Super God Gene – ตอนที่ 2433

หานเซิ่นรีบทบทวนความจริงที่เกิดขึ้น ภายในเมืองดูก็อตมีต้นเรเควี่ยมต้นใหญ่อยู่ และภายในต้นไม้ก็มีไข่ต้นเรเควี่ยมลูกใหญ่อยู่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมีเด็กสาวถูกแช่แข็งอยู่ภายในไข่นั้น เด็กสาวคนนั้นมีรอยสักแมวเก้าชีวิตอยู่บนแผ่นหลัง หานเซิ่นพยายามคิดหาคำอธิบาย แต่เขาไม่สามารถคิดหาคำอธิบายอะไรได้

 

ภาพรอยสักแมวเก้าชีวิตบนเด็กสาวคนนี้เป็นอะไรที่หานเซิ่นคุ้นเคย รอยสักของเด็กสาวคนนี้ดูเหมือนกับของซีโน่ไม่มีผิด และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกตกใจ

 

“เด็กสาวที่อยู่ในไข่คนนี้เป็นพี่น้องของซีโร่อย่างนั้นหรอ? แต่นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย เมืองดูก็อตนั้นน่าจะล่มสลายมาเป็นล้านๆปีแล้ว ซีโร่มีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนกัน? แต่พวกเธอทั้งคู่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ทำไมพวกเธอถึงมีรอยสักอยู่บนหลังเหมือนๆกัน? สัญลักษณ์ของพยุหะโลหิตคือแมวเก้าชีวิต แต่ประวัติศาสตร์ของพยุหะโลหิตนั้นไม่ได้ยาวนานถึงสมัยก่อนที่เมืองดูก็อตจะล่มสลาย ไอ้แมวเก้าชีวิตนั่นจะต้องรู้คำตอบทั้งหมดที่เรากำลังมองหาอยู่…”

หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเมื่อพยายามคิดหาคำตอบของเรื่องทั้งหมดนี้ เขาอยากจะจับตัวแมวเก้าชีวิตตัวนั้นมาให้ได้ เขาจะทรมานมันเพื่อหาคำตอบของเรื่องทั้งหมดนี้

 

เสียงแตกร้าวดังออกมาจากไข่ ซึ่งทำให้หานเซิ่นหลุดได้สติกลับมา รอยแตกร้าวนั้นค่อยๆก่อตัวขึ้นบนผิวของไข่สีทอง

 

“นี่เด็กสาวคนนั้นยังมีชีวิตอยู่อย่างงั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจขณะที่ค่อยๆก้าวถอยไปด้านหลัง

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ ไนท์วินด์มีปฏิกิริยาเหมือนกับหานเซิ่น แต่หลังจากที่ก้าวถอยไปได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็หยุดอยู่กับที่ ในตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถหนีไปได้ พวกเขายังคงไม่พบวิธีรักษาอาการตาแดง

 

แต่หานเซิ่นกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งที่ต่างออกไปจากคนอื่นเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะมีอาการตาแดงที่ไม่สามารถรักษาได้เหมือนกัน แต่เขากลัวว่าพลังประหลาดนี้จะเป็นโรคที่ติดต่อได้มากกว่า เขาไม่ต้องการจะเสี่ยงนำมันไปติดเป่าเอ๋อหรือหนิงเยวี่ย นั่นเป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่ เขาต้องการจะหาหนทางลบล้างพลังประหลาดนี้ออกไป และถ้าเมืองที่ล่มสลายนี้ไม่มีคำตอบที่เขาตามหา เขาก็มีแผนที่จะกำจัดอาการตาแดงนี้ด้วยร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด

 

หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปได้ และเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอันตรายหรือไม่ เขาต้องการจะหนีไปจากที่นี่

 

แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาหันกลับและวิ่งหนีไป เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ไข่ต้นเรเควี่ยมแตกร้าวเหมือนกับกระจกรอบๆตัวเด็กสาวก่อนที่จะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

เมื่อเห็นเศษเล็กเศษน้อยของไข่กระจัดกระจายออกไป ไนท์วินด์ก็กัดฟันและลดตัวลงไปในท่าคุกเข่า โซ่สสารแห่งความมืดพุ่งออกไปเพื่อเก็บชิ้นส่วนของไข่มา

 

ไข่นั้นแตกกระจายลงมาบนพื้น แต่เด็กสาวยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศ เธอขดตัวเหมือนกับทารกในครรภ์ ขณะที่มีกลิ่มหอมโชยออกมา เธอมีกลิ่นเหมือนกับไข่ต้นเรเควี่ยม เพียงแต่ว่ามันหอมยิ่งกว่า

 

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นใครหรือเป็นตัวอะไร ข้าจะฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้!”

โซ่สสารแห่งความมืดหมุนวนรอบๆร่างกายของไนท์วินด์ หลังจากนั้นเขาก็ส่งพลังจำนวนมหาศาลไปยังมือข้างที่ไม่ได้ถือดาบที่หัก หลังจากที่ชาร์จพลังอยู่หลายวินาที เขาก็ปล่อยมันออกไปใส่เด็กสาวที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ

 

ไนท์วินด์ไม่มีทางเลือก ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ ดวงตาสีแดงก็จะทำให้เขากลายเป็นบ้าในที่สุด หนทางเดียวที่จะหนีจากชะตากรรมนี้ก็คือการได้รับพลังที่มากขึ้น

 

ดาบแห่งความมืดฉีกอากาศและพุ่งเข้าไปหาเด็กสาวที่หลับไหล

 

ร่างกายของเด็กสาวดูเหมือนกับว่าถูกปกป้องจากพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น เมื่อโซ่สสารแห่งความมืดของไนท์วินด์เข้าไปในระยะหนึ่งฟุตของเด็กสาว พวกมันก็แตกสลายไป พลังของเขาไม่สามารถไปถึงตัวเธอได้

 

ไนท์วินด์คำรามและเตรียมจะใช้ดาบหักในมือแทน โซ่สสารของเขาไม่สามารถสร้างความเสียดายกับเด็กสาวที่ลอยตัวอยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้แรงทั้งหมดไปกับดาบหักในมือ

 

เนื่องจากดาบหักสามารถสร้างความเสียหายกับต้นเรเควี่ยมได้ เขาจึงเชื่อว่ามันจะสามารถสร้างความเสียหายกับผิวที่ดูละเอียดอ่อนของเด็กสาวคนนี้ได้เช่นเดียวกัน

 

ดาบฟันผ่านอากาศเข้าไปหาเด็กสาว และมันก็ไม่ได้แตกกระจายเหมือนอย่างโซ่สสารแห่งความมืด เขาฟันลงไปใส่เด็กสาวอย่างเต็มแรง แต่ดาบนั้นเคลื่อนไปอย่างช้าๆราวกับว่าดาบกำลังตัดผ่านสสารบางอย่างที่มองไม่เห็น

 

ดาบค่อยๆกดลงมาสู่คอของเด็กสาว ใบมีดของมันกำลังจะสัมผัสกับผิวหนังของเธอ

 

ขณะเดียวกันนี้หนังตาของเด็กสาวก็เริ่มขยับ มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตื่นขึ้นมา เส้นผมสีทองของเธอค่อยๆโบกสะบัดอย่างเงียบๆ

 

ไนท์วินด์ตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่าผมสีทองของเด็กสาวลอยขึ้นมาและพันรอบใบมีดของดาบหักเอาไว้ อาวุธของเขาถูกหยุดไปในทันที ดาบใหญ่ที่สามารถตัดเปลือกของต้นเรเควี่ยมได้นั้นกลับไม่สามารถตัดผมของเด็กสาวได้

 

ไนท์วินด์ใช้โซ่สสารเพื่อดึงดาบหักกลับมาจากการจับกุมโดยผมของเด็กสาว แต่เขาไม่สามารถดึงดาบกลับมาได้

 

ในที่สุดดวงตาของเด็กสาวก็เปิดออก เธอมีม่านตาสีทอง เธอมองไปที่ไนท์วินด์อย่างไร้ซึ่งความรู้สึก หรือไม่เธอก็แค่มองไปข้างหน้าและเขาบังเอิญมาอยู่ในสายตาของเธอ

 

ไนท์วินด์เป็นคนที่ตัดสินใจรวดเร็ว เมื่อเขารู้ตัวว่าไม่สามารถดึงดาบกลับคืนมาได้ เขาก็ปล่อยมือออกจากดาบและหันหลังวิ่งหนีไป

 

หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์เริ่มจะวิ่งหนีไปตั้งแต่ที่ไนท์วินด์เริ่มโจมตีเด็กสาวแล้ว

 

เมื่อพูดถึงการวิ่งหนี หานเซิ่นถือว่าเป็นที่สุดในเรื่องนี้น เขาวิ่งหนีเร็วยิ่งกว่าคุณหญิงมิร์เรอร์และพาตัวเองมาอยู่หน้าสุด

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้เชื่องช้าอะไร แต่ในตอนนี้เธอเป็นแค่ระดับราชันเท่านั้น เธอไม่ได้รวดเร็วเหมือนอย่างไนท์วินด์ที่เป็นระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นไนท์วินด์จึงวิ่งแซงเธอได้อย่างรวดเร็ว

 

หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนของเขา ซึ่งช่วยให้เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัว ไนท์วินด์ไม่ได้ชะลอความเร็วลงและวิ่งตามหานเซิ่นมาจนทันได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ด้วยอาณาเขตตงเสวียน หานเซิ่นเห็นบางสิ่งโจมตีใส่คุณหญิงมิร์เรอร์จากด้านหลัง เธอล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา ในจังหวะต่อมาเด็กสาวก็มาปรากฏตัวด้านหน้าหานเซิ่นและไนท์วินด์อย่างกะทันหันราวกับเทเลพอร์ต ไนท์วินด์ไม่สามารถชะลอความเร็วได้ทันและกำลังจะวิ่งชนเข้ากับเด็กสาว เขายกแขนของตัวเองขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง แต่มันสายเกินไปแล้ว เด็กสาวผมทองกำลังถือดาบหักอยู่ในมือ เธอใช้มันแทงเข้าไปในหัวใจไนท์วินด์ แม้แต่อาณาเขตตงเสวียนก็ไม่สามารถเตือนหานเซิ่นถึงการมาของเด็กสาว

 

เวลาเหมือนกับหยุดนิ่งไป คุณหญิงมิร์เรอร์ล้มลงไปกับพื้น หานเซิ่นกำลังยืนถัดไปจากเด็กสาวผมทอง และเด็กสาวผมทองก็กำลังแทงอกของไนท์วินด์ด้วยดาบหัก มันเป็นเหมือนอย่างรูปภาพรูปที่ 4

 

“มันเป็นภาพที่ทำนายอนาคตจริงๆหรอเนี่ย?” หานเซิ่นสงสัย สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือเขาไม่สามารถหนีจากเด็กสาวคนนี้ไปได้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอย่างไนท์วินด์ก็ไม่สามารถหนีจากความเร็วของเธอได้

 

ถึงไนท์วินด์จะถูกแทง แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่มีเลือดไหลออกมาจากอกของเขาเช่นกัน ร่างกายของเขาแค่ละลายสู่ความมืดและกลายเป็นอะไรที่ไร้รูปร่าง

 

เด็กสาวผมทองยังคงถือดาบหักในท่าแทง ดวงตาของเธอไม่กระพริบและขาดการโฟกัส มันเหมือนกับว่าเธอกำลังเหม่อลอย

 

ทันใดนั้นก็มีไฟสีทองปรากฏขึ้นที่สัญลักษณ์บนดาบหัก ดาบหักลุกโชติช่วงและส่องสว่างด้วยแสงสีทองที่น่ากลัวราวกับดวงอาทิตย์

 

“อ้า!” ไนท์วินด์ที่กลายเป็นความมืดเริ่มกรีดร้องออกมา เมื่อแสงสีทองที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ส่องมาถึงตัวเขา

 

ร่างกายของเขาเลือนหายไปในแสงสีทอง และหลังจากนั้นไม่นานพลังชีวิตของเขาก็ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์

 

หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ไนท์วินด์เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่เขาก็ถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset