Super God Gene – ตอนที่ 2497

หานเซิ่นพยายามนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังไม่สามารถหมุนฟันเฟืองของวิชาเรื่องราวของยีนได้ เมื่อได้รับพลังเสริมจากวิญญาณอสูรราชานกยูง พลังของเขาก็เทียบชั้นได้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า หานเซิ่นเชื่อว่าเขาจะสามารถหมุนฟันเฟืองของวิชาเรื่องราวของยีนได้ในที่สุด

หลังจากผ่านไปหลายวัน หานเซิ่นมีพบเวลาที่จะทำแบบนั้น เขาล็อคตัวเองภายในห้องและใช้เรื่องราวของยีนเพื่อทำตามแผน

 

เขาเรียกวิญญาณอสูรราชานกยูงออกมาและเสื้อคลุมวิญญาณขนนกก็ปรากฎขึ้นรอบตัวหานเซิ่น สัญลักษณ์นกยูงบนหลังเสื้อคลุมเริ่มที่จะเรืองแสงขึ้นมา

 

หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ขณะที่สัญลักษณ์นกยูงสีรุ้งกลายเป็นเงาของราชานกยูง มันลอยตัวอยู่ด้านหลังของหานเซิ่น

 

หลังจากนั้นพลังเสริมจากแสงแห่งเทพสีรุ้งก็ไหลเข้ามาในร่างกายของหานเซิ่นและก่อให้เกิดเป็นโซ่สสารขึ้นมา ด้วยพลังที่ไม่จำกัดของเสื้อคลุมวิญญาณ หานเซิ่นใช้แสงแห่งเทพสีรุ้งเพื่อผลักดันฟันเฟืองจักรวาลของเรื่องราวของยีน

แสงแห่งเทพสีรุ้งที่สามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้นั้นทำได้เพียงแค่ขยับฟันเฟืองนิดเดียวเท่านั้น มันเหมือนกับประตูบานพับเป็นสนิมที่แง้มออกมาแค่เพียงเล็กน้อย

 

แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาใช้พลังแสงแห่งเทพสีรุ้งผลักดันฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนต่อไป เสื้อคลุมวิญญาณทำให้หานเซิ่นสามารถเรียกใช้พลังมหาศาลได้ แต่ถึงอย่างนั้นการจะหมุนฟันเฟืองจักรวาลของเรื่องราวของยีนก็ยังคงเป็นงานที่ยากอยู่ดี

 

‘พลังตั้งมากมายขนาดนี้ แต่มันขยับเขยื้อนฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนได้เพียงแค่นิดเดียว ถ้าเราต้องใช้พลังของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่เราจะทำให้มันหมุนได้ บางทีเราอาจจะต้องรอให้วิชาจีโนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าซะก่อน เราถึงจะผลักดันเรื่องราวของยีนไปสู่ระดับราชันได้’ หานเซิ่นคิด

 

ฟันเฟืองจักรวาลของเรื่องราวของยีนค่อยๆขยับไปเรื่อยๆ และหลังจากที่หมุนจนครบหนึ่งรอบ มันก็เริ่มจะหมุนเร็วขึ้นกว่าเดิม สัญลักษณ์มนตรานั้นสว่างไสวขึ้นมาเช่นกัน

 

ที่สุดแล้วฟันเฟืองจักรวาลของเรื่องราวของยีนก็เริ่มหมุนด้วยตัวเอง และประตูสู่คอร์แอเรียก็เปิดให้กับเขา หานเซิ่นเข้าไปข้างในและค้นพบว่าเขาอยู่ในสถานที่ใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

“การใช้ฟันเฟืองจักรวาลที่แตกต่างกันเพื่อเข้าไปในคอร์แอเรียจะส่งเราไปในสถานที่ที่แตกต่างกัน นั่นหมายความว่าเราจะไปปรากฏในสถานที่ 4 สถานที่ด้วยกัน นั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจ”
หานเซิ่นไม่ได้อยู่ในนั้นนาน หลังจากที่มองไปรอบอยู่ชั่วครู่ เขาก็กลับออกมาจากคอร์แอเรีย

 

ระบบเทียนเซียนั้นอันตรายเกินไป ดังนั้นตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะออกล่าซีโน่เจเนอิคภายในคอร์แอเรีย

 

แต่ทว่าการเดินทางนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย พวกเขาเดินทางผ่านระบบเทียนเซียเป็นเวลา 2 อาทิตย์ด้วยกัน และตลอดทางพวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเลย ส่วนซีโน่เจเนอิคระดับระดับราชันจะถูกฆ่าตายโดยหานเซิ่น

 

“กัปตันน้อยทำได้ กัปตันน้อยทำได้ กัปตันน้อยทำได้… กัปตันทำได้ กัปตันทำได้ กัปตันทำได้…”
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกำลังเล่นไฟ่อีแก่กัน เหล่าโจรสลัดปรบมือและส่งเสียงเชียร์พวกเขา ถ้าคนอื่นไม่รู้เรื่องอะไรล่ะก็ พวกเขาก็คงจะเชื่อว่านี่เป็นโฆษณาทีวี

 

บรรยากาศที่สนุกสนานทำให้มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาแค่เล่มเกมส์กันเล่นๆ หานเซิ่นดูผ่อนคลาย แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ดูจริงจังขึ้นมา

 

“เป่าเอ๋อ เดาสิว่าไพ่ใบนี้คืออะไร” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม เขามองไปที่ไพ่ 2 ใบบนมือของเธอ

 

“พ่อเดาสิ” เป่าเอ๋อยิ้มและกระพริบตาให้หานเซิ่น

 

“หนูฉลาดขึ้นทุกวันๆ ทุกวันนี้แม้แต่พ่อก็ดูไม่ออกว่าหนูกำลังคิดอะไรอยู่”
หานเซิ่นมองไปที่ไพ่ 2 ใบ แต่เขาลังเล เขาไม่สามารถบอกได้ว่าไพ่ 2 ใบในมือเป่าเอ๋อคือไพ่อะไร

 

ถ้าเขาเลือกผิดใบ ไพ่โจ๊กเกอร์ก็จะตกมาอยู่ในมือของเขา และเขาจะไม่มีโอกาสชนะ

 

หานเซิ่นหันไปมองโจรสลักที่อยู่รอบๆ เขาต้องการจะดูว่าสามารถอ่านใบหน้าของพวกเขาได้ไหม แต่เขาไม่ได้รับคำตอบ

 

“พ่อหยุดมองพวกเขาได้แล้ว พวกเขาไม่เห็นไพ่ในมือหนู”
เป่าเอ๋อยิ้มอย่างสวยงามและพูดต่อ “ครั้งนี้หนูจะเป็นฝ่ายชนะ”

 

หานเซิ่นยิ้ม เขายื่นมือออกไปหาไพ่ใบหนึ่งและพูด “พ่อต้องการไพ่ใบนี้”

 

ขณะที่หานเซิ่นสัมผัสไพ่ใบนั้น สีหน้าของเป่าเอ๋อก็เปลี่ยนไป แต่มันเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ปล่อยมือออกจากไพ่ใบนั้นและหันไปหยิบไพ่อีกใบ เขาพลิกมันและเห็นไพ่สามโพแดง

 

“ทำไม… ทำไมหนูถึงแพ้…” เป่าเอ๋อกุมใบหน้าของตัวเองอย่างหัวใจสลาย เธอโยนไพ่โจ๊กเกอร์ลงบนโต๊ะ

 

“ฮ่าๆ!” หานเซิ่นหัวเราะและลูบหัวของเธอ

 

“เล่นกันอีกตา! ครั้งนี้หนูจะเป็นฝ่ายชนะ” เป่าเอ๋อพูดขณะที่เก็บรวบรวมไพ่

 

หานเซิ่นไอใส่มือเพื่อกลบเกลื่อน “พ่อคิดได้ว่ามีเรื่องต้องไปทำ หนูเล่นกับพวกเขาไปก่อน” หานเซิ่นรีบลุกขึ้นและให้โจรสลัดคนหนึ่งลงไปนั่งเล่นกับเธอแทน

 

‘เด็กน้อยคนนี้ฉลาดเกินไป เราเกือบจะถูกหลอก เราเล่นกับเธอไม่ได้อีกแล้ว เพราะการแพ้นั้นเป็นอะไรที่น่าอับอายเกินไป’ หานเซิ่นคิด

 

เป่าเอ๋อไม่พอใจ ในที่สุดเธอก็มีโอกาสได้เล่นไพ่กับหานเซิ่น แต่เธอยังคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เธอรู้สึกหดหู่กับเรื่องนี้และเธอก็ระบายอารมร์กับเหล่าโจรสลัด ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของโจรสลักทุกคนก็เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์

 

หานเซิ่นกลับไปที่ห้องและเรียกมนตราออกมา ตั้งแต่ที่เรื่องราวของยีนกลายเป็นระดับราชัน หานเซิ่นก็พยายามหาว่าอาณาเขตของมันสามารถทำอะไรได้

 

ฟันเฟืองของโลหิตชีพจรนั้นไม่ได้หมุนรวมกับฟันเฟืองอื่น แต่มันสามารถผลักดันฟันเฟืองของสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้ แต่ฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์ มันแค่หมุนอยู่กับที่ตามลำพังโดยไม่เชื่อมต่อกับอะไรทั้งนั้น

 

นอกจากการทำให้ร่างกายและยีนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขายังไม่ค้นพบอะไรพิเศษเกี่ยวกับอาณาเขตของเรื่องราวของยีน

 

มนตราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เรื่องราวของยีนเลื่อนขั้นไปสู่ระดับราชัน แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้ว เธอไม่ได้รับร่างหรือพลังใหม่อะไร

 

นอกจากร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเดิม มนตราก็ดูเหมือนกับตอนที่เธอเป็นระดับดยุกทุกอย่าง

 

แต่ทว่าหานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจที่ค้นพบว่าร่างกายของมนตรามีฟันเฟืองจักรวาลเป็นของตัวเอง

 

มนตราเป็นเพียงแค่ชุดเกราะจีโนของเขา เธอเหมือนกับชุดเกราะตงเสวียนที่กำเนิดมาจากวิชาจีโน ด้วยเหตุนั้นชุดเกราะตงเสวียนจึงไม่ได้มีฟันเฟืองเป็นของตัวเอง

 

แต่มนตราเป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตจริงๆ และเธอก็มีฟันเฟืองเป็นของตัวเอง นั่นทำให้หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก

 

ถ้าเขาไม่ได้กำลังหาวิธีใช้อาณาเขตของเรื่องราวของยีน เขาก็คงจะไม่ได้มองดูร่างกายของมนตราด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน แบบนั้นเขาก็คงจะไม่รู้ว่าเธอมีฟันเฟืองเป็นของตัวเอง

 

ฟันเฟืองจักรวาลของมนตรานั้นเหมือนกับฟันเฟืองของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นแน่ใจว่ามันไม่ใช่ฟันเฟืองของเขาเอง นั่นก็เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะควบคุมฟันเฟืองของมนตราได้

 

ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง “นั่นหมายความว่าฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนออกแบบมาเพื่อผลักดันฟันเฟืองของมนตราอย่างนั้นหรอ?”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset