“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ไป๋ว่านเจียรู้สึกโกรธ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกสับสน
ขุนพลเกราะทองถูกฆ่าตายโดยดอลลาร์และดราก้อนวัน แล้วทำไมจู่ๆมันถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? นอกจากนั้นมันยังขโมยยีนคอร์ซีสกายอายและเสาสกายก็อตไป
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีซีโน่เจเนอิคชนิดเดียวกันอยู่หลายตัว แต่ถ้ามันมีขุนพลเกราะทองระดับเทพเจ้าตัวที่ 2 อยู่ในคอร์แอเรีย มันก็ต้องมีใครสักคนที่สังเกตเห็นถึงเรื่องนั้น
ไป๋ว่านเจียคิดถึงความเป็นเพียงอย่างเดียว ถึงแม้มันยากจะเชื่อได้ แต่เขาก็ไม่สามารถคิดหาคำอธิบายอื่นสำหรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้
“ดอลลาร์? ดอลลาร์อยู่ที่ไหนกัน?”
…
หลี่เคอเอ๋ออ้าปากค้าง เธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นไปที่ไหนหลังจากที่เขาแอบปลีกตัวออกไป แต่เธอสันนิษฐานว่าเขาคงจะตรงไปที่สนามต่อสู้ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงจับตาดูการต่อสู้อย่างตั้งใจ การได้เห็นขุนพลปรากฏตัวออกมาสังหารซีสกายอายและขโมยเสาสกายก็อตไปนั้นทำให้เธอตกใจเช่นเดียวกัน
เธอรู้ว่าขุนพลเกราะทองถูกฆ่าโดยดอลลาร์ ดังนั้นการได้เห็นขุนพลเกราะทองปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง
แต่เธอคิดต่างจากไป๋ว่านเจีย หลี่เคอเอ๋อมองตามทิศทางที่ขุนพลเกราะทองหนีหายไป แต่เมื่อขุนพลเกราะทองบินออกไปจากสนามต่อสู้ เธอก็สูญเสียความสามารถที่จะสัมผัสถึงมัน เธอไม่รู้สึกถึงร่องรอยใดๆของมันเลย
“นั่นคือดอลลาร์อย่างนั้นหรอ?” หลี่เคอเอ๋อรู้ว่าการปรากฏตัวของขุนพลเกราะทองต้องเกี่ยวข้องกับดอลลาร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลี่เคอเอ๋อมันใจว่ามันเป็นดอลลาร์ ก็เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกสัมผัสโดยเวรี่ไฮเซ้นส์ของเธอ นอกจากดอลลาร์แล้วหลี่เคอเอ๋อมั่นใจว่าไม่มีใครในคอร์แอเรียที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้
ไม่นานหลังจากนั้น หลี่เคอเอ๋อก็เห็นว่าดอลลาร์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเบลอไปชั่วครู่ ถ้าเธอไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้าดอลลาร์ เธอก็คงจะไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าร่างจริงของเขากลับมาแล้ว
หลี่เคอเอ๋อมองไปที่หานเซิ่นและตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำ ไป๋ว่านเจียก็เข้ามาล้อมพวกเขาด้วยเหล่ารอยัลไนท์
“ดอลลาร์ มอบยีนคอร์ซีสกายอายและเสาสกายก็อตคืนมา” ไป๋ว่านเจียพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“องค์ชาย องค์ชายคงจะมาหาผิดคนแล้ว” หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับชายคนนั้น
“มอบยีนคอร์ซีสกายอายและเสาสกายก็อตมาให้กับข้า และข้าจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมข้าจะยังเป็นหนี้บุญคุณเจ้า” ไป๋ว่านเจียพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หานเซิ่นตอบกลับ “องค์ชาย ถึงข้าจะดีใจที่องค์ชายเป็นหนีบุญคุณ แต่ข้าไม่มียีนซีสกายอายหรือเสาสกายก็อตอะไรนั่น ข้ายังไม่เคยเห็นสิ่งที่องค์ชายพูดถึงด้วยซ้ำ”
ไป๋ว่านเจียจ้องมองไปที่หานเซิ่น เขาไม่แน่ใจว่าขุนพลเกราะทองเกี่ยวข้องกับดอลล่าร์จริงๆหรือเปล่า แต่เอ็กซ์ตรีมคิงลงทุนไปมากกับการฆ่าซีสกายอาย พวกเขาเสียไปแม้กระทั่งรูปปั้นแอนเชี่ยนท์ก็อต ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มากับพวกเราและอธิบายสถานการณ์ให้คนของพวกเราฟัง” ไป๋ว่านเจียพูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น
“นี่เอ็กซ์ตรีมคิงของพวกเจ้าชอบใช้อำนาจกับคนอื่นมากถึงขนาดนั้นเลย? องค์ชาย องค์ชายให้คนบอกไม่ให้พวกเราเข้าไปใกล้สนามต่อสู้ ซึ่งข้าก็ทำตาม ตอนนี้ไม่เพียงแค่องค์ชายไม่ขอบคุณข้าในเรื่องนั้น แต่องค์ชายยังพยายามใส่ความว่าข้าขโมยของขององค์ชายไป นี่องค์ชายคิดว่าข้าเป็นคนยังไง?” เสียงของหานเซิ่นฟันดูหนาวเย็นและใบหน้าของเขาก็ดูถมึงทึง
ไป๋ว่านเจียได้พูดคุยกับครึ่งเทพ 2 คนที่สั่งให้คอยจับตาดูดอลลาร์แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าที่ดอลลาร์พูดเป็นความจริง แต่ดอลลาร์เป็นคนที่ฆ่าขุนพลเกราะทอง และมันก็มาปรากฏตัวในสนามต่อสู้และขโมยยีนคอร์ซีสกายอายกับเสาสกายก็อตไป สถานการณ์ทั้งหมดเป็นอะไรที่ประจวบเหมาะเกินไป ซึ่งทำให้ไป๋ว่านเจียไม่เชื่อว่ามันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับดอลลาร์
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าแค่อยากให้เจ้าช่วยสืบสวนเรื่องนี้ ได้โปรดทำเพื่อเอ็กซ์ตรีมคิงและมากับพวกเรา” ไป๋ว่านเจียลดเสียงลง แต่เขายังคงสงสัยในตัวดอลลาร์ และเขาก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
ยังไงซะมันก็ยังมีเรื่องเยอะเกินไปที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับดอลลาร์ เขาคิดที่จะเอาชายปริศนาคนนี้กลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม
หลี่เคอเอ๋อรู้ว่ามันถึงเวลาที่เธอต้องพูดอะไรบางอย่าง ดอลลาร์ถูกดันจนถึงขอบ แต่ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ ถ้าเธอทำ ไป๋ว่านเจียก็จะยอมถอยไป หลังจากนั้นดอลลาร์ก็จะรู้สึกประทับใจในตัวเธอและเป็นหนี้บุญคุณเธอ มันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
หลี่เคอเอ๋อหลี่ตาและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็หัวเราะออกมา
“ไป๋ว่านเจีย นี่เจ้าคิดว่าเผ่าพันธุ์อื่นทุกเผ่าเป็นเพียงแค่ทาสของเอ็กซ์ตรีมคิงหรือยังไง? เจ้าคิดว่าคนอื่นจะต้องทำตามสิ่งที่เจ้าสั่งอย่างนั้นหรอ? เจ้าหยิ่งยโสเกินไปหน่อยแล้ว”
“จักรวาลไม่ได้เป็นของพวกเรา แต่ในวันนี้เจ้าต้องมากับพวกเรา”
ไป๋ว่านเจียยังคงยืนปักหลักราวกับรูปปั้นและจ้องมองไปที่หานเซิ่น
อัศวินของเอ็กซ์ตรีมคิงก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิม พวกเขาสร้างรูปขบวนที่ปิดทุกเส้นทางหนีของหานเซิ่น เมื่อไหร่ก็ตามที่ไป๋ว่านเจียออกคำสั่ง พวกเขาก็จะใช้พลังใส่ดอลลาร์อย่างพร้อมเพรียงกัน ถึงแม้ดอลลาร์จะมีพลังที่จะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่พลังของพวกเขาร่วมกันก็มากพอที่จะสยบหานเซิ่น
หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่ตรงหน้ากระดานหมากรุกและถือตัวหมากตัวหนึ่งในมือ เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเหล่ารอยัลไนท์และยังคงจดจ่ออยู่กับตาเดินตาต่อไป
“ดูเหมือนว่าข้าต้องบังคับให้เจ้ามากับพวกเรา” ไป๋ว่านเจียพูด
ก่อนที่เขาจะได้ออกคำสั่ง อัศวินไนท์แมร์ก็ได้ใช้อาณาเขตของเขาแล้ว อัศวินคนอื่นๆก็ปลดปล่อยอาณาเขตของพวกเขาออกมาตามๆกันและครอบคลุมหานเซิ่นกับหลี่เคอเอ๋อเอาไว้ พลังของอาณาเขตที่ซับซ้อนกันนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าโลกใบนี้กำลังจะถล่มลงมาใส่พวกเขา
‘นี่เป็นเรื่องดี ข้าจะไม่ช่วยดอลลาร์จนกระทั่งเอ็กซ์ตรีมคิงผลักดันเขาจนถูกขีดสุด แบบนั้นการช่วยเขาในวินาทีสุดท้ายจะเป็นอะไรที่น่าประทับใจยิ่งขึ้น’ หลี่เคอเอ๋อยิ้มอยู่ในใจ
พลังอาณาเขตที่ทับซ้อนกันอยู่นั้นมากพอที่จะทำลายดวงดาวทั้งดวง แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงจดจ่ออยู่กับตาเดินต่อไป
อาณาเขตสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้าและสีม่วงปกคลุมพวกเขาทั้ง 2 คน พลังธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุสายฟ้าและธาตุน้ำ พลังทุกรูปแบบเข้าครอบงำพวกเขา การโจมตีนั้นพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นจะทุกทิศทุกทาง
แต่หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน มันเหมือนกับว่าคลื่นยักษ์ของพลังที่กำลังเข้ามาไม่ได้มีตัวตนอยู่ หานเซิ่นขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดราวกับว่ากระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
หลี่เคอเอ๋อขมวดคิ้ว เมื่อเธอเห็นว่าหานเซิ่นยังไม่เคลื่อนไหว เธอก็ไม่รู้เลยว่าเขามีแผนที่จะทำอะไรกันแน่
ขณะที่คลื่นพลังกำลังจะซัดมาถึงตัว หานเซิ่นก็วางตัวหมากลงบนกระดาน เสียงของตัวหมากดังและชัดเจนขณะที่มันสัมผัสกับกระดานหมากรุก
เสียงกระทบนั้นฟังดูเหมือนกับการสับสวิตซ์ ในจังหวะที่ตัวหมากถูกวางลงบนกระดาน ไฟ ลม สายฟ้า น้ำ ดาบแสง มีดแสงและพลังอาณาเขตที่น่ากลัวอื่นๆดับสูญในพริบตา และการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาก็กลายเป็นเพียงแค่เงาที่เลือนหายไป