หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่รุนแรง ร่างกายของเขาเอนไปด้านหลังและล้มลงไปกับพื้น
คุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงไม่เคลื่อนไหว ขณะที่เด็กสาวกระโดดจับคอของหานเซิ่น เธอกดเขาลงกับพื้น พวกเขาทั้งคู่เป็นเหมือนในภาพที่ 5 ที่อยู่บนฉากกั้น
หานเซิ่นเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ล้มลงไป ดวงตาของหานเซิ่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยการเปิดใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
“พี่ชาย… หว่านเอ๋อกำลังรอคอยให้พี่ชายกลับมา!” เด็กสาวผมทองยิ้มออกมา เธอเลื่อนมือขึ้นมาจับใบหน้าของเขาและลดหัวลงเพื่อจูบหน้าผากของหานเซิ่น
หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แสงสีขาวในดวงตาของเขาเริ่มจะมัวลงไป
หานเซิ่นยังคงพยายามใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่มันดับไป หลังจากที่เด็กสาวจูบหน้าผากของเขา
แสงสีทองของเด็กสาวเองก็มัวไปเช่นเดียวกัน ผมสีทองที่ส่องสว่างตอนนี้เป็นเหมือนกับไฟที่ถูกดับ มันมืดลงจนกระทั่งผมของเธอกลายเป็นสีดำ แม้แต่ม่านตาสีทองของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับหมึก
“ในที่สุดก็ได้อยู่กับพี่ชายอีกครั้ง” หว่านเอ๋อดึงตัวเองกลับขึ้นมาและนั่งลงบนอกของหานเซิ่น เธอมองเขาพร้อมกับยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเธอดูอ่อนหวานซะจนทำให้หานเซิ่นแข็งทื่อไป ในจังหวะนั้นเธอดูไร้เดียงสามากๆ
แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็ปิดลง เธอล้มตัวลงไปบนอกของหานเซิ่นและหมดสติไป
“เฮ้ เฮ้ สาวน้อย เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า”
หานเซิ่นยกเด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าหว่านเอ๋อขึ้นขณะที่ลุกกลับขึ้นมา
ผิวของเธอเรียบเนียนและอ่อนนุ่มอย่างมาก หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังที่น่ากลัวจากเธออีกต่อไป พลังชีวิตของเธอเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของที่เคยเป็น ตอนนี้เธอดูอ่อนแอราวกับสามัญชนของจักรวาลแห่งนี้ หรือบางทีเธออาจจะอ่อนแอยิ่งกว่านั้นเสียอีก
ถ้าหานเซิ่นไม่ได้เห็นเธอเปลี่ยนร่างต่อหน้าต่อตา เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเด็กสาวผมดำคนนี้จะเป็นคนเดียวกับเด็กสาวผมทองที่เพิ่งจะฆ่าไนท์วินด์ที่เป็นระดับเทพเจ้าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าตอนนี้รอยสักแมวเก้าชีวิตบนหลังของเธอหายไปแล้วเช่นกัน ผิวบนหลังของเธอเรียบเนียนและขาวราวกับว่ามันไม่เคยมีรอยสักอยู่ตั้งแต่แรก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เมื่อเขาลองสแกนเด็กสาว เขาก็ยืนยันได้ว่าเธอแค่หมดสติไป แต่ทว่าพลังชีวิตที่อ่อนแอของเธอเป็นอะไรที่น่ากังวล
“สาวน้อย ตื่น!” หานเซิ่นกดนิ้วลงบนริมผีปากของเธอเพื่อจะดูว่าเธอหมดสติไปจริงๆหรือว่าเธอแค่แกล้งทำ
แต่หานเซิ่นก็ต้องรีบดึงนิ้วมือกลับอย่างตื่นตระหนก เด็กสาวที่ชื่อหว่านเอ๋อไม่ตื่นขึ้นมา และผิวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาในตำแหน่งที่เขากดนิ้วลงไป
หานเซิ่นไม่ได้ออกแรงมากแต่อย่างใด เขาแค่กดลงบนผิวฝีปากของเธอเบาๆ แต่ผิวของเธอนั้นแตกและมีเลือดไหลออกมา เธอไม่เหมือนกับบุคคลเดิมในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
“นี่มันคืออะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นมองไปที่เด็กสาวในอ้อมแขนด้วยความสับสน
ในที่สุดคุณหญิงมิร์เรอร์ก็ลุกกลับขึ้นมา เธอหยิบดาบหักบนพื้นและพยายามจะแทงใส่เด็กสาว
หานเซิ่นโอบแขนรอบตัวเด็กสาวแน่นกว่าเดิมและหลบการโจมตีของคุณหญิงมิร์เรอร์
คุณหญิงมิร์เรอร์มองเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“เจ้ากำลังทำอะไร? นี่เป็นโอกาสดีที่จะฆ่านาง ถ้านางตื่นขึ้นมาและใช้พลังนั้นอีกครั้ง พวกเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกฆ่าแทน”
หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่เด็กสาวในอ้อมแขน เขาเองก็คิดเกี่ยวกับการทำแบบนั้นเช่นกัน
เขารู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์พูดถูก ในตอนนี้ร่างกายของเด็กสาวเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป นี่เป็นโอกาสดีที่สุดของพวกเขาที่จะฆ่าเธอจริงๆนั่นแหละ
ถ้าเธอตื่นขึ้นมาและใช้พลังนั่นอีกครั้ง พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรเธอได้อีก พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ในภาพที่ 6 มันมีบุคคลใบไร้หน้า 2 คน นั่นหมายความว่าหนึ่งในพวกเขาจะต้องตาย ถ้าพวกเขาไม่ฆ่าเด็กสาวในตอนนี้ นั่นก็หมายความว่าคนที่จะต้องตายเป็นหนึ่งในพวกเขาทั้ง 2 สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปอาจจะเป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างหานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์ เพราะแบบนั้นการฆ่าเด็กสาวไปดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่หานเซิ่นยังคงลังเล สิ่งที่หว่านเอ๋อพูดกับหานเซิ่นก่อนที่เธอจะหมดสติไปยังคงติดอยู่ในใจของเขา ถึงเขาจะไม่คิดตัวเองเป็นพี่ชายของหว่านเอ๋อ แต่การฆ่าเด็กสาวที่ไม่มีหนทางตอบโต้นั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่สามารถบังคับให้ตัวเองลงมือทำได้
และมันมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังค้างคาใจของเขาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดควรจะเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน แต่พลังของเด็กสาวนั้นสามารถยกเลิกการเปิดใช้งานมันได้ หานเซิ่นสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พลังของโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้หายไปไหน และเขาก็สามารถเปิดใช้งานมันอีกครั้งได้ถ้าเขาต้องการ สิ่งที่เด็กสาวเพิ่งจะทำไปเป็นอะไรที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน หานเซิ่นจึงไม่อาจจะลบมันออกไปจากจิตใจของเขาได้
คุณหญิงมิร์เรอร์รู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เธอยกดาบขึ้นและชี้ไปที่เด็กสาวพร้อมกับพูด
“อย่าได้ถูกหลอกโดยสิ่งที่นางพูด นางคงจะรู้ตัวว่าตัวเองจะคงสติอยู่ได้นาน และนั่นเป็นเหตุผลที่นางพูดออกไปอย่างนั้น เจ้าควรจะรู้ดีไม่ใช่หรือว่านางไม่ใช่น้องสาวจริงๆของเจ้า?”
“ถึงนางจะไม่ใช่น้องสาวของข้า แต่ข้าทำมันไม่ได้” หานเซิ่นถอดเสื้อของเขาและใช้มันคลุมร่างของเด็กสาว
เด็กสาวสามารถฆ่าเขาได้ แต่เธอไม่ทำแบบนั้น หานเซิ่นรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดออกมา
“ถ้าเจ้าทำมันไม่ได้ อย่างนั้นข้าจะทำมันเอง!” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
“ข้าต้องขอโทษด้วย แต่มันมีบางสิ่งที่ข้าอยากจะถามนาง พวกเราค่อยตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่นางตื่นขึ้นมาแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่อุ้มเด็กสาวเอาไว้
“เจ้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่เจ้าดูจะลืมไปว่าภาพที่ 6 แสดงถึงอะไร” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
“ข้าไม่ได้ลืม แต่ท่านคงไม่คิดจริงๆหรอกนะว่าภาพนั้นจะทำนายอนาคตของพวกเราได้น่ะ?” หานเซิ่นถามอย่างใจเย็น
“ข้าไม่รู้ว่ามันจะทำนายอนาคตของพวกเราได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างที่มันทำนายก่อนหน้านั้นเป็นความจริง ดังนั้นพวกเราควรจะระวังเอาไว้” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
หานเซิ่นรู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นพูดถูก เขาถอนหายใจและพูด
“ท่านควรจะไปซะ ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง ข้าจะสำรวจที่นี่ต่อไป ถึงแม้การทำนายของฉากกั้นจะถูกต้อง มันก็ไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในภาพคือคนที่ตายไป”
“เจ้าและข้าเคยแลกเปลี่ยนจิตใจกัน เจ้าควรจะรู้ว่านิสัยของข้าเป็นยังไง”
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่เคลื่อนไหว เธอยังคงชี้ดาบไปที่เด็กสาวในอ้อมแขนของหานเซิ่น
หานเซิ่นรู้จักลักษณะนิสัยของคุณหญิงมิร์เรอร์ดี เธอเป็นคนทะเยอทะยาน และความทะเยอทะยานนั้นก็ทำให้เธอต้องการจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอจะไม่ปล่อยให้ใครคนอื่นบ่งการอนาคตของเธอ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่มาที่ทุ่งหินด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เธอเพียงแค่ส่งหานเซิ่น ไนท์วินด์หรือเรดคลาวด์มาก็ได้
“ท่านหญิงมิร์เรอร์ นี่ท่านไม่เห็นหรือว่าพวกเรากำลังทำตามคำทำนายนั้น”
หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ เขาไม่ได้เชื่อในคำทำนาย