Super God Gene – ตอนที่ 2491

เมื่อหานเซิ่นยอมตกลงจะไปกับเหมิงเลี่ย หานเซิ่นก็แสแสร้งทำเป็นว่าเขายอมจะตามไปแต่โดยดี ขณะที่เหมิงเลี่ยมุ่งหน้าผ่านระบบเทียนเซียไปยังดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นก็ตามหลังเขาไปติดๆ

 

เหมิงเลี่ยไม่ได้กังวลว่าหานเซิ่นจะพยายามหนีไป แต่หลังจากที่พวกเขาเดินทางไปได้ไม่นาน คลาวด์บีสต์จำนวนมากก็เริ่มแห่กันมาโจมตีพวกเขาจากรอบด้าน

 

เหมิงเลี่ยสามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่คลาวด์บีสต์ระดับราชันก็ไม่เป็นภัยอะไรต่อเขา แต่ทว่าใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป

 

เขายังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ทำให้คลาวด์บีสต์ทั้งหมดนี้มาหาเขา เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจับตามองเขาอยู่ และเขาไม่ชอบใจเลยสักนิดเดียว

 

หานเซิ่นคิดในใจ ‘สถานการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเราในตอนที่เราอยู่ในทะเลเมฆสีน้ำนม แม้แต่คลาวด์บีสต์ที่อ่อนแอก็จะบุกเข้ามาหาโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง ผลกระทบนั้นต้องมีรัศมีของมันอยู่ เมื่อต้นเศรษฐีเรือนนอกและจิ้งหรีดดำไปถึงบริเวณหนึ่ง คลาวด์บีสต์ทุกตัวที่อยู่ในบริเวณนั้นก็จะถูกดึงดูดเข้ามาหาพวกมัน’

 

“นี่ท่านฆ่าเลอตู้ไปแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม หลังจากที่เหมิงเลี่ยสังหารคลาวด์บีสต์อีกฝูงหนึ่งเสร็จ

 

เหมิงเลี่ยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก “เจ้าเด็กคนนั้นเป็นนักสู้ที่ทรหด ข้าไม่สนใจที่เสี่ยงชีวิตของตัวเองต่อสู้กับคนอย่างเขา ด้วยเหตุนั้นข้าจึงหนีเขาแทน แต่อย่าได้คิดว่าเขาจะมาช่วยเหลือเจ้า ข้าพาเขาไปในทิศทางอื่น ดังนั้นเขาจะหาพวกเราไม่เจอเป็นเวลาอีกสักพัก”

 

หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าเลอตู้จะถูกฆ่าตายง่ายๆ เขาแค่อยากรู้ว่าดราก้อนคนนั้นหายไปไหนกันแน่ แต่การได้ยินแบบนี้ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

 

“ท่านต้องล้อเล่นแน่ๆ ข้าได้ให้สัญญาแล้วว่าจะไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ถึงแม้เลอตู้จะมาอยู่ตรงนี้ ข้าก็จะไม่ไปกับเขา มันเป็นอย่างที่ท่านพูด ถ้าสถานการณ์นี้ยังไม่ถูกแก้ไข ข้าก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างหวาดกลัว แม้แต่ปราสาทนภาก็ปกป้องข้าจากเรื่องนั้นไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นข้าตั้งใจจะกลับไปจริงๆ แต่ท่านต้องรักษาสัญญาที่บอกว่าจะปกป้องชีวิตข้า” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง

 

เมื่อเหมิงเลี่ยได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขาพยักหน้าและพูด
“เจ้าเป็นคนฉลาด ถ้าเจ้าทุ่มเททำงานเพื่อเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าจะปกป้องชีวิตของเจ้า แต่หานเซิ่นยังคงต้องตาย ดังนั้นเจ้าจะใช้ชื่อจริงไม่ได้อีก พวกเราจะปล่อยให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

 

“ข้าเข้าใจ ข้าไม่รังเกียจที่จะสูญเสียชื่อของตัวเองไป ถ้านั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แต่ว่า…” หานเซิ่นดูกังวลขึ้นมา

 

“แต่อะไร?” เหมิงเลี่ยถาม

 

“ข้ากลัวว่ามันอาจจะมีคนที่ไม่ต้องการให้ข้าทำงานเพื่อเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาจะเลือกฆ่าข้าแทนที่จะปล่อยให้ข้าตามท่านกลับไป” หานเซิ่นพูดด้วยความกลัว

 

“อย่าได้กังวล ตราบใดที่เจ้าติดตามข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้” เหมิงเลี่ยพูด

 

แต่สิ่งที่หานเซิ่นพูดทำให้เหมิงเลี่ยอยู่ในสภาพตื่นตัว เหมิงเลี่ยแน่ใจว่ามันมีบุคคลที่ทรงพลังส่งเหล่าคลาวด์บีสต์เข้ามาหาพวกเขา แต่บุคคลนั้นยังคงไม่ยอมเผยตัวเองออกมา ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าปริศนายังคงส่งคลาวด์บีสต์เข้ามาฝูงแล้วฝูงเล่า ถ้ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าปริศนานั้นไม่สามารถชิงตัวของหานเซิ่นไปได้ เขาอาจจะตัดสินใจฆ่าหานเซิ่นแทน

 

หลังจากที่จัดการกับคลาวด์บีสต์อีกหลายฝูงที่เข้ามา เหมิงเลี่ยก็ยืนยันได้ว่าเหล่าซีโน่เจเนอิคที่เข้ามานั้นเล็งเป้าไปที่หานเซิ่นจริงๆ

 

เมื่อรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้ เหมิงเลี่ยก็ระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม เขาดึงหานเซิ่นเข้ามาใกล้เผื่อในกรณีที่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น

 

ในขณะที่พวกเขาเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จู่ๆใบหน้าของเหมิงเลี่ยก็เปลี่ยนไป เขายกมือขึ้นเพื่อบอกให้หานเซิ่นหยุดและมองลึกไปในก้อนเมฆ

 

หานเซิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังเหมิงเลี่ยก็มองไปข้างหน้าเช่นเดียวกัน ก้อนเมฆข้างหน้าพวกเขาอยู่ในความโกลาหล ขณะที่คลื่นกระแทกซัดผ่านพวกมัน มันมีกิเลนสีม่วงตัวหนึ่งเคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆออกมาหาพวกเขา

 

โซ่สสารหมุนวนรอบๆร่างกายที่เหมือนกับก้อนเมฆของกิเลนตัวนั้น

 

‘ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า! ต้นเศรษฐีเรือนนอกและจิ้งหรีดดำคงจะต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากๆถ้าพวกมันดึงดูดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาได้แบบนี้’ หานเซิ่นคิดอย่างประหลาดใจ

 

มันมีฝูงคลาวด์บีสต์จำนวนมากติดตามกิเลนระดับเทพเจ้าตัวนั้นมา พวกมันมีกลุ่มของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ท่ามกลางฝูงนั้นด้วย

 

เหมิงเลี่ยขมวดคิ้วและพูดกับหานเซิ่น “อย่าได้เข้ามาใกล้สนามต่อสู้ แต่ก็อย่าได้ออกไปไกลจนเกินไปเช่นกัน ถ้าเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้”

 

“อย่าได้กังวล ข้าต้องการกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงกับท่านจริงๆ”
หานเซิ่นรู้ว่าจริงๆแล้วเหมิงเลี่ยหมายความว่ายังไง ดังนั้นเขาจึงตอบไปตรงๆ

 

เหมิงเลี่ยพยักหน้า เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่กิเลนระดับเทพเจ้าคำรามขึ้นมาซะก่อน หลังจากนั้นเหล่าคลาวด์บีสต์ทั้งหมดก็เริ่มวิ่งตรงเข้าไปหาพวกเขา เป้าหมายของพวกมันชัดเจน คนที่พวกมันต้องการคือหานเซิ่นคนเดียวเท่านั้น

 

“ฮะ? ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าคนแบบไหนกันที่พยายามจะหยุดข้าจากการพาตัวหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงแบบนี้”
ร่างกายของเหมิงเลี่ยเปลี่ยนเป็นสีทอง และเขาก็วิ่งตรงเข้าไปปะทะกับเจ้ากิเลน

 

หานเซิ่นไม่ได้หนีไป เขาเข้าไปต่อสู้กับฝูงคลาวด์บีสต์แทน

 

ในตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเหตุผลที่จะหนีไป เขายังคงมีสิ่งของที่เป็นอันตรายติดตัวอยู่ ตอนนี้เขามีเหมิงเลี่ยเป็นคนคอยรับหน้าให้ ซึ่งถ้าเขาหนีไป มันก็จะหมายความว่าเขาทอดทิ้งคนที่คอยปกป้องเขาอยู่ไป

 

‘ไม่รู้ว่าต้นเศรษฐีเรือนนอกและจิ้งหรีดดำคืออะไรกันแน่ แต่พวกมันดึงดูดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้ ถ้าเกิดเราเข้าตาจนจริงๆ เราก็คงต้องโยนพวกมันทิ้งไป มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเก็บพวกมันเอาไว้ แต่อย่างน้อยตอนนี้เราก็ใช้พวกมันเพื่อประโยชน์ของตัวเองได้ ถ้าพวกมันดึงดูดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาได้เรื่อยๆ เหมิงเลี่ยก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการพยายามพาเราออกไปจากที่นี่…’ หานเซิ่นคิดกับตัวเองขณะที่ฆ่าเหล่าคลาวด์บีสต์

 

เหมิงเลี่ยเข้าปะทะกับกิเลนระดับเทพเจ้า แต่เขายังคงจับตาดูว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไร เมื่อเขาเห็นว่าหานเซิ่นเริ่มต่อสู้กับเหล่าคลาวด์บีสต์แทนที่จะพยายามหนีไป มันก็ทำเขาประหลาดใจอย่างมาก

 

‘ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะติดตามเรากลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆ แต่นั่นมันก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่ มีใครบางคนต้องการจะฆ่าเขา ซึ่งการมากับเราก็จะทำให้เขามีโอกาสรอดไปได้’
เหมิงเลี่ยพยักหน้า ขณะที่เขาเห็นเหล่าคลาวด์บีสต์แห่กันไปจู่โจมหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เหมิงเลี่ยคิดว่ามีใครบางคนต้องการจะฆ่าหานเซิ่นเพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำงานให้กับเอ็กซ์ตรีมคิง

 

ไม่อย่างนั้นคนอย่างหานเซิ่นที่เป็นแค่ยอดฝีมือระดับราชันคนหนึ่งจะดึงดูดความพิโรธของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาได้ยังไง? ถึงแม้หานเซิ่นจะดึงดูดพวกมันมา พวกมันก็ควรจะโจมตีเหมิงเลี่ยก่อนเป็นคนแรก แต่ซีโน่เจเนอิคพวกนี้ดูจะสนใจแค่การฆ่าหานเซิ่นเพียงอย่างเดียว นั่นทำให้เหมิงเลี่ยเชื่อว่ามีคนคอยบ่งการเรื่องนี้อยู่ที่ไหนสักแห่ง และเห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นต้องการจะป้องกันไม่ให้หานเซิ่นถูกพาตัวกลับไปยังเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง

 

เหมิงเลี่ยเป็นพี่น้องกับกษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง เขาเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่น่ากลัว ถึงแม้เขาจะสูญเสียมังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลของตัวเองไปแล้ว มันก็ยากที่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าจะต่อกรกับเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังใช้เวลาพอสมควรกว่าที่เขาจะฆ่ากิเลนระดับเทพเจ้าตัวนี้ได้

 

หานเซิ่นเคลื่อนที่ไปรอบฝูงคลาวด์บีสต์ขณะที่ต่อสู้ เขาใช้โอกาสนี้เพื่อล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่บุกเข้ามา เขาดีใจที่ได้รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเพิ่มอีก

 

หานเซิ่นเคลื่อนที่ผ่านฝูงซีโน่เจเนอิคและใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อเช็คดูการต่อสู้ของเหมิงเลี่ย ถ้ามีโอกาส เขาอาจจะโจมตีในจังหวะที่กิเลนตัวนั้นกำลังจะตายได้ ซึ่งถ้าได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้ามา นั่นจะเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ

 

แต่การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าเหมิงเลี่ยยังคงมีมังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลอยู่ เขาก็คงจะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งได้ในเวลาไม่นานนัก แต่เนื่องจากเขาสูญเสียมังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลไป เขาจึงต้องต่อสู้โดยใช้พลังของตัวเอง การจะฆ่ากิเลนระดับเทพเจ้านั้นจึงไม่ใช่งานง่ายๆสำหรับเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset