“อีก 2 ครั้ง!” เลอตู้พูดขณะที่มีไอเย็นลอยออกมาจากปาก เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
‘หมอนี่น่ากลัวจริงๆ แต่เราเพิ่งจะปลดล็อคกายหยกได้แค่ขั้นเดียว ถ้าเราเป็นระดับครึ่งเทพเหมือนกันล่ะก็ เขาก็จะไม่ได้อวดดีแบบนี้’ หานเซิ่นก้าวถอยออกไป 2 ก้าวและขมวดคิ้ว
หลังจากที่หยุดคิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ได้ไอเดียบางอย่างขึ้นมา เขาเริ่มรวบรวมพลังไว้ที่หมัดของเขาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้ชกใส่เลอตู้แค่ครั้งเดียว เขาปล่อยหมัดที่ต่อเนื่องออกไป แต่พลังที่ถูกปลดปล่อยออกไปนั้นเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่ช้ามากๆ มันเหมือนกับหอยทากที่กำลังคืบคลานเข้าไป
ในชั่วครู่หานเซิ่นก็ปล่อยหมัดออกไปจำนวนนับไม่ถ้วน พลังของแต่ละหมัดเป็นเหมือนกับคลื่น และพวกมันก็ซัดไปข้างหน้า พวกมันรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว
ขณะที่หานเซิ่นชกออกไปเรื่อยๆ คลื่นพลังก็สะสมมากขึ้น พลังของมันทวีคูณจนกลายเป็นเหมือนคลื่นสึนามิที่ตรงเข้าไปหาเลอตู้
ทะเลเมฆรอบๆถูกพัดกระเด็นออกไปโดยคลื่นของหานเซิ่น พลังที่น่ากลัวที่กำลังตรงเข้าไปหาเลอตู้เหมือนกับสายลมที่ปัดเป่ากาแล็กซี่
กล้ามเนื้อของเลอตู้ตึงขึ้นเพื่อรับการโจมตีที่เข้ามา เขาไม่ได้พยายามจะหลบหลีกมัน เขาเพียงแค่ทนรับพลังที่หานเซิ่นปลดปล่อยออกมา
ปัง!
พลังของหานเซิ่นซัดเข้ามาถูกร่างกายของเลอตู้และทำลายชุดเกราะของเขา พลังที่ถูกทวีคูณเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง ชุดเกราะระดับราชันของเลอตู้ถูกทำลายเป็นผุยผงและเศษเสี้ยวที่เหลือก็กระจัดกระจายไปทั่ว พวกมันระยิบระยับรอบตัวของเขาราวกับดวงดาวน้อยๆ
แต่เมื่อพลังที่น่ากลัวซัดมาถูกกับกล้ามเนื้อของเลอตู้ พลังของหานเซิ่นก็สลายไป ขณะที่ร่างกายของเลอตู้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้”
หานเซิ่นมองเลอตู้ด้วยความตกใจ ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดว่าการโจมตีนี้จะเอาชนะเลอตู้ได้ แต่เขาก็คาดว่ามันจะส่งอีกฝ่ายกระเด็นออกไป แต่นี่เลอตู้กลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัวขึ้นมา
“เจ้าเหลือโอกาสอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
ร่างกายของเลอตู้เปื่อยเปล่าอย่างสมบูรณ์ และอกที่แข็งแกร่งของเขาก็ประดับประดาไปด้วยรอยสักของมังกร ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่งขณะที่พูดออกมา
หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็นำเอาธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมา
“ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาจริงแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่มาโทษข้าที่หลังกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ใช่อาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอะไร แต่มันมีพลังสายฟ้าที่ยากจะทนได้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ยังเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเมื่อถูกโจมตีด้วยอาวุธนี้ มันไม่สำคัญว่าเลอตู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นหานเซิ่นก็ใส่พลังของเขาเข้าไปในธันเดอร์ก็อตสไปค์
“เจ้าคงไม่หลบสิ่งนี้หรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่ยกธันเดอร์ก็อตสไปค์และมองไปที่เลอตู้
เลอตู้ไม่ได้พูด แต่คำตอบของเขาเป็นอะไรที่ชัดเจน การที่เขาไม่พูดอะไรนั้นคือการบอกให้หานเซิ่นรีบลงมือให้จบๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็ยกธันเดอร์ก็อตสไปค์ขึ้นและเล็งมันไปที่หัวของเลอตู้ หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถเปิดกะโหลกของอีกฝ่ายได้ แต่พลังของธันเดอร์ก็อตสไปค์นั้นควรจะทำให้เลอตู้เคลื่อนไหวบ้าง
ปัง!
สายฟ้าปะทุรอบๆธันเดอร์ก็อตสไปค์ที่ปะทะกับหัวของเลอตู้และไหลตรงเข้าไปสู่กะโหลกของเขา
หัวของเลอตู้เอนไปด้านหลัง หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนี้ และเขาคิดว่านี่จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน แต่มีแค่หัวของเลอตู้ที่ขยับเท่านั้น ร่างกายของเขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
สายฟ้าสีเงินปะทุรอบๆหัวของเลอตู้ และควันสีขาวก็ลอยออกมาจากเส้นผมของเขา แต่เขาดูจะไม่สะทกสะท้อนต่อการโจมตีนั้น คอของเขากลับมาตรงเหมือนเดิมขณะที่สายฟ้าจากธันเดอร์ก็อตสไปค์ยังคงช็อตใส่หัวของเขาเรื่อยๆ
หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีแบบนี้ได้ การที่เลอตู้ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมานั้นเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง
เลอตู้ใช้นิ้วมือสัมผัสกับธันเดอร์ก็อตสไปค์ และเขาก็ผลักมันออกไปก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ร่างกายของข้าถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่ในตัวข้าอีก ความเจ็บปวด ความชาและความมึนไม่มีอยู่ในร่างกายของข้า ความชาที่เกิดจากสายฟ้าไม่มีผลอะไรกับคนอย่างข้า”
“อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ได้ผลกับเจ้า” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง
“ไปกันเถอะ” เลอตู้หันหลังเพื่อไปจากที่นั่น
หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เขาก็ตามเลอตู้ไป เขาไม่มีแผนจะหนี
“เจ้าเป็นคนที่รักษาสัญญาของตัวเอง” เลอตู้มองไปที่หานเซิ่น
“เปล่า แต่ข้ารู้ว่าการพยายามหนีจากเจ้าเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์” หานเซิ่นยักไหล่
“เจ้าเป็นคนที่ซื่อตรง” เลอตู้พูดอย่างประหลาดใจ
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขาคิดกับตัวเอง
“เราไม่รู้ว่าทางในระบบเทียนเซีย และเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเอ๋ออยู่ที่ไหน การหนีไปมั่วๆในระบบเทียนเซียจะไม่ช่วยอะไร มันจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งอย่างเลอตู้อยู่อีกมาก ถ้าเราติดตามเลอตู้ไปก่อนในตอนนี้ แบบนั้นถ้าเราเจอเข้ากับปัญหา เขาก็จะปกป้องเรา”
หานเซิ่นตามเลอตู้ไป และเนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหนีไป เขาจึงไม่ได้จับหานเซิ่นมัดเอาไว้ พวกเขาแค่บินผ่านหมู่เมฆไปเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเขาได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งตรงหน้าพวกเขา
“เลอตู้!” คนกลุ่มนั้นร้องตะโกนขึ้นเมื่อได้เห็นเลอตู้
และเมื่อพวกเขาได้เห็นหานเซิ่น พวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
“เลอตู้ ทำไมเจ้ามาอยู่กับหานเซิ่น?” หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นถามเลอตู้
เลอตู้เมินเฉยต่อคำพูดของเขาและบินต่อไปข้างหน้า
ใบหน้าของหัวหน้าคนนั้นแดงด้วยความไม่พอใจ แต่เขาไม่กล้าบ่นอะไรกับเลอตู้
ผู้คนเหล่านั้นแค่หลีกทางให้กับเขาและไม่มีใครคนไหนที่กล้าเข้ามาขวางทางเขาอีก
แต่หานเซิ่นไม่ได้โชคดีแบบนั้น เขาพยายามจะตามเลอตู้ไป แต่ผู้คนเหล่านั้นเข้ามาขวางทางของเขาเอาไว้ มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดจะร่วมมือกันจัดการกับหานเซิ่น
“เลอตู้ ทำไมเจ้าถึงล่วงหน้าไปเร็วนัก? กลับมาจัดการรับคนพวกนี้เร็วเข้า พวกเขาเริ่มจะทำให้ข้ารำคาญแล้ว” หานเซิ่นพูดด้วยความดูถูก
ผู้คนเหล่านั้นเตรียมตัวจะจัดการหานเซิ่น แต่เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็ดูแปลกใจอย่างมาก พวกเขามองสลับไปมาระหว่างหานเซิ่นกับเลอตู้
หานเซิ่นพูดเหมือนกับว่าเลอตู้เป็นลูกน้องของเขาอย่างไรอย่างนั้น
“อย่าได้ขวางทางเขา!” เลอตู้ออกคำสั่งโดยที่ไม่ได้หันหัวกลับมามอง
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นว่าผู้คนของจักรวาลจีโนยำเกรงเลอตู้มากขนาดไหน ทันทีที่เขาพูดขึ้นมา ทุกคนก็รีบหลีกทางให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นบินผ่านยอดฝีมือระดับราชันนับร้อยไป และพวกเขาก็ทำได้แค่มองหานเซิ่นบินผ่านไป
“พวกเราควรจะทำยังไงดี? ทำไมหานเซิ่นถึงไปอยู่กับเลอตู้คนนั้นได้?” ราชันคนหนึ่งถามหัวหน้าของพวกเขาด้วยความสับสน
“ไม่ว่าเลอตู้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่แท้จริง ในบรรดายอดฝีมือมากมายที่เดินทางมาที่ระบบเทียนเซีย มันจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา ถ้าพวกเราปล่อยข่าวนี้ออกไป พวกเราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากความชุลมุนได้” หัวหน้าคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย