Super God Gene – ตอนที่ 2410

“เป็นดาบที่ทรงพลังจริงๆ” หานเซิ่นก้มหัวและมองดูกำปั้นของตัวเอง ถึงแม้จะอาบด้วยอาณาเขตภูเขา แต่ชุดเกราะที่ปกคลุมกำปั้นของเขาก็ยังคงถูกดาบตัดผ่านมาได้ นิ้วของเขามีเลือดไหลออกมา แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณที่กระดูกของเขาไม่ได้รับความเสียหายอะไร

 

ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมแทงเข้าใส่หานเซิ่นเป็นครั้งที่ 2 แต่การแทงครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ดาบนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนหานเซิ่นแทบจะมองตามไม่ทัน

 

หานเซิ่นจับใบมีดของดาบที่ออกมาเตาหลอมเอาไว้ ซึ่งนั่นทำให้มีเลือดไหลออกมาจากมือของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กำใบมีดเอาไว้แน่น

 

ดาบกำลังสั่นไหวราวกับว่ามันกำลังดันตัวเองเข้าไปที่หัวใจของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นยังคงจับใบมีดเอาไว้แน่นและไม่ปล่อยให้มันหลุดมือเขาไปได้

 

เตาหลอมทองแดงพ่นไฟออกมาและอาณาเขตเพลิงของมันก็เข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง ดาบเริ่มดูดซับไฟนั้นเข้าไป และดาบก็ดูโปร่งใสมากขึ้นอีก พลังของมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และมันก็เริ่มดันตัวเองเข้าไปสู่หัวใจของหานเซิ่นอีกครั้ง

 

ใบมีดตัดลึกเข้าไปในมือของหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือออกจากมัน เขาจับดาบเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมขณะที่พยายามจะดึงดาบออกไปจากหัวใจของเขา

 

ปลายดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นเกือบจะสัมผัสกับอกของหานเซิ่น ใบมีดคริสตัลสีเขียวดูเหมือนกับงูพิษ ขณะที่มันเขย่าตัวอยู่ในมือของหานเซิ่น มันพยายามจะแทงเข้าไปในหัวใจของเขา แต่การเคลื่อนไหวของมันก็ถูกหยุดเอาไว้

 

เตาหลอมทองแดงลอยขึ้นพร้อมกับดูดพลังงานจากกาแล็กซี่รอบๆตัว ไฟของมันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ และอาณาเขตเพลิงทองแดงของมันก็เข้าปกคลุมทุกอย่างอีกครั้ง

 

ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมดูดซับไฟของอาณาเขตเพลิงเข้าไป ทำให้มันได้รับพลังมหาศาล มันปลดปล่อยพละกำลังในระดับที่ยากจะจินตนาการออกมาและตัดผ่านมือของหานเซิ่นไป

 

ดาบเริ่มจะตัดผ่านชุดเกราะบริเวณอกของหานเซิ่น หานเซิ่นพยายามจะดันดาบที่ร้อนแรงกลับไป แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ตอนนี้เลือดไหลออกมาจากมือของหานเซิ่น และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่มันจะตัดไปถึงกระดูกนิ้วมือของเขา

 

ในตอนนี้ปลายดาบฝังลึกเข้าไปในอกของหานเซิ่นกว่า 5 เซนติเมตรแล้ว และมันก็กำลังจะสัมผัสกับหัวใจของเขา

 

เตาหลอมทองแดงเต้นระบำอย่างมีความสุข และเปลวไฟที่อยู่ในเตาหลอมก็ก่อตัวเป็นอิโมจิรูปรอยยิ้มที่จ้องตรงมาที่หานเซิ่น

 

“นายแข็งแกร่งจริงๆ แต่มันคงจะต้องหยุดเพียงเท่านี้” หานเซิ่นพูดกับเตาหลอมโลหะขณะที่มือของเขายังคงกำดาบเอาไว้แน่น

 

ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นทรงพลังมากๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปพลังที่น่ากลัวของมันก็ถูกถ่ายโอนไปที่ชุดเกราะตงเสวียน ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปที่ดาบจะเจาะทะลุชุดเกราะตงเสวียน

 

หานเซิ่นรวบรวมพละกำลังเพื่อดันดาบออกไป มือของเขาที่กำดาบอยู่นั้นควรจะอ่อนแรงลงจากการเสียเลือด แต่ไม่ว่าดาบจะพยายามดิ้นหล่นยังไง มันก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากกำมือของหานเซิ่นได้

 

ไฟของเตาหลอมทองแดงปะทุขึ้นอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตเพลิงออกมา

 

ตัวอาณาเขตเพลิงเองไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่มันช่วยเสริมพลังให้กับดาบอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่อาณาเขตของเตาหลอมถูกดูดเข้าไป มันก็จะทำให้ดาบแข็งแกร่งขึ้นมา และการเสริมพลังนั้นดูจะไม่มีขีดจำกัด

 

เนื่องจากดาบที่ออกมาจากเตาหลอมนั้นแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง นั่นหมายความว่าพลังอาณาเขตของเตาหลอมทองแดงนั้นสามารถใช้ซ้อนๆกันได้

 

นี่เป็นอาณาเขตแรกที่หานเซิ่นเคยเห็นว่าสามารถทำอะไรแบบนั้นได้

 

ดวงตาของหานเซิ่นแข็งกร้าวขณะที่เขาจับดาบเอาไว้แน่น เขาดึงดาบออกมาจากอกของตัวเอง ขณะที่อาณาเขตเพลิงของเตาหลอมก็หายไปอย่างกะทันหัน นอกจากเปลวไฟที่ยังคงริบหรี่อยู่ภายในเตาหลอมทองแดงแล้ว มันไม่มีประกายไฟอื่นให้เห็นอีก

