ความอดทนทางจิตใจของหนิงเยวี่ยนั้นเกือบจะดีเท่ากับหานเซิ่น แต่หนิงเยวี่ยได้รับผลกระทบจากดาบเขียวเล่มนั้น หานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทั้งร่างกาย ยีนหรือแม้แต่ลักษณะของหนิงเยวี่ยนั้นเปลี่ยนแปลงไป
หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อว่าหนิงเยวี่ยจะสวมชุดสีชมพูทั้งตัวและกลายเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนไหวอย่างมาก ตอนนี้หนิงเยวี่ยกลายเป็นคนขี้ขลาดและสูญเสียความเด็ดขาดของตัวเองไปจนหมด เขาดูไม่เหมือนหนิงเยวี่ยที่หานเซิ่นเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว
หานเซิ่นถึงขนาดที่สงสัยว่าวิญญาณของหนิงเยวี่ยนั้นถูกครอบงำโดยผู้หญิง
“ซีโน่เจเนอิคสเปชนี้มันคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้?” หานเซิ่นขมวดคิ้วและก้าวถอยห่างจากก้อนหินโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ต้องการจะเป็นแบบหนิงเยวี่ย
การขุดทุ่งหินนั้นยังคงดำเนินต่อไป แต่หลังจากผ่านไปอีก 7 วัน มันก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง คนงานขุดหินก้อนที่มีเลือดไหลขึ้นมาได้ หลังจากนั้นมันก็มีมือทำลายก้อนหินออกมาและฆ่าคนงานหลายสิบคน มันไม่หยุดจนกระทั่งไนท์วินด์ปรากฏตัวและฆ่ามัน
การทดลองของหานเซิ่นยังคงดำเนินต่อไป จนถึงตอนนี้มี 4 คู่ได้รับผลกระทบจากก้อนหิน พวกเขาเพิ่มระดับขึ้นหนึ่งระดับ แต่พวกเขาไม่ได้เพิ่มระดับขึ้นไปมากกว่านั้นและมันก็ไม่มีใครถูกลดระดับลงเช่นกัน
ตอนนี้หานเซิ่นพอจะยืนยันรัศมีส่งผลของก้อนหินได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำเครื่องหมายเตือนรอบๆโกดัง แต่เขาไม่ได้เรียกคนทั้งสิบคู่กลับไป พวกเขายังคงอยู่ประจำที่ของตัวเองและทำการทดสอบต่อไป
หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในโกดังเพื่อดูก้อนหินนั่นด้วยตัวเอง ถึงมันจะดูเหมือนว่าก้อนหินนั้นมีประโยชน์ต่อทุกคนที่เข้าไปใกล้มัน แต่หลังจากที่เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับเรดคลาวด์ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง
เหมือนอย่างทุกครั้ง หานเซิ่นเรียกทั้งสิบคู่มาหา หลังจากที่สอบถามพวกเขาเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็มีแผนที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อกินข้าวร่วมกับเป่าเอ๋อ แต่ฟอลลิ่งลีฟนั้นมาแจ้งหานเซิ่นว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ต้องการจะพบกับเขา
“ท่านหญิงมิร์เรอร์พบบางสิ่งที่สำคัญจนต้องเรียกเราไปพบในทันทีอย่างนั้นหรอ?”
จากที่หานเซิ่นบอกได้ การขุดค้นทุ่งหินนั้นถูกเร่งให้เร็วขึ้น และพวกเขาก็เจอกับปัญหาอยู่เรื่อยๆ คุณหญิงมิร์เรอร์ได้ไปดูที่ทุ่งหินด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้าเธอเรียกหานเซิ่นไปพบในทันทีหลังจากที่กลับมา เขาก็สันนิษฐานว่ามันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
หานเซิ่นไปที่ห้องทำงานของคุณหญิงมิร์เรอร์ตามที่ถูกสั่ง เขาเคาะประตูและเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเขาเห็นคุณหญิงมิร์เรอร์ เขาก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“ท่าน…” คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นเหมือนกับเรดคลาวด์ เธอไม่มีออร่าที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว พลังชีวิตของเธอดูอ่อนแอ และตอนนี้เธอก็เป็นเพียงแค่ราชันคนหนึ่งเท่านั้น เธอไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกต่อไป
“ใช่แล้ว ข้ากลายเป็นระดับราชัน” คุณหญิงมิร์เรอร์ดูสงบนิ่ง แต่หานเซิ่นเห็นความโศกเศร้าในดวงตาของเธอ
ดูเหมือนว่าการถูกลดระดับลงจากสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ามาสู่สิ่งชีวิตระดับราชันจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดสำหรับคุณหญิงมิร์เรอร์ หานเซิ่นนับถือในความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอ แต่แม้คนที่เข้มแข็งอย่างเธอก็ต้องจิตใจสั่นคลอนเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์และถาม “ข้าจะทำอะไรให้ท่านได้?”
หานเซิ่นรู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้เรียกเขามาพบโดยไม่มีเหตุผล และมันก็มีขีดจำกัดถึงเรื่องที่เธอจะบอกกับองค์ชายปลอมๆอย่างเขาได้
คุณหญิงมิร์เรอร์เริ่มพูดขึ้นมา “กำลังเสริมกำลังเดินทางมา มันต้องใช้เวลาอีก 2 อาทิตย์กว่าที่พวกเขาจะมาถึง พวกเรากำลังสูญเสียการควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีกแล้ว และบางสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้”
ใบหน้าของหานเซิ่นดูหม่นหมอง การที่ผู้หญิงอย่างคุณหญิงมิร์เรอร์พูดออกมาแบบนั้น มันก็หมายความว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้คงจะต้องเลวร้ายกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้
“ทำไมพวกเราไม่เลิกขุดและออกไปจากที่นี่ก่อน?” หานเซิ่นพูดแนะนำ
คุณหญิงมิร์เรอร์ส่ายหัว “มันสายเกินไปแล้ว ก่อนที่ข้าจะออกมาจากทุ่งหิน พวกเขาขุดพบรูปปั้นอีกรูป”
หานเซิ่นอึ้งไป เขาถามขณะที่จ้องไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ “รูปปั้นที่เหมือนกับอันที่อยู่ในโกดังอย่างนั้นหรอ?”
“มันต่างออกไป ครั้งนี้มันเป็นรูปปั้นจริงๆ มันมีตาและแขนนับพัน ซึ่งดวงตาแต่ละดวงของมันมี 2 รูม่านตา” เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึงเรื่องนั้น เธอก็หายใจเร็วขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเธอยังคงไม่คงที่
“เพราะรูปปั้นนั้นท่านถึงกลายเป็นระดับราชันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รูปปั้นนั่นถูกขุดพบ ข้าก็หล่นลงมาจากระดับเทพเจ้า แต่ไนท์วินด์คนที่ตรวจสอบรูปปั้นร่วมกับข้าไม่ได้เป็นอะไร คนงานคนอื่นๆก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่ามันเพราะรูปปั้นนั่นจริงๆหรือเปล่า?”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรรีบหยุดการขุดและรีบออกไปจากที่นี่” หานเซิ่นพูด
คุณหญิงมิร์เรอร์พูด “ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่ามันสายเกินไปแล้ว มองดูที่ตาของข้า”
“ดวงตาของท่านเป็นอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม เมื่อเขามองลึกไปในดวงตาของคุณหญิงมิร์เรอร์ สิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง
คุณหญิงมิร์เรอร์เคยมีดวงตาที่งดงามเหมือนกับฟินิกซ์ รูม่านตาของเธอเคยเป็นสีดำ แต่ตอนนี้พวกมันเป็นสีแดง ยิ่งไปกว่านั้นรูม่านตาของเธอก็แบ่งออกเป็น 2 รูม่านตาสีแดงทั้ง 2 เป็นภาพที่น่าขนลุก
“รูม่านตานั้นเหมือนกับของรูปปั้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้า “ทุกคนที่เห็นรูปปั้นรวมทั้งข้าและไนท์วินด์เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคน ถ้าพวกเราออกห่างจากรูปปั้นมากเกินไป พวกเราก็จะมีอาการเหมือนคนขาดยา ยิ่งออกไปไกลจากรูปปั้นมากเท่านั้น ความรู้สึกก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น ความต้องการที่จะขุดทุ่งหินกลายเป็นอะไรที่ต่อต้านไม่ได้ พวกเราได้แต่ขุดต่อไปเท่านั้น มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเรารู้สึกดีขึ้น”
ใบหน้าของหานเซิ่นดูหม่นหมอง ทุกอย่างเกี่ยวกับที่แห่งนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ได้รับผลประทบโดยไม่รู้ตัวว่าทำไม หานเซิ่นไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองในสถานที่แบบนี้ได้
“ข้าจะทำอะไรให้ท่านได้บ้าง?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง สถานการณ์ในตอนนี้เกินการควบคุมของทุกคน หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าตัวเขาจะช่วยเหลืออะไรได้
ถ้าเขาสามารถเลือกได้ เขาก็จะออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปชนี้ให้เร็วที่สุด ยิ่งเขาไปไกลจากมันเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
คุณหญิงมิร์เรอร์กำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นไนท์วินด์ก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความรีบร้อน
หานเซิ่นมองไปในดวงตาของไนท์วินด์ รูม่านตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามขณะที่มองไปที่ไนท์วินด์
“พวกเราขุดพบประตูหินในทุ่งหิน พวกมันใหญ่โตราวกับว่าพวกมันจะนำไปสู่เมืองโบราณขนาดยักษ์” ไนท์วินด์อธิบาย