หานเซิ่นกำลังออกล่าซีโน่เจเนอิคร่วมกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ แต่ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวประหลาดภายในจิต หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงมองเข้าไป ที่นั่นเขาเห็นชุดเกราะคริสตัลสีดำกำลังชักกระตุกเล็กน้อยและวังวนบางอย่างก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของมัน
แต่วังวนนั้นคงอยู่แค่วินาทีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นชุดเกราะสีดำก็กลับไปไร้การเคลื่อนไหวเหมือนปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่มันอะไรกัน? หานเซิ่นสงสัยขณะที่มองไปรอบๆ แต่เขาไม่เห็นอะไรที่เป็นอันตราย
ภายในคอร์แอเรียที่ไกลออกไป เงาของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้หญิงชุดเขียวและมันก็ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ภาพใบหน้าของชายคนนั้นกำลังจะเผยออกมาให้เห็น
“อ้า!” ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็กรีดร้องออกมาและใช้มือกุมดวงตาของเธอ
“พี่สาม เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เคอเอ๋อตกใจ มันมีเลือดไหลออกมาระหว่างนิ้วมือของผู้หญิงชุดเขียว
“ใครบางคนทำลายวิชาสครายอิ้งของข้า ดอลลาร์คนนี้เป็นใครกัน?”
ผู้หญิงชุดเขียวลดมือลง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงและมีเลือดไหลออกมา หลี่เคอเอ๋อตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น วิชาเวรี่ไฮเซ้นของพี่สามนั้นเหนือกว่าเธอมาก แต่ผู้หญิงชุดเขียวเพิ่งจะใช้วิชาสครายอิ้งและดวงตาของเธอก็ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
“ดอลลาร์คือดอลลาร์ เขาบอกว่าเขาเป็นมนุษย์!” หลี่เคอเอ๋อรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเธอไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับดอลลาร์
“มนุษย์คืออะไรกัน? ดอลลาร์คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆ เขาทำลายวิชาสครายอิ้งของข้าได้ เขาต้องมีพลังระดับเทพเจ้าปกป้องอยู่ คนที่ไม่มีแม้แต่ชื่อจะมีการปกป้องจากพลังระดับเทพเจ้าได้ยังไง?” ผู้หญิงชุดเขียวกัดฟันขณะที่พูดออกมา
“ข้าไม่รู้” สีหน้าของหลี่เคอเอ๋อเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง เธอไม่ได้คาดคิดว่าดอลลาร์จะมีภูมิหลังที่ลึกลับขนาดนี้
พวกเธอทั้งคู่ใช้เวลาสักพักเพื่อคาดเดาว่าดอลลาร์มาจากไหนกันแน่ ผู้หญิงชุดเขียวไม่กล้าจะแอบมองเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนั้นพวกเธอทั้ง 2 จึงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใครกันแน่
“ข้าอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใคร” ผู้หญิงชุดเขียวพูดอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของเธอฟื้นตัวขึ้นมาหน่อยแล้ว
เธอมีแผนที่จะรอดอลลาร์กลับมาร่วมกับหลี่เคอเอ๋อเพื่อที่เธอจะได้เห็นว่าเขาเป็นใครกันแน่
หานเซิ่นไม่รู้ถึงสถานการณ์ของหลี่เคอเอ๋อและพี่สาวของเธอ เขากำลังยุ่งอยู่กับการฆ่าซีโน่เจเนอิคร่วมกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ ระหว่างการเดินทางหานเซิ่นฝึกวิชาการเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ไปด้วย ถึงแม้เขาจะคุ้นเคยกับวิชาทั้ง 2 มากขึ้น เขาก็ยังต้องการทดสอบพวกมันในการต่อสู้จริงๆ
ในขณะที่พวกเขาทั้ง 3 กำลังต่อสู้กับหมาป่าโลหะตัวหนึ่ง ใครบางคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา เมื่อคนๆนั้นมองเห็นหานเซิ่น เขาก็ถูกจำได้ในทันที
“หานเซิ่น เจ้ายังไม่ตาย?”
เมื่อหานเซิ่นรู้ตัวว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็หยุดใช้วิชาเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ เขาหันไปมองและสังเกตเห็นว่าคนๆนั้นคือองค์หญิงไป๋เวยของเอ็กซ์ตรีมคิง
ไป๋เวยมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เธอคิดว่าหานเซิ่นถูกฆ่าตายโดยไป๋อี้ เธอเคยพยายามจะช่วยเป่าเอ๋อ แต่เธอไม่ได้รู้ว่ามันไม่ใช่ไป๋อี้ที่ฆ่าหานเซิ่น แต่เป็นหานเซิ่นที่ฆ่าไป๋อี้แทน
เธอได้มารู้ความจริงทีหลังว่าหานเซิ่นยังไม่ตายและสวมรอยเป็นองค์ชายไป๋อี้ เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นทำไป เธอก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่าองค์ชายตัวปลอมจะได้รับการยอมรับจากรูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความจริงที่เขาหนีจากความพิโรธของเอ็กซ์ตรีมคิงไปได้ เขาเดินทางผ่านระบบเทียนเซีย และในขณะที่ถูกไล่ตามโดยเอ็กซ์ตรีมคิง เขาก็ได้ทำสิ่งที่น่าตกใจมากมาย แถมเขายังจับตัวไป๋อู๋ฉางไปเป็นตัวกัน ที่สุดแล้วทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้
เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นทำไปทั้งหมดแล้ว ไป๋เวยก็รู้สึกราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
ไม่ว่าสถานการ์ของเธอจะเลวร้ายแค่ไหน อย่างน้อยเธอก็ยังเป็นราชวงศ์คนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าจะเอาชีวิตเธอ
ส่วนหานเซิ่นเป็นเพียงแค่คนนอกคนหนึ่ง แต่เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอ็กซ์ตรีมคิง เมื่อเทียบกันแล้วเธอที่เป็นราชวงศ์จริงๆนั้นเทียบกับเขาไม่ได้เลย มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเธอติดอยู่บนพื้นดิน เธอเชื่อว่าไม่มีทางที่เธอจะทำในสิ่งที่เขาทำได้
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาได้พบกัน ไป๋เวยก็เปลี่ยนไปมาก ความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเพราะเธอครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน ทั้งหมดเป็นเพราะหานเซิ่น ด้วยเหตุนั้นไป๋เวยจึงมีอารมณ์ที่ซับซ้อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหานเซิ่นอีกครั้ง
ตอนนี้เมื่อได้เห็นหานเซิ่นในที่แห่งนี้ ไป๋เวยก็ไม่คิดจะโจมตีเขา
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่ตอนนี้องค์หญิงเลื่อนเป็นระดับราชันสำเร็จแล้ว” หานเซิ่นโค้งคำนับให้กับไป๋เวย
ไป๋เวยมองหานเซิ่น หลังจากผ่านไปสักครู่เธอก็พูดขึ้นมา “เจ้าไปซะ และอย่าให้ข้าได้เห็นเจ้าอีก”
แต่หานเซิ่นยังคงพูดต่อ “ข้าไม่เคยลืมเรื่องที่เจ้าเป็นห่วงข้าและลูกสาว ถ้าเจ้ามีความจำเป็นอะไรในอนาคต ให้คนไปส่งข่าวบอกข้าได้ ข้าจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้”
หานเซิ่นยังคงชอบไป๋เวย เพราะยังไงซะเธอก็พยายามจะช่วยเป่าเอ๋อ เขารู้สึกอยู่เสมอว่าควรจะชดใช้ให้กับเธอ
“เมื่อพวกเราพบกันอีกครั้ง พวกเราจะเป็นศัตรูไม่ใช่มิตร”
ไป๋เวยพูด หลังจากนั้นเธอก็หันหลังและบินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหานเซิ่น
“ถ้าอย่างนั้นหวังว่าพวกเราจะไม่ได้พบกันอีก” หลังจากนั้นหานเซิ่น กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็ออกเดินทางกันต่อ
ขณะที่พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางผ่านอวกาศ จู่ๆจันทราสวรรค์ก็หยุดไป เธอลอยตัวและชี้ไปที่ดวงดาวข้างหน้า
“ข้างหน้านี่มีบางสิ่งผิดปกติ”
“มันมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่สัมผัสถึงอะไรที่ผิดปกติจากดวงดาวข้างหน้า อาณาเขตตงเสวียนของเขาไม่ได้ไกลถึงขนาดนั้น
จันทราสวรรค์ขมวดคิ้วและพูด “ข้าไม่รู้ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงตัวตนที่อันตรายมากๆอยู่บนดาวดวงนั้น”
“มันคือซีโน่เจเนอิคอย่างงั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“มันควรจะเป็นซีโน่เจเนอิค” จันทราสวรรค์พูดเบาๆ
ดวงตาของหานเซิ่นเป็นประกาย “ถ้าเป็นซีโน่เจเนอิคก็เยี่ยมไปเลย พวกเธอรออยู่ที่นี่ ฉันจะลองไปดูมัน”
หานเซิ่นเตรียมตัวจะไป แต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนบินมาทางพวกเขา เห็นได้ว่าพวกเขากำลังเข้ามาทางพวกหานเซิ่น
“เดม่อน?” หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่มีเขาสีม่วงมุ่งหน้าเข้ามาหา
“ข้าคือจี๋หยางเซิง ข้านับถือเจ้ามาเป็นเวลานาน และในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้พบกันเจ้าตัวเป็นๆ นี่ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก” เดม่อนระดับครึ่งเทพโค้งคำนับหานเซิ่น
เดม่อนชายคนนั้นดูซีดเซียวและหล่อเหลา เขามีดูมารยาทมากและมันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเกลียดเขา
“ขอบคุณ” หานเซิ่นหันไปหาจี๋หยางเซิง เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเผ่าเดม่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เป็นผู้นำของเดม่อนระดับราชันและครึ่งเทพคนอื่นๆ
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เดม่อนที่ชื่อโมโดโรคนนั้นต้องการให้เราไปที่เผ่าเดม่อนและมอบพรให้กับองค์ชายของพวกเขา มันคงจะไม่ใช่หมอนี่หรอกใช่ไหม?’
หลังจากที่จี๋หยางเซิงโค้งคำนับให้กับหานเซิ่น เขาก็เหลือบไปมองกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ บางสิ่งที่แปลกประหลาดลอดผ่านดวงตาของเขา แต่มันเป็นเพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น คนอื่นๆจึงไม่สังเกตเห็นมัน