หานเซิ่นอยากจะใช้พลังของร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อหนีไปจากคริสตัลตาข่าย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกจะไม่ทำแบบนั้น เขาปล่อยให้ถูกเองถูกคริสตัลตาข่ายจับตัวไปแทน
“เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงใช้ความสามารถของบลัดอายอีวิล็กอตได้?” ผู้หญิงคนนั้นถามหานเซิ่นที่นอนอยู่กับพื้นราวกับปลาในตาข่าย
“ข้าเป็นองค์ชายสิบหกของเอ็กซ์ตรีมคิง ชื่อของข้าคือไป๋อี้ ข้าได้รับพลังบลัดอีวิลอายมาโดยบังเอิญ”
ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็แข็งกร้าว เธอให้คริสตัลตาข่ายรัดเขาแน่นกว่าเดิมพร้อมกับยกหานเซิ่นขึ้นไปบนอากาศ
“กล้าดียังไงมาพูดโกหกข้า! เจ้าเป็นคริสตัลไลเซอร์ที่ปลอมตัวเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง บลัดอีวิลอายคือวิชาจีโนของบลัดอายอีวิลก็อต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มัน นอกซะจากเจ้าจะมียีนของบลัดอายอีวิลก็อต เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นพูดใส่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
โซ่สสารเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาและฟาดใส่หานเซิ่น โซ่สสารนั้นตัดลึกเข้าไปในเนื้อหนังของหานเซิ่นจนเกิดเป็นบาดแผลที่เผยให้เห็นกระดูก
‘ถ้าเธอรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นคริสตัลไลเซอร์ แล้วเธอยังจะมาถามฉันอีกทำไม?’
หานเซิ่นคิดอยู่ในใจ แต่เขาพูดออกมาว่า “ข้าเป็นคริสตัลไลเซอร์ แต่ข้าเป็นเลือดผสม ในร่างกายของข้ามีสายเลือดของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ และข้าก็ยังมีเลือดของบลัดอายอีวิลก็อตอยู่ด้วย…”
ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ฟาดใส่เขาอีกครั้ง
“เลือดผสมอะไร การเป็นคริสตัลไลเซอร์ไม่ดีพอสำหรับเจ้าหรือยังไง? ทำไมเจ้าถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อเผ่าทาสรับใช้แบบนั้น? เลือดของบลัดอายอีวิลก็อตอย่างนั้นหรอ? บอกข้ามาว่าเจ้ามีเลือดของบลัดอายอีวิลก็อตได้ยังไง?”
ผู้หญิงคนนั้นโกรธอย่างมาก และเธอก็ฟาดใส่ร่างกายของหานเซิ่นซ้ำๆ
หานเซิ่นสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ไปยั่วยุนักวิจัยหญิงคนไหนอีก อารมณ์ของเธอนั้นแย่มากๆ
แต่หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง เขาสังเกตได้ว่าที่ผู้หญิงคนนั้นโกรธก็เพราะเขาแกล้งทำตัวเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง เขาก็รีบพูดขึ้นมา
“เจ้าเป็นคริสตัลไลเซอร์เหมือนกันอย่างนั้นหรอ? เจ้ารู้จักเลฟต์เครซี่ไหม? เลฟต์เครซี่และข้าเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“เจ้ารู้จักเลฟต์เครซี่อย่างนั้นหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นทั้งประหลาดใจและสับสน
“ข้ารู้จักเขา และพวกเราก็ใกล้ชิดกันมากๆ ข้ายังได้เรียนรู้วิชาตัวหนึ่งมาจากเขาด้วย” หานเซิ่นพูดอย่างเร่งรีบ เมื่อเขายืนยันได้ว่าชื่อของเลฟต์เครซี่มีน้ำหนักกับผู้หญิงคนนี้
แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่หานเซิ่นพูด เธอมองเขาด้วยความดูถูก
“เลฟต์เครซี่ใจดีเกินไป เจ้าเป็นคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่ง ถึงแม้เจ้าจะเป็นศัตรูของเขา เขาก็ยังยินดีที่จะสอนให้กับเจ้า การได้เรียนรู้วิชาจีโนจากเขาไม่ได้หมายความว่าเจ้าใกล้ชิดกับเขาจริงๆ”
ถึงแม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังปล่อยหานเซิ่นออกจากการคริสตัลตาข่าย
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร? เจ้ารู้จักเลฟต์เครซี่เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่ยืนขึ้นมาและปัดฝุ่นออกจากตัว
ผู้หญิงคนนี้เป็นคริสตัลไลเซอร์จริงๆ ซึ่งทำให้หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก จากข้อมูลที่เขาได้รู้มา คริสตัลไลเซอร์ปรากฏตัวหลังจากที่เซเคร็ดล่มสลายไป และคริสตัลไลเซอร์ก็ไม่เคยมีคนที่เป็นระดับเทพเจ้าอยู่ในเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเช่นกัน
แต่ผู้หญิงคนนี้ทำการวิจัยร่วมกับผู้นำเซเคร็ด นั่นหมายความว่าเธอต้องเป็นคนที่ทรงอำนาจในยุคสมัยที่เซเคร็ดยังคงปกครองจักรวาลจีโนอยู่
ผู้หญิงคนนั้นเมินเฉยต่อคำถามของหานเซิ่น เธอมองไปที่เขาและพูด
“เจ้ามีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ แบบนั้นทำไมยีนของร่างกายเจ้าถึงได้วิวัฒนาการเร็วนัก?”
“ยีนของข้าวิวัฒนาการได้เร็ว?” หานเซิ่นถามและแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไร
ผู้หญิงคนนั้นมองหานเซิ่นพร้อมกับขมวดคิ้ว เฮพูดกับตัวเอง
“นี่ไม่ควรจะเป็นไปได้ คริสตัลไลเซอร์ของข้าจบการทดลองในฐานะความล้มเหลว ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอและสติปัญญาของพวกเขาก็อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ทำไมคริสตัลไลเซอร์คนนี้ถึงได้วิวัฒนาการเร็วนัก?”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขามองไปที่นางและถาม “เจ้าเป็นคนสร้างเผ่าพันธุ์คริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว “ไม่ใช่ซะทีเดียว คริสตัลไลเซอร์อยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ข้าใช้ทรัพยากรของเซเคร็ดเพื่อปรับแต่งยีนของคริสตัลไลเซอร์ ข้าพยายามเร่งกระบวนการวิวัฒนาการของพวกเขา แต่มันไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก ถึงมันจะได้ผลดีกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้ แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายและการวิวัฒนาการของพวกเขายังถือว่าแย่ พวกเขามีสติปัญญาดี พวกเขาเป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานของข้า และเลฟต์เครซี่ก็เป็นหนึ่งในพวกเขา”
หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเดินกลับไปที่บ้านไม้
เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังไม่คิดจะหนีออกไปจากที่นี่ เขาต้องการรู้ความลับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ มันเห็นได้ชัดว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นบุคคลสำคัญในเซเคร็ด เธอต้องเป็นหัวหน้าฝ่ายวิจัยหรืออะไรทำนองนั้น เธอจะต้องรู้อะไรมากมาย
“นั่นหมายความว่าเจ้าคิดค้นเรื่องราวของยีนอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่เดินมาถึงประตู
“ครึ่งหนึ่ง ผู้นำเซเคร็ดและข้าคิดค้นเรื่องราวของยีนร่วมกัน แต่มันล้มเหลว”
ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมามองหานเซิ่นและพูดต่อ “เลฟต์เครซี่บอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องราวของยีนอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพยักหน้า แต่เขาไม่ได้บอกเธอว่าเขาฝึกเรื่องราวของยีนได้สำเร็จ ถ้าเธอรู้ว่าเขาฝึกเรื่องราวของยีน เขากลัวว่าเธออาจจะชําแหละตัวของเขาเพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียด
“หยุดอยู่แค่นั้น” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับหานเซิ่นที่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ้าน
“เจ้ายืนอยู่ข้างนอก อย่าได้นำสิ่งสกปรกเข้ามาในบ้านของข้า” ผู้หญิงคนนั้นพูด
หานเซิ่นรู้ว่าเธอไม่ได้มีประสงค์ร้ายอะไร เธอก็แค่เป็นผู้หญิงรักสะอาดที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเท่านั้น หานเซิ่นยืนอยู่นอกประตูและพูด
“เจ้าทำอะไรในช่วงเวลาที่เจ้าวิจัยเรื่องราวของยีนร่วมกับผู้นำเซเคร็ด? ข้าได้ยินว่ามันเกี่ยวข้องกับยีนขั้นสุดยอด?”
ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปในบ้านและหยิบพลั่วออกมา หลังจากนั้นเธอก็เริ่มขุดหญ้าบริเวณที่หานเซิ่นเหยียบออกไป
“ถ้าเจ้าต้องการจะเข้ามา เจ้าก็ต้องลอยตัวอยู่ตลอด ห้ามแตะต้องอะไรที่นี่เป็นอันขาด” ผู้หญิงคนนั้นพูด หลังจากนั้นเธอก็ฉีดน้ำหอมใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นทำให้ตัวเองลอยตามที่ผู้หญิงคนนั้นสั่ง เขาต้องการจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องราวของยีนกับยีนขั้นสุดยอด และมันยังมีเรื่องก็อตแซงชัวรี่อีก
ผู้หญิงคนนั้นยังคงพยายามเก็บกวาดบริเวณที่หานเซิ่นเหยียบ และเธอก็พูดขึ้นมา “พวกเราวิจัยเรื่องราวของยีนก็เพื่อที่สิ่งมีชีวิตจะได้เรียนรู้การใช้ยีนขั้นสุดยอด นี่เลฟต์เครซี่ไม่ได้บอกเจ้าถึงเรื่องนั้นหรือยังไง?”
“ไม่เลย เขาบอกข้าแค่ว่าคุณสมบัติที่จำเป็นของเรื่องราวของยีนนั้นสูงเกินไป ดังนั้นมันจึงมีขีดจำกัดถึงสิ่งที่เขาจะวิจัยได้” หานเซิ่นพยายามที่จะทำให้เธอบอกข้อมูลกับเขามากขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นดูไม่ได้รังเกียจอะไรที่จะบอกข้อมูลกับหานเซิ่น
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลฟต์เครซี่จะยังวิจัยเกี่ยวกับเรื่องราวของยีน แต่เขาพูดถูก คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับเรื่องราวของยีนนั้นสูงเกินไป ทำให้ไม่มีใครฝึกมันได้ แม้แต่ตอนนี้มันก็ยังเป็นโปรเจคการวิจัยที่ล้มเหลว”
“ยีนขั้นสุดยอดคืออะไร? ยีนขั้นสุดยอดใช้ทำอะไรได้กัน?” หานเซิ่นถาม
ผู้หญิงคนนั้นมองดูหานเซิ่นด้วยสีหน้าประหลาดและถาม “เจ้าเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าไหม?”
‘ทำไมถึงเราถูกถามคำถามแบบนี้อีกแล้ว?’ หานเซิ่นสงสัยและรำคาญ นี่เป็นคำถามที่เขาไม่อยากจะตอบ
หานเซิ่นถอนหายใจและพูด “ข้าเคยได้พบกับพวกคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นพระเจ้าจริงๆหรือเปล่า”
“พวกพระเจ้าที่เจ้าพบ พวกเขากล่าวอ้างว่าจะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริงใช่หรือเปล่า?” ผู้หญิงคนนั้นหลี่ตามองไปที่หานเซิ่น
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาเข้าสู่ประเด็นของปัญหาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบตอบกลับไป “ใช่”