ไนท์วินด์ได้รับคำสั่งให้เก็บกวาดกองหินที่กรีดขวางเส้นทาง ทั้ง 3 คนหันไปมองคนงานระดับดยุกที่ดูเหมือนกับคนติดยาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มเดินทางกันต่อ
ทั่วร่างกายของคนงานระดับดยุกมีเลือดไหลออกมา ถึงเขาจะยังไม่ตาย แต่สภาพของเขาก็ดูไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเขา พวกมันเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งดวงและแม้แต่ตาขาวของเขาก็ถูกกลืนกินด้วยสีใหม่นี้
ไนท์วินด์หันความสนใจไปที่เปิดเส้นทางไปข้างหน้า หลังจากที่เขาเคลียร์เส้นทางไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆเขาก็หยุดมือ เขาหันมามองคุณหญิงมิร์เรอร์และพูด
“ท่านหญิง พวกเราควรจะเปลี่ยนเส้นทางดีไหม?”
“ทำไมกัน?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามไนท์วินด์
หานเซิ่นเองก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าทำไมไนท์วินด์ถึงได้เสนออะไรแบบนั้นขึ้นมา
ไนท์วินด์ถอนหายใจและพูด “ภาพที่ 4 ทำนายว่าพวกเราจะไปถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เมื่อเทียบความสูงระหว่างคนในภาพกับความสูงของต้นไม้แล้ว มันก็บ่งบอกว่าต้นไม้ต้องมีขนาดใหญ่มากๆ มันคงจะต้องมีความสูงหนึ่งร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย การเคลื่อนย้ายต้นไม้แบบนั้นมาขวางเส้นทางคงจะเป็นเรื่องยาก”
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจความคิดของไนท์วินด์แล้ว ภาพที่ 4 บนฉากกั้นดูเหมือนจะบ่งบอกว่าพวกเขาจะไปพบกับต้นไม้ต้นหนึ่ง และต้นไม้นั่นก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ ถ้าพวกเขาเปลี่ยนเส้นทางล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงต้นไม้นั่น คำทำนายของภาพวาดก็จะไม่เป็นจริง ถ้าพวกเขาหลีกเลี่ยงต้นไม้ได้สำเร็จ นั่นก็จะแสดงให้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังเล่นตลกกับพวกเขาจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เปลี่ยนเส้นทางกัน” คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้า
หลังจากได้รับความยินยอมจากคุณหญิงมิร์เรอร์ ไนท์วินด์ก็เปลี่ยนเส้นทางและเริ่มทำการขุดต่อไป
ถ้าใครบางคนพยายามจะหลอกพวกเขา มันก็จะเป็นอะไรที่ง่ายสำหรับคนๆนั้นที่จะเข้าเดาเส้นทางของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาขุดไปทางที่พลังประหลาดดึงดูดพวกเขา เพราะอย่างไรก็ตามแหล่งพลังประหลาดนั้นก็คือจุดหมายปลายทางของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะคาดเดาทิศทางที่พวกเขาจะไป
ไนท์วินด์เสนอให้เปลี่ยนเส้นทางก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ถ้าต้นไม้ถูกเคลื่อนย้ายมาเพื่อขวางทางพวกเขาจริงๆ มันก็ต้องทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บ้าง และแผนการของอีกฝ่ายก็จะถูกเปิดโปง
ไนท์วินด์ทำการขุดเปิดทางอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปแค่สิบนาที พวกเขาก็ตามหลังไนท์วินด์เข้าไปในร่องลึกที่ยาวหลายร้อยเมตร
แต่จู่ๆไนท์วินด์ก็หยุดชะงักไป มือของเขายังคงค้างอยู่กลางอากาศ เขายืนนิ่งขณะที่จ้องไปข้างหน้าราวกับว่าเขากำลังเห็นผี
“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นมองตามสายตาของไนท์วินด์ไป เขาเห็นว่าไนท์วินด์เพิ่งจะเคลียร์เส้นทางข้างหน้าได้แค่หน่อยเดียวเท่านั้น ตอนนี้มันมีบางสิ่งยื่นออกมาจากหินที่กองอยู่ข้างหน้า
เมื่อหานเซิ่นเห็นว่ามันคืออะไร ใบหน้าของเขาก็ซีดไปเช่นเดียวกัน มันมีกิ่งไม้กิ่งหนึ่งยื่นออกมาจากกองหิน และบนกิ่งไม้นั้นก็มีใบไม้สีเขียวอยู่หลายใบ มันดูเหมือนกับกิ่งไม้ของต้นหลิว
“เป็นไปได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขึ้นมา กิ่งไม้และใบไม้ที่เขากำลังเห็นดูเหมือนกับต้นไม้ในรูปภาพไม่มีผิด
ไนท์วินด์ใช้โซ่สสารเพื่อกำจัดหินทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงออกไปอย่างเงียบๆ กิ่งไม้นั้นปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้นต้นไม้ทั้งต้นก็เผยออกมาให้เห็น
มันเหมือนกับที่อยู่ในรูปภาพไม่มีผิด มันมีความสูงหนึ่งร้อยเมตรและดูเหมือนกับต้นหลิว กิ่งที่พัดไปมานั้นห้อยต่ำลงมาและพวกมันก็ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน
พวกเขาทั้ง 3 จ้องไปที่ต้นไม้อย่างหม่นหมอง พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางเพื่อไม่ให้คาดเดาได้ง่ายๆ แต่พวกเขาก็พบกับต้นไม้อยู่ดี มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
