หานเซิ่นเข้าไปหาก้อนเมฆ แต่มันรีบถอยออกไปเพื่อไม่ให้หานเซิ่นสัมผัสมันได้
หานเซิ่นรู้สึกโกรธ เขาเร่งความเร็วขึ้นและไล่ตามหลังก้อนเมฆไป แต่ก้อนเมฆก็ยังคงถอยห่างออกจากเขา และเมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นหันหลังกลับและพยายามจะหนีไปจากก้อนเมฆ มันก็จะไล่ตามเขามา หลังจากที่ทำแบบนั้นกลับไปกลับมาอยู่สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
“ข้าผิดเองที่พยายามจะเอาเจ้าไป ข้าขอโทษ เจ้าเลิกตามข้าจะได้ไหม?” หานเซิ่นพูดขอร้องด้วยน้ำตา
โชคร้ายสำหรับหานเซิ่น จิ้งหรีดที่อยู่ภายในก้อนเมฆนั้นไม่เข้าใจภาษาสามัญของจักรวาลจีโน เมื่อหานเซิ่นเดินจากไป มันก็เคลื่อนที่ตามเขาอีกครั้ง
ตอนนี้หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหนีไปไม่ได้และเขาก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆแบบนี้?” หานเซิ่นพูดด้วยความโกรธ แทนที่จะไปทางใครทางมัน ก้อนเมฆนั้นกลับตามหลังเขาเหมือนกับสตอล์กเกอร์
หานเซิ่นตัดสินใจเรียกมนตราออกมาในร่างปืนคู่ เขายิงออกไปอย่างต่อเนื่องและกระสุนแต่ละลูกก็พุ่งไปหาก้อนเมฆด้วยความเร็วสูง
ก้อนเมฆนั้นไม่ได้หลบ และกระสุนทุกลูกก็พุ่งมาถูกผิวของมัน แต่ทว่ากระสุนแต่ละลูกนั้นกระเด้งออกไปในทันที
หานเซิ่นคิดอยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ความจริงแล้วเขาไม่ได้พยายามที่จะทำลายก้อนเมฆ
“เจ้าน่ะอ่อนแอเกินกว่าที่จะมาต่อสู้กับพี่ใหญ่หาน” หานเซิ่นหัวเราะออกมา เขาใช้ปืนพกยิงไปใส่ก้อนเมฆอีกครั้ง
กระสุนหลายลูกพุ่งไปถูกก้อนเมฆ แต่ในครั้งนี้ก้อนเมฆดูเหมือนจะสูญเสียความเด้งดึ๋งของมันไป
การโจมตีครั้งก่อนของหานเซิ่นนั้นแฝงไปด้วยพลังแช่แข็งของมนตรา เขาทำให้ผิวของก้อนเมฆแข็งตัวเพื่อลดความยืดหยุ่นของมัน
แต่ถึงตอนนี้ผิวของก้อนเมฆจะกลายเป็นอะไรที่แข็ง กระสุนก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุพวกมันได้อยู่ดี แต่ในจุดที่กระสุนยิงไปถูกนั้นตอนนี้มีสัญลักษณ์เต่าปรากฏขึ้นมา มันคือวิชาเต่าของหานเซิ่น
หลังจากที่หานเซิ่นยิงซ้ำต่อไปอีกสักพัก ก้อนเมฆที่แข็งตัวก็เต็มไปด้วยสัญลักษณ์เต่าที่เรืองแสงออกมา เมื่อทำอย่างนั้นเสร็จแล้ว เขาก็ใช้พลังของกายหยกเพื่อเปลี่ยนก้อนเมฆให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง
หานเซิ่นหันกลับและบินจากไป ขณะที่เขาบินไป เขาก็หันมามองก้อนเมฆที่แช่แข็งเป็นระยะๆ ก้อนเมฆเริ่มจะเคลื่อนไหวถึงแม้มันจะถูกแช่แข็งอยู่ แต่หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าตอนนี้มันเชื่องช้าเหมือนกับหอยทาก
หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนี้ เขารีบบินออกไปจากที่นั่นโดยไม่หันกลับมามองอีก
“ในที่สุดข้าก็กำจัดมันไปได้” หานเซิ่นเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง และเมื่อเขาแน่ใจว่าหนีจากมันมาพ้นแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
หานเซิ่นกำลังจะบินหนีต่อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวตรงหน้า ดูเหมือนว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตทำการต่อสู้กันอยู่ข้างหน้าเขา
การต่อสู้นั้นดูเหมือนจะเกิดขึ้นไกลออกไปพอสมควร และคลื่นกระแทกจากการต่อสู้ก็แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อก้อนเมฆรอบๆตัวเขา หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะบินไปดู เมื่อบินไปได้ไม่นาน เขาก็สามารถวิเคราะห์คลื่นกระแทกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
“พลังเสียงนี่มันดูคุ้นๆ นี่มันพลังเสียงของเป่าฉิน! อีกฝ่ายกำลังใช้พลังธาตุไฟอยู่ เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันพลังของนกแดงน้อยไม่ใช่หรอ?”
หานเซิ่นทั้งประหลาดใจและดีใจ เขารีบมุ่งหน้าไปทางที่มีการต่อสู้
ยิ่งเขาเข้าไปใกล้สนามต่อสู้มากเท่าไหร่ คลื่นกระแทกก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น ก่อนที่หานเซิ่นจะได้เห็นนกแดงน้อยหรือเป่าฉิน เขาก็ได้เห็นวาฬขาวตัวใหญ่ในหมู่เมฆ มันกำลังไล่ล่าอัศวินระดับราชัน 2 คนของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง
หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขารีบตรงเข้าไปหาวาฬขาวและอัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันทั้ง 2
อัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันทั้ง 2 กำลังหนีด้วยความหวาดกลัว เมื่อพวกเขาเห็นหานเซิ่นมาปรากฎตัวตรงหน้า พวกเขาก็อึ้งไป การหยุดชะงักไปเพียงช่วงสั้นๆมากพอที่วาฬขาวจะอ้าปากและดูดพวกเขาเข้าไปข้างในเหมือนกับหลุมดำ
“พ่อ!” หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในวาฬขาว เป่าเอ๋อก็กระโดดเข้ามาหาเขา เธอพูดอย่างตื่นเต้น “พ่อ! หนูจับผู้คนได้เพียบเลย”
หานเซิ่นมองไปทางที่เป่าเอ๋อชี้และเห็นว่ากรงของวาฬขาวนั้นกำลังขังอัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันและครึ่งเทพหลายสิบคน
“ทำได้ดีมาก” หานเซิ่นมองไปที่คนอื่นบนยานและเห็นว่าฟางชิงอวี่กับเหล่าโจรสลัดนั้นปลอดภัยดี มีเพียงแค่หนิงเยวี่ยคนเดียวเท่านั้นที่ดูยุ่งเหยิง เธอนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของยานด้วยเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน เธอดูกำลังหวาดกลัว
เมื่อเป่าเอ๋ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนิงเยวี่ย หานเซิ่นก็อึ้งไปชั่วครู่
‘ดาบเขียวน้อยนั่นฆ่าครึ่งเทพคนหนึ่งได้? ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น มันเป็นสิ่งที่ถูกขุดขึ้นมาจากเมืองดูก็อต นั่นหมายความว่ามันเป็นอาวุธที่ถูกทิ้งเอาไว้จากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นั่นอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อาวุธนี้ก็คงจะทำให้หนิงเยวี่ยร่ำรวยมากๆ’ หานเซิ่นคิด
เป่าเอ๋อยังบอกหานเซิ่นอีกว่าถึงแม้ลักษณะนิสัยของหนิงเยวี่ยจะถูกครอบงำโดยดาบเขียวน้อย แต่มันก็ไม่ได้หายไป ในบางกรณีตัวจริงของเขาจะเฉิดฉายออกมา
แต่ดาบเขียวน้อยนั้นทรงพลังเกินไป จิตใจของหนิงเยวี่ยจะตื่นขึ้นมาเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ การจะหนีจากการครอบงำของดาบเขียวน้อยนั้นดูจะเป็นเรื่องยาก
“นกแดงน้อยจะเป็นอะไรไหมนะ?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเองและมองไปที่ท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล
จากที่เป่าเอ๋อบอก นกแดงน้อยและเป่าฉินต่อสู้กันมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีฝ่ายไหนเป็นผู้ชนะ
เป่าเอ๋อเบะปากและพูด “พ่ออย่าได้กังวล นกแดงน้อยจะไม่เป็นอะไร ถ้ามันไม่ได้ยังเล็กอยู่ มันก็คงจะจัดการหมอนั่นได้นานแล้ว”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาต้องการจะพูดอะไรอย่างอื่นอีก แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เขามองออกไปนอกวาฬขาวและเห็นก้อนเมฆสีน้ำนมกำลังตรงเข้ามาทางพวกเขา
“โอ้ไม่นะ! มันไล่ตามเรามาได้ยังไง?” หานเซิ่นเห็นว่าน้ำแข็งและสัญลักษณ์เต่าบนก้อนเมฆนั้นหายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะกำจัดเจ้าสิ่งนี้ไปได้ยังไง
“เป่าเอ๋อเรียกนกแดงน้อยกลับมา พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้” หานเซิ่นพูด
ถ้าก้อนเมฆก้อนนั้นมาอยู่ที่นี่ แบบนั้นแล้วคลาวด์บีสต์จำนวนมากก็อาจจะกำลังมุ่งหน้ามาเช่นกัน ถ้ามันดึงดูดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาล่ะก็ พวกเขาจะเจอกับปัญหาใหญ่
เป่าเอ๋อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ทำตามที่หานเซิ่นบอก เธอใช้วาฬขาวยิงแสงคริสตัลออกไปที่สนามต่อสู้
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นฟินิกซ์เพลิงถอยกลับมา เมื่อมันมาถึงที่วาฬขาว มันก็เปลี่ยนร่างกลับเป็นนกแดงน้อยอีกครั้ง
“นี่คิดจะหนีไปไหน?” เป่าฉินไล่ตามนกแดงน้อยมา ร่างกายของเขาดำเหมือนกับถ่านและมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด พิณของเขาถูกเผาและสายบางสายก็ขาดไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในการต่อสู้กับนกแดงน้อย
หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อรีบขับวาฬขาวหนีไปจากที่นี่ เป่าฉินทำการต่อสู้เป็นเวลายาวนาน ดังนั้นเขาจะต้องสูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก
วาฬขาวเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วสูง และเมฆสีน้ำนมก็เคลื่อนที่ตามพวกเขามาติดๆ เป่าฉินเองก็ไล่ตามมาเช่นกับ พวกเขาเดินทางผ่านหมู่เมฆไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!
แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นแสงสีรุ้ง มันเข้าปกคลุมทะเลเมฆรอบๆในชั่วพริบตา
“ราชานกยูงเทียนเซีย…” หานเซิ่นเห็นนกที่สง่างามปรากฏตัวออกจากหมู่เมฆ