“มิสเตอร์ฉิน ทำไมพวกเราถึงไม่เดินทางไปที่ระบบไวท์ริเวอร์ แต่กลับเดินทางไปที่ระบบเทียนเซียแทน” อัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งมองไปที่เป่าฉินด้วยความสับสน
“ในตอนนี้ระบบไวท์ริเวอร์กำลังอยู่ในความโกลาหล และโจรสลัดอวกาศก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับหานเซิ่นที่จะเล็ดลอดผ่านความชุลมุน แต่มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกพบเห็น เนื่องจากประชากรที่หนาแน่น หานเซิ่นเป็นคนที่มีนิสัยกล้าหาญ ดังนั้นมันมีโอกาสสูงที่เขาจะไปที่ระบบเทียนเซีย” เป่าฉินสันนิษฐาน
“แต่เขาเป็นแค่ระดับราชันคนหนึ่ง ระบบเทียนเซียไม่ใช่เส้นทางที่คนระดับเขาจะเดินทางผ่านไปได้” อัศวินคนนั้นพูดหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่
“ก่อนที่เขาจะถูกเปิดโป่ง มันก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขากล้าพอที่จะปลอมตัวเป็นหนึ่งในองค์ชายของเอ็กซ์ตรีมคิง” เป่าฉินพูด ดวงตาของเขาดูแข็งกร้าว
…
“ลดความเร็วลง!” เป่าเอ๋อกำลังขับวาฬขาวผ่านหมู่เมฆด้วยความเร็วสูง ถึงแม้ยานพาหนะของพวกเขาจะเคลื่อนที่ได้เร็วมากๆ แต่มันไม่ใช่ยานรบสำหรับต่อสู้ หนิงเยวี่ยกำลังนอนอยู่บนพื้นขณะที่ร้องห่มร้องไห้ออกมา ใบหน้าของเขาปกคลุมด้วยน้ำตา
หานเซิ่นจ้องมองออกไปยังหมู่เมฆที่ไร้ที่สิ้นสุดและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าระบบเทียนเซียนั้นอันตราย แต่การได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเองก็ยังทำให้เขาตกตะลึงอยู่ดี
เมฆของระบบเทียนเซียนั้นทอดยาวออกไปในทุกทิศทางราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะบอกทิศทางได้ หมู่เมฆที่ไร้ที่สิ้นสุดนั้นเต็มไปด้วยสีสันราวกับว่าวาฬขาวกำลังห้อมล้อมไปด้วยสายรุ้งนับไม่ถ้วน
ตอนนี้พวกหานเซิ่นกำลังเดินทางผ่านก้อนเมฆสีฟ้า พวกมันไร้ที่สิ้นสุดและน่ากลัวยิ่งกว่าทะเลลึก ระหว่างหมู่เมฆหานเซิ่นมองเห็นอสูรเมฆาเป็นครั้งคราว
อสูรเมฆาที่เหมือนกับนกกระเรียนกำลังบินกันเป็นฝูงหลายพันตัว พวกมันบินไปพร้อมกันราวกับเป็นก้อนเมฆก้อนเดียว
ภายในหมู่เมฆสีฟ้านี้พวกเขายังเห็นพายุแม่เหล็กอีกด้วย โดยปกติแล้วเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆจะไม่สามารถใช้งานได้เมื่ออยู่ภายใต้พายุแม่เหล็กแบบนี้ แต่โชคดีที่วาฬขาวของคริสตัลไลเซอร์นี้ไม่ได้รับอิทธิพลอะไรจากพายุแม่เหล็ก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นไม่หวาดกลัวที่จะเดินทางผ่านระบบเทียนเซีย
วาฬขาวเป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า แต่มันไม่มีพลังชีวิต เพราะแบบนั้นมันจึงไม่ได้ส่งพลังชีวิตออกไปให้สิ่งมีชีวิตอื่นสัมผัสได้ ซีโน่เจเนอิคปกติจะไม่โจมตีมัน หานเซิ่นได้เห็นซีโน่เจเนอิคมากมายตลอดการเดินทาง และพวกมันส่วนใหญ่ก็เมินเฉยต่อวาฬขาว มีเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคที่มีนิสัยดุร้ายไม่กี่ตัวเท่านั้นที่พยายามจะโจมตี แต่การโจมตีของพวกมันไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆต่อผิวของวาฬขาวได้
นอกจากอสูรเมฆาแล้ว พวกเขาแทบไม่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็ไม่ค่อยจะมาออกล่าที่นี่ มันเป็นอะไรที่อันตรายเกินไป
ปัง!
