Super God Gene – ตอนที่ 2454

หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาสันนิษฐานว่ามันคงจะเป็นวิชาจีโนชั้นสูง แต่เมื่อเขาลองสังเกตดูดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าอักษรที่ถูกเขียนเอาไว้นั้นไม่ใช่วิชาจีโน ความจริงแล้วมันเป็นอะไรที่เกือบจะไร้ความหมาย

 

เขาไม่สามารถบอกได้ด้วยซ้ำว่าตัวอักษรบนผนังนั้นเริ่มต้นจากตรงไหน พวกมันดูเหมือนจะเขียนไปทั่วผนังของรถม้า แต่เนื่องจากเดม่อนสปิริตมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว หานเซิ่นจึงมองเห็นแค่เพียงกำแพงที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

 

“ได้รับคำอธิษฐานของข้าโดยการใช้ความรักของนาง ข้าขอโทษ ข้าจะขออธิษฐานอีกครั้งเพื่อนำรักกลับมาสู่ชีวิต แต่ข้าต้องยอมรับความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากลายเป็นปีศาจ ข้าคงจะมีความสัมพันธ์ต่อไปไม่ได้ ข้าต้องการจบชีวิตนี้ แต่มันเป็นเรื่องยาก…”

หานเซิ่นอ่านพวกมันเท่าที่สายตามองเห็น

 

‘นี่บุคคลที่เขียนอักษรพวกนี้เอาไว้ทำการขออธิษฐานกับพระเจ้าแล้วรู้สึกเสียใจกับคำอธิษฐานนั้นอย่างนั้นหรอ? คนที่ทำการอธิษฐานนี้เป็นใครกัน? ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพยายามขอคำอธิษฐานเป็นครั้งที่ 2 คนอื่นแ1ค่ขออธิษฐานแค่ครั้งเดียวก็เป็นทุกข์จะแย่อยู่แล้ว แต่หมอนี่กลับขอคำอธิษฐานถึง 2 ครั้ง คำอธิษฐานที่ทำให้กลายเป็นปีศาจ นี่เดม่อนสปิริตเป็นคนที่เขียนข้อความนี่เอาไว้อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นสับสน

 

จากข้อความที่หานเซิ่นได้อ่าน มันดูเหมือนว่าเดม่อนสปิริตนั้นจะเป็นคนที่เขียนข้อความเอาไว้บนกำแพง

 

‘น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นข้อความทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะได้เข้าใจถึงเหตุและผล ถ้าเดม่อนสปิริตคนนี้คือคนที่เขียนข้อความนี่เอาไว้จริงๆ อย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจอย่างทุกวันนี้’ ขณะที่หานเซิ่นคิดกับตัวเอง สายตาของเดม่อนสปิริตก็เคลื่อนไหว

 

เดม่อนสปิริตเหลือบมองไปด้านซ้าย และหานเซิ่นก็มองตามเขาไป มันมีบางสิ่งเขียนอยู่บนกำแพงด้านนี้เช่นเดียวกัน แต่สายตาของเดม่อนสปิริตไม่ได้มองไปที่ตัวอักษรเป็นเวลานานนัก เขามองผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หานเซิ่นไม่มีเวลาได้อ่านข้อความที่ถูกเขียวเอาไว้

 

หลังจากนั้นเดม่อนสปิริตก็ไปมองไปที่กำแพงหินที่มีรูปภาพของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

 

รูปภาพนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก มันมีลายเส้นเพียงไม่มาก แต่มันก็เพียงพอที่จะวาดเป็นรูปร่างของผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นไม่มีใบหน้า แต่เพียงแค่รูปร่างก็เพียงพอที่จะทำให้หานเซิ่นรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงาม

 

เดม่อนสปิริตมองไปที่ภาพของผู้หญิงที่วาดอยู่บนกำแพงหิน เขายื่นมือออกไปอย่างช้าๆและสัมผัสกับภาพนั้น แต่เมื่อเขาสัมผัสกับกำแพงนั้น นิ้วมือของเขาก็แพร่กระจายออกราวกับควัน

 

เดม่อนสปิริตยังคงเอื้อมมือไปหาภาพของผู้หญิงต่อไป แต่ทุกครั้งที่เขาสัมผัสกับมัน มือของเขาก็จะสลายกลายเป็นฝุ่นควัน และเมื่อเขาดึงมือกลับมาจากกำแพงหิน มือที่กระจัดกระจายเป็นฝุ่นควันของเขาก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างหานเซิ่นรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา สิ่งที่ได้เห็นทำให้เขารู้สึกซึ้งเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้

 

เดม่อนสปิริตยื่นมือออกไปอยู่หลายครั้งและพยายามใช้นิ้วมือลูบภาพของหญิงสาว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมแพ้ เขาแค่จ้องมองไปที่ภาพของผู้หญิงบนกำแพงแทน เขามองดูมันอย่างเหม่อลอย

 

หานเซิ่นเห็นตัวอักษรถัดไปจากรูปภาพของผู้หญิง เมื่อเขาสังเกตดูดีๆ เขาก็อ่านมันได้ว่า “ข้าจะไม่แก่เป็นเวลา 300 ล้านปี แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่มีวันสัมผัสใบหน้าของเจ้าได้อีก”

 

ขณะที่หานเซิ่นอ่านข้อความนั้น เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ชื่นชอบเรื่องโศกนาฏกรรม แต่เพียงแค่เห็นตัวอักษรเหล่านั้นก็ทำให้เขาเข้าใจว่ากำลังได้เห็นโศกนาฏกรรมแบบไหน

 

เดม่อนสปิริตจ้องมองไปที่รูปภาพของผู้หญิงนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ขณะที่รถม้าปีศาจทะเลก็ยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่

 

ถึงแม้หานเซิ่นต้องการจะหนีไป แต่มันก็ไม่มีหนทางที่เขาจะหนีไปได้ ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอคอย

 

‘โชคดีที่มีนกแดงน้อยอยู่กับเป่าเอ๋อ ถ้านกแดงน้อยมาติดแหง็กอยู่ที่นี่กับเรา เป่าเอ๋อก็คงจะตกอยู่ในอันตราย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เดม่อนสปิริตจะออกไปจากรถม้าปีศาจทะเลอีกครั้ง หานเซิ่นสังเกตว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไร มันก็ไม่ดึงความสนใจของเดม่อนสปิริต ด้วยเหตุนั้นเขาจึงปล่อยหว่านเอ๋อที่อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตาออกมา

 

หว่านเอ๋อยังคงหมดสติและไม่ตื่นขึ้นมา หานเซิ่นไม่สามารถอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขนได้ตลอด ดังนั้นเขาจึงใส่เธอเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หอคอยแห่งโชคชะตานั้นอยู่ในจิตของหานเซิ่น ด้วยเหตุนั้นเส้นผมและดวงตาของหว่านเอ๋อจึงไม่กลายเป็นสีทองเมื่ออยู่ภายในนั้น

 

“ถ้าเราหาโอกาสหนีออกไปไม่ได้ เราอาจจะต้องพึ่งพลังของหว่านเอ๋อ”

หานเซิ่นตรวจเช็คสภาพของเธอและสังเกตเห็นว่าเธอดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ร่างกายของเธอจะยังค่อนข้างอ่อนแอ แต่พลังชีวิตของเธอก็ไม่ได้เบาบางเหมือนก่อนหน้านี้

 

‘มันเป็นเพราะโหมดผมทองจริงๆที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพปางตาย เธอจะฟื้นตัวตราบใดที่เส้นผมของเธอยังคงเป็นสีดำ แต่การฟื้นฟูของเธอนั้นช้ามากๆ ถ้ายังเป็นแบบต่อไป ใครจะรู้ว่ามันต้องใช้เวลานานอักสักแค่ไหนกว่าที่เธอจะหายเป็นปกติ’

หานเซิ่นพยายามส่งพลังเข้าไปในตัวเธอ แต่มันดูเหมือนจะไม่ได้ผล เขาสามารถส่งพลังเข้าไปในร่างของหว่านเอ๋อได้ แต่ร่างกายของเธอไม่ดูดซับพลังงานนั้น

 

มันเหมือนกับการเทน้ำลงไปในถ้วนที่เต็มไปด้วยรู ไม่ว่าหานเซิ่นจะใส่พลังเข้าไปมากแค่ไหน พลังเหล่านั้นก็จะรั่วไหลออกมา

 

เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงนำเธอกลับเข้าไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็ใช้รูบิคว่านเจียเพื่อติดต่อกับผู้อาวุโสแยกสมบัติ

 

ในตอนที่วิดีโอถูกตัดไปในจังหวะสุดท้ายนั้น มันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อผู้อาวุโสแยกสมบัติมากนัก พวกเขาได้รับเงินที่ต้องการแล้ว ถึงผลกำไรจะไม่ได้สูงถึงขีดสุด แต่พวกเขาก็ได้รับกำไรมากมาย

 

ผู้ชมมากมายต้องการให้วิดีโอเล่นต่อไป แต่ผู้อาวุโสแยกสมบัติไม่มีอะไรที่จะถ่ายทอดอีก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจบการถ่ายทอดสดเพียงแค่นั้น

 

ในตอนที่หานเซิ่นติดต่อผู้อาวุโสแยกสมบัติไปนั้น ผู้อาวุโสแยกสมบัติกำลังอยู่ในห้องตามลำพังภาย

 

เมื่อชายแก่เห็นว่าคนที่ติดต่อมาไม่ใช่ฟางชิงอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วและถาม “ชิงอวี่อยู่ที่ไหน?”

 

“ผู้อาวุโสแยกสมบัติอย่าได้กังวล ชิงอวี่ไม่เป็นอะไร แต่ข้าแยกตัวมาจากเขา มันมีหนทางไหนที่ข้าจะติดต่อเขาและคนอื่น? นี่เป็นเหตุผลที่หานเซิ่นติดต่อมาหาท่าน”

 

“รูบิคว่านเจียเป็นสมบัติสำคัญของเผ่า1000สมบัติ มีเพียงแค่สมาชิกระดับผู้อาวุโสเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองมัน รูบิคว่านเจียที่ชิงอวี่ครอบครองอยู่นั้นเป็นรูบิคว่านเจียของข้า และเขาก็มีเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น ถ้าเจ้ามีรูบิคว่านเจียนั่นอยู่ มันก็ไม่มีทางไหนที่จะติดต่อเขาได้เมื่ออยู่ภายในระบบเทียนเซีย”

ผู้อาวุโสแยกสมบัติหยุดไปชั่วครู่และถาม “เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน? ข้าจะส่งคนไปที่ระบบเทียนเซียเพื่อรับตัวพวกเขา”

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร ถ้าเขาอยู่กับฟางชิงอวี่ด้วย เขาก็ยินดีที่จะมอบตำแหน่งให้กับผู้อาวุโสแยกสมบัติ แต่ตอนนี้ที่เขาแยกตัวออกมา เขาจึงไม่สามารถเชื่อใจชายคนนี้ได้

 

ผู้อาวุโสแยกสมบัติเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าหานเซิ่นกำลังกังวลเรื่องอะไร หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นมา

“จริงๆแล้วถึงแม้พวกเราจะส่งคนออกไปหาพวกเขา ข้าก็ไม่คิดว่าพวกเราจะช่วยพวกเขาได้ ทางเอ็กซ์ตรีมคิงต้องการจะจับตัวเจ้าให้ได้ กำลังเสริมของพวกเขาควรจะเข้าไปในระบบเทียนเซียเรียบร้อยแล้ว มันสายเกินไปที่ข้าจะส่งคนไปรับพวกเขามา ถ้าเจ้าต้องการให้เพื่อนของเจ้าและชิงอวี่ปลอดภัยล่ะก็ มันมีอยู่หนทางหนึ่ง”

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset