“ผู้นำเซเคร็ดทำการอธิษฐานอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองผู้หญิงชุดเหลืองด้วยความตกใจ
ผู้หญิงชุดเหลืองส่ายหัว “ไม่ ผู้นำเซเคร็ดเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมากๆ ถ้าเขาต้องการจะเป็นอมตะ เขาก็จะหาทางได้รับมันด้วยตัวเอง เขาจะไม่ขออธิษฐานกับสิ่งมีชีวิตอื่น”
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาฟังทุกคำพูดของผู้หญิงคนนั้นอย่างตั้งใจ หลังจากที่พยายามค้นหาคำตอบมานาน ในที่สุดเขาก็เข้าถึงศูนย์กลางของปริศนานี้
ผู้หญิงชุดเหลืองถอนหายใจและพูด “ผู้นำเซเคร็ดไม่ต้องการทำการอธิษฐาน เขาต้องการจะฆ่าพระเจ้านั่นแทน แต่เขาจะใช้พลังแบบไหน เขาก็สร้างความเสียหายกับพระเจ้านั้นไม่ได้ เจ้าไม่อาจจะจินตนาการถึงความรู้สึกของผู้นำเซเคร็ดในตอนนั้นได้ เขาปกครองทั้งจักรวาลจีโน แต่แล้วเขากลับสร้างความเสียหายแม้แต่นิดเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้านี้ไม่ได้”
“แต่สิ่งมีชีวิตที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้านี้ก็ถูกจำกัดด้วยพลังบางอย่าง ทำให้เขาฆ่าผู้นำเซเคร็ดไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่หลังจากการเผชิญหน้ากันครั้งนั้น ผู้นำเซเคร็ดก็ได้ทุ่มทุกอย่างเพื่อหาว่าพระเจ้านั่นเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่ มีหลายๆเรื่องเกิดขึ้น และในที่สุดแล้วผู้นำเซเคร็ดก็ฆ่าสิ่งมีชีวิตที่กล่าวอ้างตัวว่าพระเจ้าคนหนึ่งได้สำเร็จ”
“อะไรนะ? ผู้นำเซเคร็ดฆ่าพระเจ้าได้สำเร็จ?” หานเซิ่นตกตะลึง
ผู้หญิงชุดเหลืองส่ายหัว “มันไม่ใช่พระเจ้าจริงๆ มันเป็นเหมือนกับรูปปั้นมากกว่า มันเป็นรูปปั้นที่ถูกควบคุมโดยพระเจ้า”
หานเซิ่นนึกไปถึงพระเจ้าที่อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตาของเอ็กซ์ตรีมคิง แทนที่จะเป็นพระเจ้าตัวจริงเหมือนอย่างราชาจุน พระเจ้าที่อยู่ในหอคอยก็เป็นแค่รูปปั้นเช่นกัน
“หลังจากที่ทำลายรูปปั้นได้ ผู้นำเซเคร็ดก็ค้นพบว่าอายุขัยของตัวเองเพิ่มขึ้น ผู้นำเซเคร็ดดีใจอย่างมากกับการค้นพบนั้น และเขาก็คิดว่าถ้าการฆ่ารูปปั้นของพระเจ้ามอบอายุขัยให้กับเขามากถึงขนาดนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาฆ่าพระเจ้าตัวจริงได้?”
ผู้หญิงชุดเหลืองยิ้ม “ผู้นำเซเคร็ดได้ทำวิจัยเกี่ยวกับหนทางที่เขาจะฆ่าพระเจ้าต่อไป แต่หลังจากที่รูปปั้นถูกทำลาย พระเจ้าคนนั้นก็เกียจชังเขาและต้องการให้เขาตาย ผู้นำเซเคร็ดฆ่าพระเจ้าไม่ได้ แต่พระเจ้าก็ฆ่าผู้นำเซเคร็ดไม่ได้เช่นกัน การต่อสู้ของพวกเขาเป็นไปอย่างอ้อมๆ เมื่อถึงเวลาที่ผู้นำเซเคร็ดจะต่อสู้กับพระเจ้าจริงๆ พวกเราทุกคนต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะที่ใหญ่หลวงที่สุดของพวกเรา”
เมื่อพูดแบบนั้น ผู้หญิงชุดเหลืองก็ถอนหายใจออกมา
“ไม่ใช่สมาชิกของเซเคร็ดทุกคนที่เห็นด้วยกับเป้าหมายของผู้นำเซเคร็ด ในตอนที่เขาต่อสู้กับพระเจ้า ทั้งครอบครัว มิตรสหาย ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่คู่สมรสของผู้นำเซเคร็ดต่างก็พากันทรยศเขาเพื่อพระเจ้า พวกเขาทำให้ผู้นำเซเคร็ดตกที่นั่งลำบาก”
“การวิจัยเรื่องราวของยีนของผู้นำเซเคร็ดมาถึงจุดสิ้นสุด มันไม่มีใครที่จะฝึกเรื่องราวของยีนได้ ดังนั้นมันจึงไม่มียีนขั้นสุดยอดที่จะเป็นภัยต่อพระเจ้า และในที่สุดแล้วอายุขัยของผู้นำของเซเคร็ดก็มาถึงจุดสิ้นสุด”
“หลังจากนั้นพระเจ้าก็ทำลายเซเคร็ดและฆ่าผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ผู้หญิงชุดเหลืองส่ายหัว “ข้าไม่รู้ ก่อนจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ข้าก็ถูกกักขังในภูเขา 2 โลกเรียบร้อยแล้ว ในเวลานั้นผู้นำเซเคร็ดสูญเสียทุกคนไป เซเคร็ดไม่ได้เป็นปึกแผ่นอีกต่อไป ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ก่อนที่เซเคร็ดจะล่มสลาย”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมา “ผู้นำเซเคร็ดนั้นแข็งแกร่ง แต่เขาก็เอาชนะพระเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”
“นั่นก็ไม่ถูกซะทีเดียว แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้พวกเรารู้ว่าพระเจ้านั้นถูกต่อต้านได้” ผู้หญิงชุดเหลืองพูด
“ทำไมคุณถึงได้ถูกกักขังเอาไว้ในภูเขา 2 โลกกัน?”
จริงๆแล้วหานเซิ่นต้องการจะถามเธอว่าได้ทำการอธิษฐานไปหรือเปล่า แต่เขารีบตัดสินใจเปลี่ยนคำถาม
สีหน้าของผู้หญิงชุดเหลืองเปลี่ยนไป เธอพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แข็งเหมือนกับหิน
“นั่นไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า ตอนนี้ข้าตอบแทนหนี้บุญคุณเจ้าโดยการช่วยเจ้าจากเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้น และข้าก็บอกทุกอย่างกับเจ้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าไปได้แล้ว”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถ้าผู้หญิงคนนี้ถูกกักขังอยู่ในหินของภูเขา 2 โลก มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับเดม่อนสปิริต ผู้หญิงที่ถูกวาดอยู่ในรถม้าปีศาจทะเลจะต้องเป็นเธอแน่ๆ’
ถึงหานเซิ่นจะคิดได้แบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะยืนยันความคิดนั้น เขาพูดขึ้นมา “ข้าได้รู้จักเจ้ามานานพอสมควรแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้รู้ชื่อเจ้าเลย”
ผู้หญิงชุดเหลืองมองหานเซิ่น “ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่อีก? ไสหัวไปได้แล้ว”
เนื่องเขาไม่สามารถามอะไรได้อีก ดังนั้นเขาจึงออกจากเรือมังกรไป เมื่อเขาหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้น เรือมังกรก็บินออกไปสู่อวกาศและหายไป
‘แม้แต่ในยุคสมัยของผู้นำเซเคร็ด ผู้คนก็ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง’
หานเซิ่นครุ่นคิด ‘ในตอนที่เซเคร็ดล่มสลาย ผู้นำเซเคร็ดตายไปด้วยอย่างนั้นหรอ? ก็อตแซงชัวรี่คือสถานที่ที่ผู้นำเซเคร็ดศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสปิริตที่เป็นอมตะ ซึ่งคริสตัลไลเซอร์ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับดินแดนนั่นต่อมาจากเขา แต่ทำไมเผ่าพันธุ์อื่นถึงไม่เข้าครอบครองก็อตแซงชัวรี่กัน? ทำไมถึงมีแค่คริสตัลไลเซอร์ที่ทำได้? นี่คริสตัลไลเซอร์รู้เกี่ยวกับความลับของก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นหรอ? ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าคริสตัลไลเซอร์ถูกนำมาทดลอง และเธอก็บอกว่าพวกเขาฉลากมากๆ พวกเขาคงจะต้องรู้เกี่ยวกับความลับบางอย่างของเซเคร็ดแน่’
หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
‘นั่นควรจะหมายความว่าคริสตัลไลเซอร์ทำการวิจัยต่อจากผู้นำเซเคร็ด แต่อะไรกันที่ผู้นำเซเคร็ดทำการวิจัย? สปิริต วิญญาณอสูร ซีโน่เจเนอิค? คริสตัลไลเซอร์ดูจะไม่ได้รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้นำเซเคร็ด ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาคงจะต้องการใช้ก็อตแซงชัวรี่เพื่อทำให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่การวิจัยของผู้นำเซเคร็ดไม่มีทางจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายแบบนั้น’
‘เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ตอนนี้เราได้รู้จุดเริ่มต้นและจุดจบของเรื่อง ขาดเพียงแค่ละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น และตอนนี้เราก็ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของยีนมากขึ้นกว่าเดิม นั่นควรจะเป็นประโยชน์กับการฝึกฝนของเรา’ หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาคิดว่าตัวเองเข้าใกล้คำตอบที่กำลังแสวงหาแล้ว
หานเซิ่นมองไปรอบๆเพื่อระบุว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เขาต้องการจะกลับไปหาเป่าเอ๋อและคนอื่น
แต่ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าระบบเทียนเซียมีขนาดใหญ่เกินไป การจะหาบางสิ่งภายในแห่งนี้นั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ขณะที่เขาพยายามตัดสินใจหนทางที่จะไป หานเซิ่นก็เห็นเงาคนหลายคนบินผ่านก้อนเมฆออกมา
“บาร์!” หานเซิ่นแปลกใจเมื่อเขาได้เห็นว่าเงานั้นเป็นใคร
แต่ครั้งนี้บาร์ไม่ได้มากับเดียร็อบเบอร์ เขามากับคนจากหลากหลายเผ่าพันธุ์
“หานเซิ่น!” เมื่อบาร์เห็นหานเซิ่น เขาก็ดูปิติยินดี ทุกคนรีบเร่งความเร็วขึ้นเพื่อเข้าไปหาหานเซิ่น
เมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขา หานเซิ่นก็รู้ในทันทีว่าพวกเขามาล่าตัวเขาเพื่อเงินรางวัลของเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็เปิดใช้รูบิคว่านเจียเพื่อถ่ายทอดวิดีโอไปให้กับผู้อาวุโสแยกสมบัติ
“หานเซิ่น ข้าตามหาตัวเจ้ามานาน!” บาร์ตรงเข้ามาหาหานเซิ่นพร้อมกับชักมีดของเขาออกมา