Super God Gene – ตอนที่ 2552

“ไว้ชีวิตพวกเขา ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องถามพวกเขา” หานเซิ่นพูดกับจันทราสวรรค์ที่กำลังจะปลิดชีวิตจี๋หยางเซิง

 

จันทราสวรรค์ลดร่มกระดาษลงและมองจี๋หยางเซิงกับคนอื่นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ทั้ง 3 คนที่ถูกไว้ชีวิตนั้นบาดเจ็บหนัก ถึงแม้จะมองเผินๆ มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่

 

แถมพวกเขายังตกอยู่ภายใต้อาณาเขตตงเสวียน ดังนั้นพวกเขาไม่มีหวังที่จะหนีไปได้

 

“จี๋หยางเซิง เดม่อนดอลล์นี่มันคืออะไร?” หานเซิ่นมองจี๋หยางเซิงที่มีเลือดไหลออกมาทั่วตัว

 

“ในตอนนี้เมื่อข้าตกอยู่ในกำมือของเจ้า เจ้าก็ฆ่าข้าได้เลยถ้าเจ้าต้องการ แต่ข้าจะไม่มอบข้อมูลอะไรให้กับเจ้า” จี๋หยางเซิงพูด

 

หานเซิ่นยิ้ม ดูเหมือนว่าจี๋หยางเซิงไม่คิดจะยอมบอกข้อมูลอะไร ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะใช้พวกมันในการต่อรองแทนที่จะพยายามทำตัวกล้าหาญแบบนี้

 

หานเซิ่นสะบัดมือและเดม่อนระดับครึ่งเทพทั้ง 2 คนก็หายตัวไปในแสงสีรุ้ง พวกเขาสลายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

 

“จี๋หยางเซิง บอกข้ามาว่าเจ้าได้เดม่อนดอลล์มาจากไหนและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หานเซิ่นพูดอย่างช้าๆ

 

จี๋หยางเซิงมีสีหน้าที่ซับซ้อน ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดด้วยความมั่นใจเหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมา

“ถ้าข้าบอกเจ้า เจ้าจะยอมไว้ชีวิตข้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “จี๋หยางเซิง ถึงแม้เจ้าจะหลงตัวเอง แต่เจ้าไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งในสายตาของข้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรในชีวิตของข้า ดังนั้นข้าไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”

 

จี๋หยางเซิงกัดฟันและมองมาที่หานเซิ่น มันเหมือนกับว่าเขากำลังทำการตัดสินใจครั้งใหญ่

“โอเค ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์ แต่เจ้าต้องให้สัญญาว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป”

 

ใบหน้าของหานเซิ่นดูเย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและรวบรวมแสงสีรุ้งในมือ

 

“โอเค ข้าจะบอกเจ้า! ข้าจะบอกเจ้า!” จี๋หยางเซิงตื่นตระหนก

 

ในตอนแรกจี๋หยางเซิงคิดว่าหานเซิ่นทำผิดพลาดในการฆ่าเดม่อนที่เหลือคนอื่นอีก 2 คนไป จี๋หยางเซิงคิดว่าถ้าเขาเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ หานเซิ่นก็จะไม่ฆ่าเขาด้วยความปราณนาที่อยากจะรู้ความลับของเดม่อนดอลล์ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจะถูกบังคับให้ทำการต่อรอง

 

แต่ตอนนี้เขารู้สึกตัวว่าหานเซิ่นมีพลังที่สามารถฆ่าครึ่งเทพ 2 คนอย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่าเขาเองก็จะถูกฆ่าตายได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน ความลับที่เขามีอยู่นั้นดูไม่ได้มีค่าอะไรกับหานเซิ่นมากนัก

 

“อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าพูดโกหก ไม่อย่างนั้นถึงแม้ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า แต่ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าเพื่อเป็นการลงโทษ” หานเซิ่นพูดกับจี๋หยางเซิง

 

หานเซิ่นรู้ว่าจริงๆแล้วจี๋หยางเซิงเป็นคนรักตัวกลัวตายที่แสร้งทำเป็นกล้าหาญ เขาเป็นคนที่จะพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่อลูกน้องยังอยู่รอบๆ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงช่วยเขาอีกแรงและฆ่าเดม่อนคนอื่นก่อนที่จะเริ่มการสอบถาม

 

ตอนนี้เมื่อจี๋หยางเซิงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด เขาดูเหมือนจะยินดีต่อรองเพื่อมีชีวิตรอดมากขึ้น ถึงแม้ความพยายามในการต่อรองของเขาจะอ่อนลงไป เนื่องจากความแน่วแน่ของเขาถูกพังทลาย

 

มันใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่หานเซิ่นจะได้รับฟังเรื่องราวของเดม่อนดอลล์จากจี๋หยางเซิง

 

จี๋หยางเซิงเองก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับเดม่อนดอลล์มากนัก ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยอัลฟ่าของเผ่าเดม่อน พวกมันมีพละกำลังที่สูงและเชี่ยวชาญในพลังมารนภา พวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าเดม่อนจริงๆ

 

แต่ไม่มีใครที่รู้ว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นสร้างเดม่อนดอลล์พวกนี้จากอะไรกันแน่

 

ผู้คนเชื่อว่าเดม่อนดอลล์ถูกสร้างขึ้นจากยอดฝีมือเผ่าเดม่อน แต่มันมียอดฝีมือเผ่าเดม่อนไม่มากนักที่จะมีพรสวรรค์ระดับนั้น แถมมันไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการหายตัวไปของยอดฝีมือเผ่าเดม่อน ดังนั้นนั่นจึงไม่มีทางเป็นเรื่องจริงไปได้

 

แม้แต่สังคมของเผ่าเดม่อนก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์มากนัก มีเพียงแค่บุคคลสำคัญเท่านั้นที่จะรู้เกี่ยวกับพวกมัน และมีเดม่อนไม่มากที่จะได้รับเดม่อนดอลล์จากอัลฟ่ามาใช้งาน

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะถามและข่มขู่ซ้ำๆ จี๋หยางเซิงก็ไม่เผยออกมาว่าเดม่อนดอลล์ถูกสร้างขึ้นยังไง มันคงจะเป็นบางสิ่งที่มีแค่เดม่อนอัลฟ่าเท่านั้นที่รู้

 

“มันมีเดม่อนดอลล์อยู่เท่าไหร่กัน?” หานเซิ่นรู้ว่าจี๋หยางเซิงไม่ได้พูดโกหก ดังนั้นเขาจึงถามคำถามต่อไป

 

“ข้าไม่แน่ใจในเรื่องนั้น ข้ารู้ว่ามันมีอย่างน้อยสิบตัว เดม่อนอัลฟ่าได้มอบเดม่อนดอลล์ออกไปหลายตัว แต่มันยังมีอีกหลายตัวเหลือเก็บเอาไว้ ข้ารู้ว่ามันมีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้า 3 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นระดับครึ่งเทพ”

จี๋หยางเซิงเปิดเผยความลับของเผ่าพันธุ์ออกมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเพื่อความอยู่รอด

 

“มันมีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้า 3 ตัว?” หานเซิ่นแปลกใจ เผ่าเดม่อนไม่ได้ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตอะไรในยุคสมัยนี้ ถึงอย่างนั้นไม่เพียงแค่พวกเขาจะมีระดับเทพเจ้าอยู่ แต่พวกเขามีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้าถึง 3 ตัว นั่นถือเป็นความจริงที่น่าตกใจ

 

“ดูเหมือนว่าเผ่าเดม่อนจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้” กู่ชิงเฉิงพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่

 

หานเซิ่นเองก็คิดเหมือนกัน “มันมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเดม่อนอัลผ่า ฉันเดิมพันว่าเดม่อนดอลล์นั้นคือราชาชูร่าที่เข้ามาในจักรวาลจีโนผ่านสุสานของชูร่า นั่นเหมายความว่ามันมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเดม่อนและชูร่า แต่ทำไมเดม่อลอัลฟ่าถึงได้เปลี่ยนพวกเขาเป็นเดม่อนดอลล์?”

 

หานเซิ่นไม่เข้าใจ เขาถามจี๋หยางเซิงเกี่ยวกับวิธีที่จะควบคุมเดม่อนดอลล์ ซึ่งชายคนนั้นก็ทำการอธิบายอย่างละเอียด

 

“แต่ถึงเจ้าจะรู้วิธีที่จะควบคุมมัน เจ้าก็จำเป็นต้องมีพลังมารนภาเพื่อจะทำแบบนั้นได้”

จี๋หยางเซิงพูดหลังจากที่อธิบายจบ แต่หานเซิ่นได้ใส่พลังเข้าไปในเขาสีม่วงเรียบร้อยแล้ว และเดม่อนดอลล์ก็เริ่มจะเคลื่อนไหว

 

จี๋หยางเซิงอ้าปากค้าง และเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก

 

“เดม่อนดอลล์นี้ดูเหมือนเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่าย” หานเซิ่นยกเขาสีม่วงซึ่งกำลังปลดปล่อยควันสีม่วงออกมาขึ้น

 

ตามใดที่หานเซิ่นมีเขาสีม่วง เขาก็สามารถใช้จิตใจควบคุมเดม่อนดอลล์ได้ มันสามารถทำตามคำสั่งที่หลากหลาย และมันยังทำการเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องควบคุมอยู่ตลอดเวลา

 

“หานเซิ่น ข้าบอกทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ไปแล้ว และข้าก็ไม่ได้โกหกแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?” จี๋หยางเซิงถามหานเซิ่นด้วยความจริงใจ เขาดูหวาดกลัว

 

“ใครบอกว่าเจ้าไปได้?” หานเซิ่นยิ้ม

 

“เจ้าบอกว่าจะไว้ชีวิตข้า! นี่เจ้าคิดจะผิดสัญญาที่ให้เอาไว้อย่างนั้นหรอ?” จี๋หยางเซิงตกใจ ใบหน้าของเขาดูซีดเผือก

 

“ข้าบอกว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไป”

หานเซิ่นโบกมือและพูด “เจ้าต้องรับหน้าที่ลากรถม้าให้กับข้าในอนาคต”

 

“ลากรถม้า?” จี๋หยางเซิงสับสน เขาไม่รู้ว่านั่นหมายความว่าอะไร

 

ในคอร์แอเรีย ราชันหลายคนกำลังล่าซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอยู่ ในตอนที่พวกเขาฆ่ามันได้สำเร็จ พวกเขาก็เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่มาทางพวกเขา

 

พวกเขาจ้องมองด้วยความสับสนอยู่นานก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจว่าพวกเขากำลังเห็นอะไร

 

พวกเขาเห็นเดม่อนคนหนึ่งกำลังมาทางพวกเขา มันมีเชือกรอบไหล่ของเดม่อนคนนั้น และเขากำลังลากบางสิ่งที่ดูเหมือนกับรถม้า

 

“เฮ้ นั่นมันเดม่อนจี๋หยางเซิงไม่ใช่หรอ? นี่เขากำลังทำอะไร?”

เหล่าราชันมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

จี๋หยางเซิงกำลังลากรถม้าทองแดง มันไม่ได้มีหลังคา แต่มันมีร่มคันหนึ่งกางอยู่เหนือหัวคนที่นั่งอยู่ ภายในรถม้าคือชายหนึ่งคนและผู้หญิง 2 คน ผู้หญิงที่งดงามกำลังนั่งประกบทั้ง 2 ข้างของชายคนนั้นราวกับสนมของราชา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset