั่นดูจะเป็นหนทางเดียว” ดวงตาของหานเซิ่นสั่นไหวด้วยความไม่มั่นใจ
หานเซิ่นเชี่ยวชาญการใช้คลื่นหยินหยางและเทคนิคที่คล้ายคลึงกัน ถ้าเขาสามารถยืมพลังที่รุนแรงและเสถียรมาได้ บางทีเขาอาจจะหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองได้
แต่การทำแบบนั้นเป็นเหมือนกับการเต้นระบำบนขอบมีด หานเซิ่นจะทำลายตัวเองถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา
หานเซิ่นจำเป็นต้องใช้พลังที่เหนือกว่าของตัวเองเพื่อหมุนฟันเฟืองจักรวาล เขาจำเป็นต้องควบคุมพลังที่ไม่ใช่ของตัวเองให้สมบูรณ์แบบที่สุด ความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวอาจจะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่
“เป็นอะไรที่น่าปวดหัวจริงๆ!” ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักแค่ไหน หานเซิ่นก็ไม่สามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาในตอนนี้ได้
“องค์ชาย องค์หญิงสิบต้องการจะพบกับองค์ชาย” เสียงของลิลลี่ดังมาจากนอกประตู
‘ทำไมเธอถึงมาที่นี่?’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว เนื่องจากทางเอ็กซ์ตรีมคิงยังทำการค้นหาร่องรอยของดาบคลั่งบนดวงดาวต่างๆ หานเซิ่นจึงยังไม่ได้ไปรับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีก 50 ยีนกับไป๋หลิงซวง มันไม่มีเหตุผลที่หานเซิ่นต้องดึงความสนใจของคนอื่นและเผยความจริงถึงข้อตกลงระหว่างพวกเขา แต่หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะมาหาเขาด้วยตัวเอง
เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในห้องรับแขก เขาก็เห็นไป๋หลิงซวงกำลังนั่งดื่มชาอยู่ก่อนแล้ว เธอดูผ่อนคลายมากๆ
“พี่สิบ ทำไมท่านถึงได้อุส่าเสียเวลามาถึงที่นี่?” หานเซิ่นถามอย่างเป็นกันเองขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ถัดไปจากเธอ
“เนื่องจากเจ้ารักษาสัญญาที่ให้ไว้ ข้าจึงนำสิ่งของมาให้กับเจ้าตามที่พวกเราตกลงกัน” ไป๋หลิงซวงยกมือขึ้นและสาวใช้ 2 คนด้านหลังของเธอก็มอบกล่องขนาดใหญ่กล่องหนึ่งให้กับหานเซิ่น
“เจ้าลองนับพวกมันดูได้ มันคือยีนซีโน่เจเนอิค 50 ยีนไม่ขาดไม่เกิน” ไป๋หลิงซวงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่สิบควรจะบอกข้า แบบนั้นข้าจะได้ไปรับพวกมันด้วยตัวเอง และท่านจะได้ไม่ต้องลำบากมาถึงที่นี่” หานเซิ่นหัวเราะและเปิดกล่องดู เขานับยีนซีโน่เจเนอิคที่อยู่ข้างในอย่างละโมบ
“ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้ามีข้อเสนออีกอย่างหนึ่ง” ไป๋หลิงซวงโบกมือเพื่อบอกให้สาวใช้ของเธอออกไป
เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็หันไปหาลิลลี่เพื่อบอกให้เธอออกไปเช่นกัน ห้องโถงโล่งขึ้นมาและมีเพียงแค่พวกเขา 2 คนที่ยังคงนั่งอยู่ในห้อง
“ข้ามีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ยืนยันว่าการสอบของปีนี้จะไม่ดำเนินต่อไป พวกเขาจะใช้อันดับในการปีนภูเขากระดูกเน่าเป็นตัวตัดสิน น้องสิบหก เจ้าอาจจะได้รับอันดับที่หนึ่ง นอกเหนือจากสมบัติซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าแล้ว เจ้ายังจะได้รับสิทธิในการเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาหนึ่งครั้ง เจ้ามีแผนที่จะขายบัตรผ่านเข้าหอคอยแห่งโชคชะตาไหม?” ไป๋หลิงซวงถาม ดวงตาที่สวยงามของเธอมองตรงไปที่หานเซิ่น
“ที่พูดมาเป็นความจริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความดีใจ การได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาถือเป็นอะไรที่เยี่ยมที่สุด