หานเซิ่นตรวจดูรากของต้นไม้นั้น มันฝังลึกอยู่ในแปลงดอกไม้ที่ทำขึ้นจากหินและปกคลุมด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์
“มันดูไม่เหมือนกับว่ามีใครบางคนเคลื่อนย้ายมันมาไว้ที่นี่” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดขณะที่มองไปที่แปลงดอกไม้
“บางทีมันอาจจะมีต้นไม้แบบนี้อยู่หลายต้น แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องเจอพวกมันอย่างน้อยอีกหนึ่งต้น ลานกว้างนี้คงจะเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งไม่ว่าพวกเราจะขุดไปทางไหน พวกเราก็ต้องพบต้นไม้สักต้นหนึ่ง” หานเซิ่นพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
“ใช่แล้ว” ไนท์วินด์ตอบอย่างจริงจัง และเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวโซ่สสารเพื่อขุดไปที่อื่น เขาอยากรู้ว่าจะมีต้นไม้แบบเดียวกันนี้อยู่ตำแหน่งอื่นอีกหรือเปล่า
“หยุด! มันไม่มีต้นไม้แบบเดียวกันนี้อยู่ที่อื่นอีก” คุณหญิงมิร์เรอร์บอกให้ไนท์วินด์หยุดมือ
ไนท์วินด์ไม่คิดจะขัดคำสั่งของคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่เขาหันกลับมามองเธอด้วยความสับสน เขารอฟังคำอธิบายจากเธอ
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่ต้นไม้และพูด “ข้าคิดว่านี่คือต้นเรเควี่ยม”
“ต้นเรเควี่ยม!” เมื่อไนท์วินด์ได้ยินแบบนั้น เขาก็หน้าซีดไปเล็กน้อย เขามองไปที่ต้นไม้ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์ด้วยความสับสน เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ‘ต้นเรเควี่ยม’มาก่อน
คุณหญิงมิร์เรอร์รู้ว่าหานเซิ่นกำลังรู้สึกสงสัย เธอจึงเริ่มอธิบาย
“ในตอนที่ข้าไปเยือนเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต ข้าเคยได้เห็นต้นเรเควี่ยมครั้งหนึ่ง แอนเชี่ยนท์ก็อตบอกว่าต้นเรเควี่ยมนี่คือที่ที่คนของพวกเขาจะมาเพื่อนิพพาน ตำนานบอกไว้ว่าแอนเชี่ยนท์ก็อตจำเป็นต้องถูกฝังใต้พวกมันเพื่อที่วิญญาณของพวกเขาจะได้พักอย่างสงบชั่วนิรันดร์”
“ถ้าท่านเคยเห็นต้นไม้แบบนี้มาก่อนในเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต และตอนนี้มันก็อยู่ที่นี่อีกต้นหนึ่ง มันก็ฟังดูไม่ใช่ต้นไม้ที่หายากอะไร แบบนั้นทำไมถึงบอกว่ามันไม่มีต้นไม้แบบนี้อยู่อีกล่ะ?” หานเซิ่นถาม
“ข้าไม่รู้ว่าในจักรวาลมีต้นเรเควี่ยมอยู่ทั้งหมดกี่ต้น แต่ต้นที่ข้าได้เห็นตอนนั้นสูงเพียงแค่ 2 ฟุตเท่านั้น” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
“เจ้าของต้นเรเควี่ยมนั้นบอกว่าพวกมันจะโตเพียงแค่ราวๆ 3 ฟุตเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะหยุดเติบโต ถ้าแอนเชี่ยมท์ตายและถูกฝังใต้ต้นเรเควี่ยม ต้นเรเควี่ยมก็จะเติบโตขึ้นหนึ่งฟุตไม่ขาดไม่เกิน เจ้าลองคำนวณดูว่าถ้าต้นเรเควี่ยมเติบโตถึงขนาดนี้ ร่างของแอนเชี่ยนท์ก็อตมากมายเท่าไหร่กันที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่ามันจะมีต้นเรเควี่ยมที่สูงถึงขนาดนี้อยู่ที่นี่เป็นจำนวนมากอย่างนั้นหรอ?”
“นี่คือต้นเรเควี่ยมจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นจ้องไปที่ต้นไม้และเห็นมันในมุมมองไปที่ต่างไปจากเดิม
ถ้าที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดเป็นความจริงล่ะก็ ต้นเรเควี่ยมนี้ก็คงจะต้องดูดซับร่างของแอนเชี่ยนท์ก็อตหลายร้อยคนเข้าไป มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าต้นไม้นี้แข็งแกร่งถึงขนาดไหน แต่หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ควรจะแพร่รัศมีออกมาจากต้นไม้ได้เลย สำหรับเขาแล้วมันดูไม่ต่างจากต้นไม้ธรรมดาๆ
“มันเป็นเรื่องง่ายที่จะตัดสินว่านี่เป็นต้นเรเควี่ยนจริงๆหรือไม่ ถ้ามันเป็นต้นเรเควี่ยนจริง มันก็จะมีรูที่กักเก็บพลังของแอนเชี่ยนท์ก็อตอยู่”
คุณหญิงมิร์เรอร์เดินไปรอบๆต้นไม้ และไม่นานเธอก็มาหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่ง
หานเซิ่นและไนท์วินด์เดินตามคุณหญิงมิร์เรอร์ และพวกเขาก็เห็นรูบนต้นไม้ที่มีขนาดพอๆกับกำปั้นของคน ภายในของต้นไม้นั้นดำสนิทและดวงตาของหานเซิ่นไม่ดีพอจะมองทะลุความมืดนั้น
“นี่คือรูของมัน นี่จะต้องเป็นต้นเรเควี่ยมไม่ผิดแน่! แต่ข้าไม่แน่ใจว่าต้นเรเควี่ยมนี้มีไข่อยู่ภายในหรือเปล่า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดขณะที่มองไปในรูของต้นไม้