ขณะที่วาฬขาวเคลื่อนที่ไป มันก็มีเสียงระเบิดดังมาจากด้านหน้า หมู่เมฆสั่นสะเทือนและถูกพัดออกไปเหมือนกับคลื่นสึนามิ มันเหมือนกับว่ากำลังมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวกำลังต่อสู้กันอยู่ที่ในสักแห่ง
หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อขับวาฬขาวอ้อมไป เพราะยังไงซะพวกเขาก็กำลังหนีเอาชีวิตรอด ดังนั้นพวกเขาไม่ควรไปดึงดูดความสนใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาพยายามหนีไปจากหมอกเมฆให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ก่อนที่เป่าเอ๋อจะได้ทำแบบนั้น ผู้คนหลายคนก็บินออกมาจากเมฆก้อนใหญ่ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาดูเหมือนจะกำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่
แต่เรื่องนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรต่อหานเซิ่น เขาไม่มีเวลาไปห่วงคนอื่น ขณะที่ตัวเองกำลังหนีเอาชีวิตรอดเช่นกัน แต่เมื่อหานเซิ่นได้เห็นใบหน้าของพวกเขาชัดๆ หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจ
ในหมู่คนพวกนั้นมีผู้หญิงที่งดงาม 2 คนที่ดูเหมือนกับเป็นฝาแฝดกัน คนหนึ่งคือกู่ชิงเฉิง ส่วนอีกคนคือจันทราสวรรค์
หานเซิ่นไม่สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ดังนั้นเขาจึงบอกให้เป่าเอ๋อขับวาฬขาวเข้าไปหากู่ชิงเฉิง
เมื่อผู้คนเหล่านั้นเห็นวาฬขาวตรงเข้าไปหา พวกเขาก็หันไปอีกทางเพื่อพยายามจะหนีไป แต่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาเห็นวาฬขาวอ้าปากขึ้นและมีใครบางปรากฏตัวออกมา
“ชิงเฉิง ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
เมื่อกู่ชิงเฉิงเห็นหานเซิ่น เธอก็บินมาหาเขาพร้อมกับจันทราสวรรค์ เมื่อคนอื่นๆเห็นว่ากู่ชิงเฉิงและหานเซิ่นดูเหมือนจะรู้จักกัน พวกเขาก็ดูโล่งใจขึ้นมา พวกเขาบินเข้ามาทางวาฬขาวด้วยเช่นกัน
“มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ข้างหน้า พวกเราควรจะรีบไปจากที่นี่” กู่ชิงเฉิงพูดกับหานเซิ่น
“ตามข้ามา” หานเซิ่นเชิญกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เข้าไปในวาฬขาว คนอื่นๆที่ติดตามกู่ชิงเฉิงมาก็เข้าไปในวาฬขาวด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่ากู่ชิงเฉิงรู้จักกับพวกเขา หานเซิ่นก็ไม่คิดจะห้ามพวกเขา
“นี่คือยานรบอย่างนั้นหรอ? นี่มันเคลื่อนที่ผ่านระบบเทียนเซียได้หรอเนี่ย? นี่มันแปลกจริงๆ”
ชายหนุ่มวัย 20 ปีพูดขึ้นมา เขาเป็นหนึ่งในเผ่าเดม่อนและมีเขาสีม่วงเข้มอยู่บนหัว เขามองไปรอบๆภายในตัววาฬขาวด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อขับวาฬขาวหนีไปจากสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าข้างหน้า หลังจากนั้นเขาก็หันมามองคนที่ติดตามกู่ชิงเฉิงเข้ามาและถาม
“พวกเขาเป็นใครกัน?”
พวกเขามีกันอยู่หลายสิบคน และพวกเขาทุกคนก็มาจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นระดับดยุกและระดับราชัน
กู่ชิงเฉิงชี้ไปที่เฟเธอร์หนุ่มคนหนึ่งและพูด “เขาจ้างจันทราสวรรค์และข้าให้ปกป้องเขาภายในระบบเทียนเซีย”
หานเซิ่นมองไปที่เฟเธอร์คนนั้น เขาดูหนุ่มมากๆและพลังชีวิตของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร อย่างมากที่สุดเขาก็เป็นแค่ระดับมาร์คริสหรือไม่ก็ระดับดยุกเท่านั้น
“ชื่อของข้าคือฟางชิงอวี่ ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือพวกเรา เจ้ามีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรอ?” เฟเธอร์หนุ่มถามอย่างมีมารยาท
“หานเซิ่น” หานเซิ่นไม่คิดจะปิดบังตัวตน
“เจ้าคือลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดหรอเนี่ย? ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน” ฟางชิงอวี่พูดขณะที่มองหานเซิ่นอย่างสนใจ
น่าประหลาดใจที่ฟางชิงอวี่ไม่เหมือนกับเฟเธอร์คนอื่น เฟเธอร์ที่เหลือทั้งหมดต่างก็เกลียดชังหานเซิ่น
เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาผิดปกติอะไร เขาก็คิดว่าคนพวกเขานี้คงจะยังไม่ได้ยินประกาศจับของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ภายในระบบเทียนเซียนั้นเครื่องมือต่างๆไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นการติดต่อกับโลกภายนอกจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นมองออกไปข้างนอกและสังเกตเห็นว่ามันไม่มีก้อนเมฆที่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งอีก พวกเขาคงจะออกมาไกลจากซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าแล้วในตอนนี้
“ที่นี่ควรจะปลอดภัย พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” หานเซิ่นหันมาพูดกับฟางชิงอวี่
ฟางชิงอวี่ตอบ “พี่หาน ข้าอยากจะให้พี่ช่วยพาพวกเราติดไปด้วยกระทั่งออกจากระบบเทียนเซียได้แล้ว พี่หานต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน?”
“ขอโทษด้วย แต่ข้าไม่สนใจจะทำข้อตกลงอะไรทั้งนั้น ได้โปรดออกไปจากยานของข้า” หานเซิ่นพูดอย่างชัดเจน
เขากำลังถูกตามจับ เขาไม่ต้องการใช้เวลากับคนพวกนี้เกินกว่าที่จำเป็น ที่หานเซิ่นช่วยพวกเขาก็เพราะกู่ชิงเฉิงอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย
“พี่หานช่วยคิดดูอีกที บอกสิ่งที่ต้องการมา ข้ายินดีที่จะหามันมาให้กับพี่หาน” ฟางชิงอวี่พูด
“ขอโทษด้วย แต่ข้ากำลังยุ่ง ข้าพาพวกเจ้าไปไม่ได้” หานเซิ่นพูด
“ฟังให้ดีนะเพื่อน! เจ้ากำลังจะทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้า”
หนึ่งในเผ่าเดสทรอยเยอร์ก้าวออกมาด้านหน้า เขาจ้องไปที่หานเซิ่นขณะที่พูดออกมา
ยอดฝีมือระดับดยุกและราชันคนอื่นๆก็เริ่มเข้าล้อมหานเซิ่นเอาไว้