หานเซิ่นรู้สึกตัวในทันทีว่าฟอลลิ่งลีฟไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เธอซ่อนพลังชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่หานเซิ่นมีศาสตร์ตงเสวียนอยู่ มันไม่มีทางที่ฟอลลิ่งลีฟจะปิดบังพลังระดับราชันจากเขาได้
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่สามารถบอกได้ว่าเธอถึงขั้นไหนแล้ว แต่เธอต้องไม่ใช่ระดับราชันขั้นแรกอย่างแน่นอน
‘คุณหญิงมิร์เรอร์นี่ใจกว้างจริงๆ ฟอลลิ่งลีฟคนนี้จะต้องเป็นสมาชิกระดับสูงในสปริงเรนอย่างแน่นอน’ หานเซิ่นคิดขณะที่พยายามจะหาหนทางที่จะทำให้เธอจากไป
ถ้าหานเซิ่นทำให้เธอจากไปด้วยตัวเขาเอง นั่นก็จะดึงดูดความสนใจมาที่เขา ดังนั้นหานเซิ่นไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาจำเป็นต้องปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี แต่ทว่าเขาจะทำให้เธออยู่กับพวกเขาอย่างไม่สุขสบายด้วยการใช้เป่าเอ๋อ
‘ในเรื่องการทำให้คนอื่นเป็นทุกข์คือสิ่งที่เป่าเอ๋อถนัดที่สุด’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่เป่าเอ๋อ
“พี่ฟอลลิ่งลีฟ พี่ช่วยเล่นเกมส์กับหนูจะได้ไหม?” เป่าเอ๋อถือตุ๊กตาขณะที่มองไปที่ฟอลลิ่งลีฟ
“แน่นอนว่าพี่จะเล่นกับเจ้า” ฟอลลิ่งลีฟตอบ รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาของเธอ
ฟอลลิ่งลีฟนั่นค่อนข้างมีชื่อเสียงในสปริงเรน ความสงบนิ่งและจิตใจที่เข้มแข็งไม่ถูกควบคุมโดยอารมณ์นั้น ทำให้เธอเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยม เมื่อเธอได้รับภารกิจ มันไม่มีอะไรที่จะสั่นคลอนเธอจากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคือภารกิจที่เธอได้รับมอบหมายให้ไปฆ่ายอดฝีมือระดับครึ่งเทพที่เป็นลูกชายของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าบนดวงดาวของพวกเขา
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่อ่อนหวาน แม้แต่อารมณ์ของฟอลลิ่งลีฟก็ดีขึ้นมาหน่อย
เธอดูมีความสุขกว่าตอนที่เธอพูดคุยกับหานเซิ่น
ฟอลลิ่งลีฟนั้นไม่ได้รู้ว่าหานเซิ่นเป็นองค์ชายตัวปลอม แต่ถึงเธอจะเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นคนของราชวงศ์จริงๆ เธอก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรในตัวเขา เธอเกลียดความคิดที่จะต้องเดทกับองค์ชาย
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของคุณหญิงมิร์เรอร์ เธอไม่มีทางจะยอมทำอะไรแบบนี้ และเธอก็ไม่มีทางที่จะยอมตกลงมารับใช้หานเซิ่นอย่างแน่นอน
หานเซิ่นมองดูเป่าเอ่อเล่นกับฟอลลิ่งลีฟและโล่งใจขึ้นมาหน่อย เขากลับไปที่ห้องเพื่อฝึกวิชาต่อ
หลังจากที่พยายามหมุนฟันเฟืองจักรวาลของวิชากายหยกหลายครั้ง ในที่สุดหานเซิ่นก็เริ่มเข้าใจการทำงานของมัน ฟันเฟืองจักรวาลของวิชากายหยกนั้นแตกต่างไปจากศาสตร์ตงเสวียน หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองจักรวาของศาสตร์ตงเสวียนและฟันเฟืองอื่นที่อยู่รอบๆมันได้อย่างชัดเจน
แต่ฟันเฟืองของกายหยกนั้นดูเบลอๆ พวกมันไม่ได้ชัดเจนเหมือนอย่างของศาสตร์ตงเสวียน ดังนั้นหานเซิ่นจึงต้องพยายามหลายวิธีเพื่อจะหวังหมุนฟันเฟืองจักรวาลของมัน เขาลืมไปแล้วว่าลองไปทั้งหมดกี่วิธี แต่ถึงอย่างนั้นฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
เขาแค่จำเป็นต้องมีพลังพอที่จะหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเอง ไม่ว่าใครก็สามารถหมุนฟันเฟืองจักรวาลได้และจำนวนของฟันเฟืองที่พวกเขาต้องหมุนก็ขึ้นอยู่กับอาณาเขตของคนนั้นๆ
แต่ยอดฝีมือระดับราชันทั่วๆไปจะมองไม่เห็นฟันเฟืองจักรวาลเหมือนอย่างหานเซิ่น พวกเขาแค่สัมผัสได้ถึงสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ พวกเขาไม่ได้รู้ตัวว่าจริงๆแล้วพวกเขากำลังหมุนฟันเฟืองจักรวาล
ในตอนแรกหานเซิ่นจะคิดว่าจำนวนของฟันเฟืองที่คนๆหนึ่งหมุนได้นั้นมีความสัมพันธ์กับความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่นั่นไม่ได้เป็นจริงเสมอไป
ความยากง่ายของการเลื่อนสู่ระดับราชันนั้นขึ้นอยู่ฟันเฟืองจักรวาลของคนๆนั้น ถ้าพวกเขามีฟันเฟืองจักรวาลที่เชื่อมต่อกับฟันเฟืองอื่นไม่มาก พวกเขาก็จะหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพลังของพวกเขาจะเทียบได้กับคนที่มีฟันเฟืองจักรวาลเชื่อมต่อกับฟันเฟืองอื่นเป็นจำนวนมากได้โดยการหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองด้วยความเร็วที่สูงกว่า
ด้วยเหตุนั้นราชันหลายคนที่มีฟันเฟืองจักรวาลไม่ใหญ่มากก็สามารถปลดปล่อยพลังอาณาเขตที่เหนือกว่าราชันที่มีฟันเฟืองที่ใหญ่กว่าได้
กายหยกเป็นวิชาจีโนที่มีพลังที่เรียบง่าย ฟันเฟืองจักรวาลของมันจึงไม่จำเป็นต้องหมุนฟันเฟืองอื่นอะไรมาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพลังอาณาเขตของมันจะอ่อนแอ
เมื่อหานเซิ่นพร้อมจะเลื่อนสู่ระดับราชัน เขาก็เริ่มปลดปล่อยอาณาเขตตงเสวียนออกมา ด้วยความช่วยเหลือจากอาณาเขตตงเสวียน การหมุนฟันเฟืองอื่นก็เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเดิมมาก และมันยังทำให้หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกอีกด้วย
ฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกไม่ได้เล็กกว่าฟันเฟืองจักรวาลของศาสตร์ตงเสวียนมากนัก เพราะยังไงซะพวกมันก็เป็นฟันเฟืองจักรวาลที่มีรากฐานจากร่างกายของหานเซิ่น ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก
แต่ฟันเฟืองของศาสตร์ตงเสวียนมีสีดำ ขณะที่ฟันเฟืองของกายหยกนั้นโปร่งใสเหมือนกับหยก มันเชื่อมต่อกับฟันเฟืองจักรวาลอื่นทั้งหมด 7 ฟันเฟืองด้วยกัน นั่นถือเป็นตัวเลขธรรมดาทั่วไปสำหรับราชันคนหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้วศาสตร์ตงเสวียนนั้นเชื่อมต่อกับฟันเฟืองจำนวนมาก
แต่การเชื่อมต่อกับฟันเฟืองจำนวนน้อยไม่ได้หมายความว่าพลังอาณาเขตของกายหยกจะไม่สามารถขยายออกไปไกล เพราะฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกนั้นสามารถหมุนอย่างรวดเร็วได้
ภายใต้อาณาเขตตงเสวียน หานเซิ่นเริ่มใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นเขาก็เริ่มพยายามจะหมุนฟันเฟืองจักรวาลของมัน กระบวนการของมันนั้นง่ายกว่าตอนที่เขาพยายามหมุนฟันเฟืองจักรวาลของศาสตร์ตงเสวียนมากๆ
เพราะยังไงซะตอนนี้หานเซิ่นก็เป็นระดับราชันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีพลังที่จะใช้หมุนฟันเฟืองจักรวาลมากกว่าเดิม
ฟันเฟืองหยกโปร่งใสค่อยขยับๆ ขณะที่ฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกเริ่มหมุน สัญลักษณ์ดอกไม้ประหลาดก็ปรากฏขึ้นบนผิวของมัน
สัญลักษณ์ดอกไม้ขยายออกเหมือนกับคริสตัลเรืองแสงที่เข้าปกคลุมฟันเฟืองจักรวาล ขณะที่ฟันเฟืองหมุน สัญลักษณ์นั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ปกคลุมฟันเฟืองอย่างสมบูรณ์ ฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกนั้นกลายเป็นพระจันทร์น้ำแข็งไป
ฟันเฟืองจักรวาลของกายหยกเริ่มหมุนฟันเฟืองจักรวาลทั้ง 7 ที่เชื่อมต่อกับมัน และขณะที่มันทำแบบนั้น สัญลักษณ์ดอกไม้ก็เริ่มขยายไปสู่ฟันเฟืองจักรวาลเหล่านั้นด้วย
พลังอาณาเขตที่ดูเหมือนกับหยกน้ำแข็งขยายออกจากตัวของหานเซิ่น แต่หลังจากขยายออกไปได้สักพัก พลังนั้นก็กลับมาที่หานเซิ่น ร่างกายของเขาดูดซับพลังทั้งหมดเข้าไป
เมื่อฟันเฟืองที่เหมือนกับพระจันทร์น้ำแข็งหมุน ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นก็ตกผลึก และเขาก็เรืองแสงเหมือนกับคริสตัล เขาเหมือนกับเทพที่ห่อหุ้มด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ตูม!
ฟันเฟืองจักรวาลยังคงหมุนต่อไป ขณะที่ประตูสู่คอร์แอเรียเริ่มเปิดออก ร่างกายของหานเซิ่นถูกดูดเข้าไปข้างใน หานเซิ่นพบว่าตัวเองอยู่ภายในสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนกับปราสาทอีกครั้ง หานเซิ่นเปิดประตูปราสาทออกไปอย่างไม่ลังเลและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ภายในคอร์แอเรียจักรวาล นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาเคยเห็นมาก่อน
โดยปกติแล้วการเปิดประตูเข้าสู่คอร์แอเรียจักรวาลจะส่งเขากลับไปยังสถานที่ที่เขากลับออกมาเสมอๆ แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นเข้าสู่คอร์แอเรียจักรวาลโดยการหมุนฟันเฟืองของวิชากายหยก มันก็ส่งเขาไปในสถานที่ที่แตกต่างไปจากตอนที่เขาเข้าสู่คอร์แอเรียด้วยการหมุนฟันเฟืองของศาสตร์ตงเสวียน
“นั่นหมายความว่าแต่ละวิชาจะส่งเราเข้าไปสู่คอร์แอเรียในสถานที่ที่ต่างกันอย่างนั้นหรอ? นี่เราจะเลือกสถานที่ที่จะเข้าไปได้โดยการเปลี่ยนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองหรอเนี่ย?” หานเซิ่นรู้สึกดีใจกับเรื่องนั้น