“ตอนนี้พวกเราเริ่มได้แล้วใช่ไหม?” บาร์ยืนอยู่ตรงหน้ากองยีนซีโน่เจเนอิคกองใหญ่ขณะที่พูดออกมา
“แน่นอน แต่ก่อนจะเริ่ม ให้ข้าเอายีนซีโน่เจเนอิคพวกนี้ไปเก็บซะก่อน”
หานเซิ่นเอายีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่คอร์แอเรีย
“ตอนนี้พวกเรามาเริ่มกันเลย” หานเซิ่นพูดขณะที่เดินไปตรงหน้าบาร์ หลังจากนั้นเขาก็ถามด้วยความอยากรู้
“ทำไมเจ้าถึงต้องการให้ข้าอวยพรให้กับเจ้า?”
หานเซิ่นไม่เข้าใจในเรื่องนี้ เขารู้ว่าบาร์ไม่ได้ขาดความตั้งใจอันแน่วแน่ มันจึงแปลกที่จู่ๆเขาก็ร้อนรนที่จะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่น นั่นดูเป็นอะไรที่ขัดกับลักษณะนิสัยของเขา
“ข้าต้องการจะเอาชนะคนๆหนึ่งให้ได้ และเพื่อจะทำให้สำเร็จ ข้าจำเป็นต้องมีพลังที่มากกว่านี้” บาร์พูดด้วยความหนักแน่นอย่างน่าตกใจ
“คนที่…โชคดีคนนั้นคือใครกัน?” หานเซิ่นกำลังจะพูดว่าโชคร้าย แต่เขาเปลี่ยนไปพูดว่าโชคดีแทน เพราะยังไงซะบาร์ก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง หานเซิ่นรู้ว่าการเป็นศัตรูกับบาร์ไม่ใช่เรื่องที่ดี และตราบใดที่บาร์ไม่มารบกวนอะไรเขาอีก เขาก็ไม่สนใจว่าคนที่โชคร้ายคนนั้นจะเป็นใคร
“ดอลลาร์” บาร์ตอบ
หานเซิ่นรู้สึกว่าลูกตาเกือบจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อได้ยินแบบนั้น หลังจากรอคอยอยู่ครึ่งวัน มันถูกเปิดเผยว่าเขาคือคนที่บาร์ต้องการจะเอาชนะ
“หืม น่าสนใจ” หลังจากที่สลัดการตกใจไปได้แล้ว หานเซิ่นก็ยกนิ้วให้กับบาร์อย่างไม่ค่อยสบายใจ
แต่หลังจากที่เอายีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดไปเก็บ หานเซิ่นก็ไม่สามารถถอนตัวได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามสิ่งที่ได้ตกลงเอาไว้
บาร์ยืนตรงเหมือนกับหอคอย และหานเซิ่นก็ค่อยๆยื่นมือออกไปอย่างไม่เต็มใจ เขาวางมันบนหน้าผากของบาร์ราวกับนักบวช
“ข้า…หานเซิ่น…ในนามของเทพทั้งปวง…ขอมอบ…บาร์…พลังศักดิ์สิทธิ์ชั่วนิรันดร์…เพื่อเปิดประตูแห่งโชคชะตา”
หานเซิ่นทำให้ตัวเองดูเหมือนกับเทพ แสงที่อบอุ่นปลดปล่อยจากมือของเขา มันกลายเป็นสีแดงเข้มที่เข้าไปในร่างกายของบาร์
หานเซิ่นพูดแบบนั้น แต่ในใจเขาหวังให้บาร์เลื่อนสู่ระดับเทพเจ้าไม่สำเร็จ ถ้ากระบวนการนี้สำเร็จล่ะก็ เขาก็จะสร้างศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวให้กับตัวเอง
มันมียอดฝีมือมากมายทั้งภายในและภายนอกคอร์แอเรียที่กำลังจับตามองทั้ง 2 คน พวกเขาจ้องมองหานเซิ่นที่แตะหน้าผากของบาร์ตาไม่กระพริบ
บาร์นั้นตัวสูงกว่าหานเซิ่น แต่ขณะที่เขายืนต่อหน้าหานเซิ่นในตอนนี้ เขาดูเหมือนกับสาวกที่กำลังจะออกผนวช เขาหลับตาลงและปล่อยให้พลังที่เหมือนกับเลือดเข้าไปในร่างกายของเขา
ฟันเฟืองจักรวาลของวิชาโลหิตชีพจรเชื่อมต่อกับฟันเฟืองของบาร์ เมื่อฟันเฟืองของวิชาโลหิตชีพจรเคลื่อนไหว ฟันเฟืองของบาร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
หานเซิ่นเห็นว่าฟันเฟืองจักรวาลของบาร์นั้นเป็นสีดำ มันดำเหมือนกับโลหะ ฟันเฟืองของเขาประดับไปด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีดำ ในมุมของสามเหลี่ยมนั้นมีหัวที่ไร้ใบหน้าอยู่
บนใบหน้าเหล่านั้นไม่ได้มีลักษณะเฉพาะอะไร แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าหนึ่งในพวกมันเป็นใบหน้าของผู้หญิงและอีกใบหน้าเป็นใบหน้าของผู้ชาย แต่ทว่าใบหน้าที่ 3 นั้นต่างออกไป การพยายามจะระบุว่ามันคืออะไรนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ มันเบลอมากจนแม้แต่เพศก็ไม่สามารถคาดเดาได้
“เดียร็อบเบอร์ เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะทำให้บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ไหม?” เดสทรอยเยอร์ระดับเทพเจ้าที่ชื่อว่าอาเธอร์ถามเดียร็อบเบอร์
“เขาอาจจะไม่กลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบาร์” เดียร็อบเบอร์พูด
อาเธอร์ขมวดคิ้วและพูด “เดียร็อบเบอร์ เจ้าเอาใจบาร์มากเกินไป ถ้าเจ้ารู้ว่าหานเซิ่นอาจจะไม่ทำให้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงให้เขายืมยีนซีโน่เจเนอิคตั้งมากมาย? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า พวกเราก็ไม่มีวันอนุมัติการแลกเปลี่ยนนี้”
เดียร็อบเบอร์โค้งคำนับให้กับอาเธอร์และพูด “ท่านอาเธอร์ ข้าแค่ให้บาร์ยืมยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันไปเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่พวกเราจะได้รับยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนกลับมา ท่านอย่าได้กังวล”
อาเธอร์ส่ายหัว “ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าไม่ควรเอาใจเขามากเกินไป เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์”
เดียร็อบเบอร์หัวเราะและพูด “บาร์อาจจะไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์ แต่เขามีพรสวรรค์มากๆ ทุกคนรู้ในเรื่องนั้น”
“พรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยม แต่เนื่องจากสายเลือดของเขา โอกาสที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าจึงค่อนข้างต่ำ” อาเธอร์พูด
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าช่วยเหลือเขา หานเซิ่นอาจจะไม่ทำให้เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่อย่างน้อยๆการอวยพรนี้ก็จะช่วยส่งเสริมยีนของเขา บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของบาร์” เดียร็อบเบอร์พูดอย่างใจเย็น
“เหมิงเลี่ย เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการอวยพรครั้งนี้?” ลุงหกกำลังดื่มชาขณะที่มองวิดีโอของหานเซิ่นกับบาร์
“มันยากที่จะบอกได้” เหมิงเลี่ยพูดเบาๆ
“เจ้าหมายความว่ายังไง? ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนเหล่านั้นเพิ่งจะถูกใช้ไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย และด้วยจุดประสงค์อะไร? เพียงเพื่อจะเพิ่มระดับของราชันคนหนึ่งเนี่ยนะ เดสทรอยเยอร์คาดหวังมากเกินไปที่ฝากความหวังเอาไว้กับตำนานบ้าบ่อของเด็กชายที่อวดดีคนนั้น”
เหมิงเลี่ยไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองดูหานเซิ่นและบาร์ต่อไป
ผู้คนมากมายจับจ้องไปที่บาร์ หลังจากที่ฟันเฟืองของบาร์ถูกผลักดัน มันก็เริ่มจะหมุนและสัญลักษณ์บนฟันเฟืองก็ส่องสว่างออกมา
ร่างกายของบาร์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด บาร์นั้นไม่ใช่เดสทรอยเยอร์เลือดบริสุทธิ์ เขามี 3 หน้า แต่ไม่มี 3 หัว นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นผู้ชายทั้งหมด แถมเขาก็ไม่ได้มี 6 แขน แว็บแรกที่ผู้คนได้เห็นบาร์ พวกเขาคงจะไม่เชื่อว่าบาร์เป็นหนึ่งในเดสทรอยเยอร์
แต่เมื่อฟันเฟืองจักรวาลเริ่มหมุน ใบหน้าทั้ง 3 ของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลก ใบหน้าที่อยู่ด้านหน้าเริ่มจะหายไปและใบหน้าที่อยู่ด้านซ้ายเริ่มจะดูเป็นผู้ชายมากขึ้น ขณะใบหน้าด้านขวาเริ่มจะดูเหมือนกับผู้หญิง
ใบหน้าด้านซ้ายดูกระหายเลือดราวกับปีศาจจากขุมนรก ส่วนใบหน้าด้านขวาดูงดงามและอ่อนโยนอย่างมาก มันดูคล้ายคลึงกับพระแม่กวนอิม มีเพียงใบหน้าตรงกลางที่ไม่มีลักษณะหน้าตาที่ชี้เฉพาะ
ขณะเดียวกันร่างกายของบาร์ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน กล้ามเนื้อของเขาดูเหมือนกับลูกโป่งที่เต็มไปด้วยแก๊ส
พลังที่น่ากลัวรั่วไหลออกมาจากร่างกายของบาร์ราวกับลาวาสีดำ ภายในพลังที่ร้อนแรงนั้นร่างกายของบาร์กำลังละลาย เนื้อหนังของเขาถูกลอกออกและเผยให้เห็นกระดูกที่อยู่ภายใน
กระดูกนั้นแตกต่างจากกระดูกธรรมดาๆ พวกมันมีสีดำเหมือนกับเหล็ก โครงสร้างของพวกมันคล้ายคลึงกับโครงกระดูกของมนุษย์ เว้นก็แต่บริเวณหัว กะโหลกของบาร์นั้นมี 3 ใบหน้า ใบหน้าด้านซ้ายดูเหมือนกับปีศาจ ใบหน้าด้านขวาดูเหมือนกับพระแม่กวนอิม ส่วนใบหน้าตรงกลางนั้นขาดลักษณะที่ชี้เฉพาะ มันเหมือนกับกระดานชนวนที่ว่างเปล่า มันไร้ซึ่งความรู้สึก
พลังสีดำที่น่าสะพรึงกลัวเริ่มจะแผดเผาโครงกระดูกของบาร์ หลังจากนั้นขณะที่ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนกำลังมองดู ใบหน้าทั้ง 3 ของบาร์ก็เริ่มกรีดร้องออกมา
ใบหน้าด้านซ้ายแผดเสียงราวกับปีศาจ ส่วนใบหน้าด้านขวาท่องมนตร์คาถา ใบหน้าตรงกลางที่ไม่มีปางนั้นทำการกรีดร้องเงียบๆ
ด้วยการกรีดร้องของใบหน้าทั้ง 3 พลังเดสทรอยเยอร์ของบาร์ก็ระเบิดออกมา พลังเดสทรอยเยอร์ของเขาร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์สีดำ ตอนนี้เขาไม่ได้ดูคล้ายคลึงกับบาร์คนก่อนอีกต่อไป
พลังเดสทรอยเยอร์อันมืดมิดเริ่มจะแข็งแกร่งขึ้น และทันใดนั้นจุดสีขาวก็ปรากฎขึ้นในความมืด จุดสีขาวเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์และเจิดจรัสในเงามืด หลังจากนั้นพลังเดสทรอยเยอร์สีดำก็เริ่มจะถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว
“ไม่มีทาง” ดวงตาของลุงหกเบิกกว้าง ด้วยความตกตะลึงเขาลืมเกี่ยวกับถ้วยชาไปซะสนิท ความสนใจของเขาในตอนนี้กำลังจดจออยู่กับจุดสีขาวของพลังเดสทรอยเยอร์
จุดสีขาวนั้นเล็กนิดเดียว แต่ระดับเทพเจ้าอย่างลุงหกสามารถบอกได้ว่ามันคือโซ่สสาร มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะสร้างโซ่สสารขึ้นมาได้