Super God Gene – ตอนที่ 2404

เป็นอย่างที่หานเซิ่นคาดเดาเอาไว้ ถ้าพระเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหตุและผลจริง แบบนั้นเขาก็สามารถกลับตาลปัตรความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้

 

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคนๆหนึ่งอธิฐานขอเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ โดยปกติแล้วคนนั้นจะต้องทำงานเป็นสิบปีเพื่อให้ได้รับเงินมากขนาดนั้น แต่ด้วยการกลับตาลปัตรความสัมพันธ์ของเหตุและผล พระเจ้าจะมอบเงินหนึ่งล้านให้กับคนๆนั้นในทันที หลังจากนั้นคนๆนั้นก็ค่อยทำงานเพื่อจ่ายมันคืน

 

ถ้าใครคนหนึ่งอธิษฐานในสิ่งที่มากกว่าที่พวกเขาจะจ่ายคืนได้ แบบนั้นมันก็จะทำลายความสัมพันธ์ของเหตุและผล ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลภายในพลังเหตุและผล มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

‘ถ้าแนวคิดนี้ถูกต้อง การอธิษฐานก็เป็นเหมือนค่าแรงล่วงหน้า ถ้าคำอธิษฐานของเราเป็นบางสิ่งที่เราจ่ายคืนได้ แบบนั้นเราก็อาจจะไม่เจ็บตัว หรืออย่างน้อยๆเราก็จะเจ็บตัวน้อยกว่า เหมือนอย่างหานจิงจือ เขาขอคำอธิษฐาน แต่คำอธิษฐานที่เขาขอไม่ได้ย้อนกลับมาหาเขา’ หานเซิ่นคิด

 

ชายคนนั้นยิ้ม “เจ้าชาญฉลาด เจ้าเข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังของคำอธิษฐาน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำการขอคำอธิษฐานได้อย่างถูกต้อง”

 

หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนเข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตา และชีวิตของพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ประสบกับเคราะห์ร้ายอะไร พวกเขาคงจะเข้าใจถึงความหมายภายใต้คำพูดของชายคนนี้ แต่มันเป็นความจริงอย่างนั้นหรอที่ไม่มีใครเลยที่จะโลภมากและขอคำอธิษฐานในสิ่งที่เกินกว่าที่ตัวเองจะทำได้น่ะ?’

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าชายคนนี้ใช่คนเดียวกับที่ทีมเจ็ดพบหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ หานเซิ่นก็เชื่อว่ามันมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ แต่เขายังไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

 

เมื่อหานเซิ่นไม่พูดอะไร ชายคนนั้นก็พูดต่อ “หนุ่มน้อย อธิษฐานในสิ่งที่เจ้าทำได้ และมันจะไม่ทำร้ายเจ้า”

 

วิธีการพูดแบบนี้ของอีกฝ่ายทำให้หานเซิ่นต้องขมวดคิ้ว

 

‘เดี๋ยวก่อนนะ เราลืมคำนึงถึงมุมมองของอีกฝ่ายไปซะสนิทเลย เขาไม่มีทางช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล ทำไมเขาถึงได้ยินดีที่จะทำให้คำอธิษฐานของคนอื่นเป็นจริงขึ้นมา? หรือว่าบางทีการอธิษฐานนี้จะไม่ได้เป็นแค่การจ่ายค่าแรงล่วงหน้า แต่เป็นเงินกู้ที่มีดอกเบี้ย? เขาอาจจะเป็นผู้ปล่อยกู้ที่คิดดอกเบี้ยสูง!’ ความคิดนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา

 

อย่างไม่ต้องสงสัย ชายคนนี้ต้องได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากคำอธิษฐานที่ถูกขอ มันไม่มีทางที่เขาจะนั่งอยู่ที่นี่และเนรมิตคำอธิษฐานของคนอื่นให้เป็นจริงจากความเมตตา ผลประโยชน์นั่นอาจจะเป็นดอกเบี้ยที่เขาเรียกเก็บจากผู้ขอคำอธิษฐานแต่ละคน

 

ยิ่งคำอธิษฐานใหญ่โตมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะมากขึ้นเท่านั้น และนั่นก็หมายความว่าชายคนนี้จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย

 

ขณะที่หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกเชื่อมั่นว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง เขาอาจจะไม่รู้ถึงกระบวนการขอคำอธิษฐานนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้มีเมตตาที่จะเนรมิตความฝันให้เป็นจริงแน่ๆ เขาเป็นเหมือนกับแวมไพร์มากกว่า

 

ถ้าการคาดเดานี้ถูกต้องล่ะก็ ไม่ว่าเขาจะอธิษฐานอะไรออกไป เขาก็ยังคงต้องสูญเสียบางสิ่งอยู่ดี

 

แต่มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจในเงินทอง หานเซิ่นคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายต้องการเก็บดอกเบี้ยในรูปแบบไหนกันแน่

 

“ข้ายังไม่รู้ว่าจะขออะไร ข้าขอไปเดินดูรูปภาพพวกนั้นได้ไหม?” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ชายคนนั้น

 

“ได้ เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับมันดีๆ เจ้ามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” ชายคนนั้นยิ้มอย่างเป็นกำลังใจให้เขา

 

หานเซิ่นเดินลงจากชั้นที่ 7 ของหอคอยแห่งโชคชะตา ขณะที่เดินลงมา เขาก็ครุ่นคิดกับตัวเอง ‘จากที่เราเห็นมา พลังของเขาต้องมีข้อจำกัดอยู่ เขาทำลายคนที่ขอคำอธิษฐานโดยตรงไม่ได้ และเขาก็ทำร้ายสิ่งมีชีวิตของจักรวาลนี้ไม่ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะโกหกไม่ได้ด้วย’

 

‘กฎที่ห้ามการใช้กำลังและความเท็จ ทั้งหมดนี่ฟังดูเหมือนกับกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เคร่งครัด ถึงแม้พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงกฎไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะใช้คำพูดเพื่อชักจูง นั่นคือวิธีการที่พวกเขาใช้หลอกผู้คน’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ที่สุดแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้มาที่นี่

 

หานเซิ่นตกลงจะขอคำอธิษฐานก็เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขอคำอธิษฐานจากสิ่งมีชีวิตที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทฤษฎีของเขาไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เขาก็เข้าใจมันได้ดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่รู้อะไรเลย

 

ในการจะเอาชนะศัตรู ก่อนอื่นเขาก็ต้องเข้าใจศัตรูซะก่อน

 

ตอนนี้หานเซิ่นตกลงจะขอคำอธิษฐานไปแล้ว และเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน แต่เขาก็ยังคิดว่านี่เป็นอะไรที่คุ้มค่า อย่างน้อยเขาก็ได้เข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า

 

ตอนนี้สิ่งที่หานเซิ่นจำเป็นต้องทำก็คือหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่ต้องติดค้างอีกฝ่าย เมื่อเขาทำการขอคำอธิษฐาน

 

จากทฤษฎี ยิ่งอธิษฐานขอสิ่งที่เล็กน้อยมากเท่าไหร่ ราคาที่ต้องจ่ายคืนก็จะน้อยลงเท่านั้น นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยก็จะน้อยลงไปด้วย

 

แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าเกณฑ์ที่ใช้วัดความมากน้อยของคำอธิษฐานคืออะไรกันแน่ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าคำอธิษฐานไหนเป็นอะไรที่ใหญ่หรือเล็ก?

 

ยกตัวอย่างเช่น หานเซิ่นอาจจะขอหนึ่งดอลลาร์ นั่นถือเป็นเงินจำนวนน้อยนิด และตามทฤษฎีแล้วคำอธิษฐานของเขาก็ควรจะมีดอกเบี้ยที่น้อยตามไปด้วย เพราะหนึ่งดอลลาร์เป็นอะไรที่จ่ายคืนได้ง่าย

 

แต่ชายที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้าไม่ได้เล่นตามกฎของเงิน เขาเล่นตามกฎของเหตุและผล

 

ถ้าหานเซิ่นต้องการหนึ่งดอลลาร์ หนึ่งดอลลาร์อาจจะมาจากลูกชายของยอดฝีมือที่น่ากลัว ซึ่งในที่สุดเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่น่ากลัวคนนั้น

 

คำอธิษฐานที่ถูกทำให้เป็นจริงโดยพลังเหตุและผลนั้นแม้แต่คำอธิษฐานที่ดูเล็กน้อยก็อาจจะกลายเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก และไม่ว่าผลที่ตามมาจะคืออะไร หานเซิ่นก็ต้องจ่ายคืนให้กับอีกฝ่าย

 

และคนที่เป็นคนตัดสินใจในเรื่องนั้นก็คือชายที่อ้างตัวเป็นพระเจ้า

 

‘มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อต้านพระเจ้า ทีมเจ็ดมีคนเก่งอยู่มากมาย แต่แล้วพวกเขาทุกคนก็ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ดูเหมือนว่าการที่กู่ชิงเฉิงไม่ขอคำอธิษฐานจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
‘หานจิงจือขอคำอธิษฐานแบบไหนกัน ทำไมเขาถึงหลีกเลี่ยงกับดักที่ถูกวางเอาไว้ได้?’

 

หานเซิ่นไม่เข้าใจ แต่เขาจำเป็นต้องหาหนทางที่จะลดความเสี่ยงและขอคำอธิษฐานที่จะทำให้เขาสูญเสียน้อยที่สุด

 

มันมีอีกอย่างหนึ่งที่หานเซิ่นพบว่ามันน่าสงสัย

 

มันคือความจริงที่ว่ามีเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนเข้ามาในหอคอย แต่แล้วพวกเขาทุกคนกับไม่เป็นอะไรเลย บางทีชายที่อ้างตัวเป็นพระเจ้านี้อาจจะเป็นเจ้าหนี้ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยทีละนิดทีละหน่อย

 

แต่หานเซิ่นไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้ เพราะยังไงซะแวมไพร์ทุกตัวก็ดื่มเลือดเหมือนกันหมด

 

‘อะไรกันที่ป้องกันเหล่าเอ็กซ์ตรีมคิงจากการถูกทำลายโดยคำอธิษฐานกัน?’ หานเซิ่นครุ่นคิดขณะที่เดินมองภาพบนกำแพงไปเรื่อยๆ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset