หานเซิ่นขอให้คุณหญิงมิร์เรอร์ช่วยติดต่ออี๋ซา เขาไม่ต้องการใช้โทรศัพท์ของตัวเอง นั่นเพราะถ้าเขาตัดสินใจหนีไป การสนทนาทั้งหมดของเขาก็จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
หานเซิ่นอธิบายสถานการณ์ให้อี๋ซาฟัง และอี๋ซาก็รับฟังอย่างตั้งใจ เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำจนกระทั่งหานเซิ่นบอกเรื่องราวทั้งหมดจนจบ เมื่ออี๋ซาพูดขึ้นมา เธอก็พูดออกมาเพียงแค่ 4 คำเท่านั้น
“ไปที่ปราสาทนภา”
หลังจากนั้นอี๋ซาก็วางสายในทันที
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหานเซิ่นก็สามารถตัดสินใจได้ เขาส่งโทรศัพท์กลับคืนให้คุณหญิงมิร์เรอร์และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณที่คอยดูแลข้าตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง”
“ข้ากลัวว่านั่นจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าตายไป ข้าจะจุดเทียนเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดอย่างไร้ความรู้สึก
“ถ้าความตายของข้าได้รับการจุดเทียนจากท่าน ข้าก็ถือว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว”
หานเซิ่นพูด เขามองตรงไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์และพูดต่อ “จริงๆแล้วข้ายังมีอีกเรื่องที่อยากจะขอร้องคุณ ข้าหวังว่าท่านจะช่วยดูแลกิเลนโลหิต ถ้าท่านต้องการท่านสามารถใช้งานมันได้ ข้าจะจดจำความเมตตาที่ท่านมีต่อข้าเอาไว้”
“กิเลนโลหิตตัวนั้นเป็นอสูรที่เกรี้ยวกราด ข้าไม่คิดว่ามันจะทำตามคำสั่งของคนอื่น” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
“การควบคุมมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ท่านแค่จำเป็นต้องใช้สิ่งนี่และมันจะเชื่อฟังท่าน” หานเซิ่นมอบบางสิ่งให้กับคุณหญิงมิร์เรอร์
“ข้าไม่คิดจะปฏิเสธการได้ข้ารับใช้ระดับครึ่งเทพ”
คุณหญิงมิร์เรอร์รับของนั่นไปและมองไปที่หานเซิ่นพร้อมกับถาม
“เจ้าคิดจะหนีไปจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้าจำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีๆ ถึงแม้ปราสาทนภายินดีจะต่อต้านเอ็กซ์ตรีมคิงและรับเจ้าเข้าไป แต่การจะเดินทางไปที่นั่นก็ยังคงเต็มไปด้วยอันตราย เจ้าอาจจะมีรอดชีวิตไปไม่ถึงที่นั่น”
“นี่เป็นชีวิตของข้า ถึงข้าจะไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์และมีชีวิตรอด แต่ข้าต้องใช้ชีวิตถูกขังอยู่ภายในนั้น ซึ่งสำหรับคนอย่างข้าแล้ว นั่นถือเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ข้าขอเลือกเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดที่จะได้มีอิสรภาพ” หานเซิ่นพูด
ถึงแม้คำพูดของเขาจะไม่ได้มาจากใจจริงทั้งหมด แต่หานเซิ่นก็อธิบายหนึ่งในเหตุผลที่เขาปฏิเสธจะไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบไปขากที่นี่ซะ ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดไปได้ ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ กำลังเสริมจะมาถึงที่นี่ในอีก 40 ชั่วโมง เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะรายงานสถานการณ์ของเจ้าให้พวกเขาทราบ”
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้แสแสร้งว่าเธอจะสนับสนุนหานเซิ่นมากไปกว่านี้ นั่นไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเธอ
“ลาก่อน ได้โปรดรายงานว่าข้าจะไปที่ปราสาทนภา” หานเซิ่นโค้งคำนับ เขาอุ้มหว่านเอ๋อที่หมดสติและเป่าเอ๋อขึ้นมาขณะที่เริ่มออกเดินทางไป
การได้เห็นหานเซิ่นเดินทางออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปชพร้อมกับเป่าเอ๋อ ทำให้ฟอลลิ่งลีฟมีสีหน้าที่ประหลาด
“ท่านหญิงมิร์เรอร์ นี่เขาเลือกจะไปจากเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“มันอาจจะดูเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ แต่ข้าไม่ได้ประหลาดใจเลยที่เขาตัดสินใจแบบนั้น” ถึงแม้คุณหญิงมิร์เรอร์จะพูดออกมาแบบนั้น แต่ใบหน้าของเธอดูซับซ้อน
ฟอลลิ่งลีฟดูลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเธอก็ถามขึ้นมา “เขาจะหนีไปได้ไหม?”
“ไม่ เขาหนีไปไม่ได้” คุณหญิงมิร์เรอร์ตอบอย่างมั่นใจ นั่นคือสิ่งที่เธอเชื่อ
หานเซิ่นเป็นคนที่เก่งกาจ แต่ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจสักแค่ไหน เขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นแรก ถึงแม้เขาจะเป็นระดับเทพเจ้า กองทัพของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ยังตามล่าตัวเขาได้อยู่ดี มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
อี๋ซาต้องการให้หานเซิ่นไปที่ปราสาทนภาก็เพราะปราสาทนภาได้รับการหนุนหลังจากเผ่าเวรี่ไฮ ถ้าพวกเขายินดีจะปกป้องหานเซิ่น ทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็จะไม่สามารถบุกเข้าไปในปราสาทนภาและฆ่าใครตามใจชอบได้
แต่ปราสาทนภาอาจจะไม่ปกป้องหานเซิ่น และถึงพวกเขาจะยอมให้หานเซิ่นเข้าไปหลบภัยข้างใน การเดินทางไปที่ปราสาทนภาก็ยังเป็นอะไรที่อันตรายมากๆอยู่ดี
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ติดต่อไปหาราชาไป๋
“ข้ายืนยันได้แล้วว่าเขาคือหานเซิ่นจริงๆ ตอนนี้เขากำลังหนีออกจากซีโน่เจเนอิคสเปชและมุ่งหน้าไปที่ปราสาทนภา”
…
หลังจากที่หานเซิ่นออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปช เขาก็สะบัดมือและส่งคริสตัลสีขาวบินออกไปข้างหน้า มันขยายใหญ่ขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นวาฬขาวใหญ่ยักษ์
มันเป็นเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของคริสตัลไลเซอร์สมัยโบราณ มันทรงพลังเทียบเท่ากับสมบัติซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า และมันก็คือความหวังหลักของหานเซิ่นในการหนีไปจากที่นี่
ด้วยวาฬขาว หานเซิ่นสามารถเดินทางผ่านอวกาศเป็นเวลานานได้โดยไม่จำเป็นต้องหยุดพัก
“หานเซิ่น นี่พวกเรากำลังจะหนีไปจริงๆอย่างนั้นหรอ? พวกเราควรจะไปพูดคุยกับพวกเขาด้วยเหตุผล บางทีพวกเขาอาจจะยกโทษให้กับพวกเรา” หนิงเยวี่ยกำลังจะร้องไห้
“ลูกผู้ชายจะไม่หันหลังกลับ” หานเซิ่นขับวาฬขาวมุ่งหน้าต่อไปอย่างไร้ความกลัว
“ลูกผู้ชายจะไม่หันหลังกลับ” เป่าเอ๋อพูดตามด้วยความตื่นเต้น
“ฉันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง! ให้ฉันกลับไป… ฉันจะขอร้องให้พวกเขายกโทษให้”
หนิงเยวี่ยสะอึกสะอื้นขณะที่ทุบประตูของวาฬขาว หลังจากนั้นเขาก็นั่งหันหลังพิงประตูและเริ่มร้องห่มร้องไห้ออกมา ดาบเขียวน้อยของเขายังคงเงียบสนิทอยู่ที่เอวของเขา
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อเมินเฉยต่อการกระทำของเขา หนิงเยวี่ยได้รับผลกระทบจากดาบเขียวน้อยมากเกินไป เขาจึงกลายเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหวอย่างมาก
หานเซิ่นไม่กล้าเข้าไปใกล้หนิงเยวี่ยหรือดาบเขียวน้อยของเขา หานเซิ่นกลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากดาบเขียวน้อยนั่นและกลายเป็นเหมือนอย่างหนิงเยวี่ย
“นักบินผู้ช่วยเป่าเอ๋อ หนูรับหน้าที่ขับต่อที” หานเซิ่นลุกขึ้นยืนและปล่อยให้เป่าเอ๋อมานั่งบนเก้าอี้บัญชาการแทน
“รับทราบแล้ว กัปตัน” เป่าเอ๋อนั่งลงด้วยความยินดีและรับหน้าที่ควบคุมวาฬขาวต่อจากหานเซิ่น
เมื่อไม่ต้องขับวาฬอีกแล้ว หานเซิ่นก็หันความสนใจไปที่แผนที่ การเดินทางไปที่ปราสาทนภานั้นเป็นอะไรที่ยากลำบาก ถ้าพวกเขาใช้เส้นทางปกติล่ะก็ โอกาสที่จะไปถึงอย่างปลอดภัยก็แทบจะเป็นศูนย์
“ดูเหมือนว่าระบบเทียนเซียจะเป็นหนทางเดียวที่พวกเราจะไปได้ แต่ถ้าพวกเราทำแบบนั้น พวกเราก็ต้องมุ่งหน้าผ่านระบบจักรวาลเคออสเพื่อไปที่ปราสาทนภา”
หานเซิ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่จ้องมองไปที่แผนที่กาแล็กซี่อย่างตั้งใจ เส้นทางที่เขาเลือกเป็นเส้นทางที่อันตรายที่สุด ซึ่งนั่นก็ทำให้มันเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อคำนึงถึงภัยจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงแล้ว
นั่นเป็นเส้นทางเดียวที่เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้ควบคุม แต่ระบบจักรวาลเคออสนั้นเป็นอันตรายแม้แต่กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้า
ในตอนที่หานเซิ่นติดตามหน่วยอัศวินไอซ์บลูผ่านระบบจักรวาลเคออสนั้น เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่านั่นเป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
ระบบเทียนเซียเองก็เป็นระบบจักรวาลที่อันตรายมากเช่นกัน มันเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชขนาดใหญ่ แต่มันแตกต่างไปจากระบบจักรวาลสเปชธรรมดาๆ มันเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกที่ไม่มีที่สิ้นสุด เครื่องมือทุกอย่างจะไร้ประโยชน์ เนื่องจากพายุแม่เหล็กของที่นั่น ยานอวกาศปกติไม่สามารถเดินทางผ่านระบบเทียนเซียได้
แถมซีโน่เจเนอิคสเปชที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกยังเป็นที่รู้กันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของซีโน่เจเนอิคที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าหลายตัวอาศัยอยู่ทั่วระบบเทียนเซีย สำหรับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าธรรมดาแล้ว การเดินทางผ่านที่นั่นถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่หานเซิ่นเลือกเดินทางผ่านระบบเทียนเซีย ทางเอ็กซ์ตรีมคิงคงจะไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเลือกไปทางนี้
ในชั่วข้ามคืน ชื่อของหานเซิ่นก็แพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งจักรวาลจีโน
ก่อนวันนั้นมีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักที่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นใคร แต่เมื่อเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงออกประกาศจับตัวหานเซิ่น ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วจักรวาลก็ได้เรียนรู้และจดจำชื่อของเขา
แน่นอนว่าที่พวกเขาจดจำมากกว่าสิ่งอื่นใดคือค่าหัวที่สูงของหานเซิ่น รางวัลที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเสนอนั้นมากพอที่จะยั่วยวนแม้กระทั่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้า