 

หานเซิ่นได้ใช้งานอาณาเขตตงเสวียนอย่างเต็มกำลังและบังคับให้ฟันเฟืองของเตาหลอมทองแดงหยุดหมุน ซึ่งนั่นทำให้อาณาเขตเพลิงของมันดับไป

 

เตาหลอมทองแดงตัวสั่นด้วยความกลัว ฟันเฟืองจักรวาลภายในเตาหลอมนั้นหมุนอย่างรวดเร็วเพื่อจะดึงพลังงานจากอวกาศรอบๆตัว แต่ไม่ว่ามันจะหมุนเร็วสักแค่ไหน เตาหลอมทองแดงก็ไม่สามารถปลดปล่อยอาณาเขตของมันออกมาได้ มันเหมือนการพยายามจุดไม้ขีดไฟที่เปียก

 

ตัวเตาหลอมทองแดงเองไม่ได้แข็งแกร่งอะไร มันคงจะเป็นแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันขั้นที่ 3 หรือ 4 เท่านั้น แต่อาณาเขตเพลิงของมันที่ใช้เสริมพลังให้กับดาบเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ หลังจากการเสริมพลังหลายครั้ง ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมก็มีพลังเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเคยเห็นซีโน่เจเนอิคแบบนี้

 

เตาหลอมทองแดงต้องการจะพ่นไฟออกมาเพิ่ม แต่ไม่ว่ามันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถปล่อยแม้แต่ควันออกมา

 

“ตอนนี้ถึงตาฉันบ้าง” ขณะที่จับดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง หานเซิ่นก็ยกปืนคอร์แมลงปีศาจในมืออีกข้างขึ้นและกระหน่ำยิงเข้าไปใส่เตาหลอมทองแดง

 

เนื่องจากอาณาเขตภูเขา ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นจึงเชื่องช้ามากๆ มันไม่มีทางที่เขาจะโจมตีเจ้าเตาหลอมทองแดงได้ด้วยมือเปล่า แต่ความเร็วในการยิงของปืนคอร์แมลงปีศาจนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

 

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ลำแสงสีม่วงแดงพุ่งใส่เตาหลอมทองแดงและส่งมันกระเด็นออกไป บนผิวเตาหลอมเต็มไปด้วยรอยบุบขณะที่มันกระเด็นไปชนดาวเคราะห์น้อยรอบๆ

 

“ทำไมร่างกายของเจ้าตัวนี้ถึงได้แข็งนัก?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาใช้ปืนคอร์แมลงปีศาจยิงใส่มันเป็นเวลานาน แต่ถึงอย่างนั้นแสงเลเซอร์ก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุผิวของมันได้ และพลังกลืนกินก็ไม่สามารถเข้าปกคลุมมันได้เช่นกัน

 

เตาหลอมทองแดงตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่มันได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันยังไม่ได้รับบาดแผลที่สาหัสอะไร

 

“ซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่มีอาณาเขตที่ประหลาด และร่างกายของมันยังแข็งมากๆอีก นี่มันประหลาดจริงๆ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

แต่ในตอนนี้หานเซิ่นมาไกลเกินกว่าที่จะปล่อยทุกอย่างไป เขาใช้ปีนคอร์แมลงปีศาจยิงใส่เตาหลอมทองแดงไปเรื่อยๆ

 

การยิงที่แม่นยำของหานเซิ่นยังคงพุ่งไปถูกเจ้าเตาหลอมโดยไม่พลาดเป้า เตาหลอมทองแดงยังคงพยายามบินไปเรื่อยๆ แต่แทนที่จะหนีไปจากหานเซิ่น มันกลับกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเขา

 

ดาบที่ออกมาจากเตาหลอมก็ยังคงพยายามดิ้นรนภายในมือของหานเซิ่น แต่มันไม่สามารถหลุดออกมาได้

 

ปัง!

 

หลังจากที่ยิงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ในที่สุดด้านหนึ่งของเตาหลอมทองแดงก็รับความเสียหายมากเกินไปและลำแสงเลเซอร์สีม่วงแดงก็เจาะทะลุผิวของมันจนเป็นรูได้สำเร็จ

 

รูนั่นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ขนาดของรูไม่ใช่ปัญหาอะไร ถ้าเขาสามารถเจาะทะลุผิวของมันได้ แบบนั้นเขาก็สามารถทำลายมันได้

 

หานเซิ่นมีแผนที่จะยิงต่อไปเรื่อยๆ แต่เตาหลอมทองแดงเริ่มจะส่งเสียงหวีดที่เหมือนกับการร้องไห้ออกมา อาณาเขตตงเสวียนยังคงล็อคฟันเฟืองทั้งหมดในบริเวณรอบๆเอาไว้ และไม่ว่ามันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถสร้างอาณาเขตเพลิงได้อีก

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงหวีดร้องที่ดังมาก แต่เสียงนี้ไม่ได้มาจากเจ้าเตาหลอมทองแดง

 

หานเซิ่นหันหน้าไปทางที่เสียงดังมาและเขาก็เห็นเตาหลอมขนาดใหญ่ยักษ์กำลังตรงเข้ามาทางเขา มันใหญ่โตราวกับดวงดาว และดาบนับพันก็บินวนอยู่รอบๆมันราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ทุกดาบเหมือนกับดาบที่ออกมาจากเตาหลอมทองเดง พวกมันกำลังลุกไหม้ด้วยไฟสีเขียว กาแล็กซี่นั้นถูกปกคลุมไปด้วยดาบจนสุดลูกหูลูกตา และโลกนี้ก็กลายเป็นทะเลแห่งดาบ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset