ขณะที่จุดสีขาวส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆภายในความมืดมิด มันก็กลายเป็นอะไรที่มองข้ามไม่ได้ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามากมายสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของมัน และพวกเขาทุกคนก็มีใบหน้าที่ตกตะลึง
ขณะที่เขามองดูวิดีโอบนหน้าจอ จี๋หยางเซิงก็สังเกตเห็นจุดสีขาว แต่จุดสีขาวนั้นเล็กเกินไป เขาจึงไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่
“โซ่สสาร นั่นมันโซ่สสาร! บาร์กำลังกลายเป็นระดับเทพเจ้า…”
โมโดโรที่อยู่ข้างๆเขาพูดขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นจุดสีขาว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“อะไรนะ? มิสเตอร์โมโดโร เมื่อกี๊นี้พูดว่าอะไร?” จี๋หยางเซิงคิดว่าเขาอาจจะได้ยินผิดไป ดังนั้นเขาจึงขอให้โมโดโรพูดซ้ำอีกครั้ง
ก่อนที่โมโดโรจะตอบอะไรกลับมา จี๋หยางเซิงก็ได้รับคำตอบอย่างที่ไม่สามารถผิดพลาดไปได้
จุดสีขาวนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และพลังเดสทรอยเยอร์สีดำก็กลายเป็นสีขาวอย่างฉับพลัน มันเป็นเหมือนกับไฟที่เผาผลาญร่างกายของบาร์
มีเพียงแค่กระดูกสีดำของบาร์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ แต่กระดูกเหล่านั้นตอนนี้กลายเป็นสีขาว และพลังเดสทรอยเยอร์สีขาวก็เริ่มสร้างเนื้อหนังขึ้นใหม่
ตูม!
ก่อนที่บาร์จะออกมาจากพลังเดสทรอยเยอร์สีขาว มิติของอวกาศรอบๆดูเหมือนจะบิดเบือนและฉีกขาด มันเหมือนกับว่าจักรวาลนั้นกำลังจะแตกสลาย ร่างกายของบาร์ร่วงหายเข้าไปช่องว่างที่เกิดขึ้น
เมื่อบาร์หายตัวไปแล้ว การพังทลายของอวกาศก็หยุดลง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่คิดว่าบาร์จะเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงแล้ว แบบนั้นทำไมเขาถึงได้หายตัวไป?” หลายคนสับสนกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆอวกาศรอบๆตัวบาร์ถึงพังทลาย
“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า คอร์แอเรียนั้นไม่อนุญาตให้คนที่เป็นระดับเทพเจ้าเข้ามาข้างใน ดังนั้นเมื่อเขาวิวัฒนาการกลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาก็จะถูกถีบออกไปจากคอร์แอเรีย” คนที่เข้าใจสถานการณ์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“บาร์…กลายเป็นระดับเทพเจ้า…” จี๋หยางเซิงตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าเขายอมจ่ายยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนให้กับหานเซิ่น เขาก็คงจะเป็นคนที่กลายเป็นระดับเทพเจ้าแทนบาร์
“นี่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆหรอเนี่ย?” ผู้ชมที่ดูอยู่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะได้เห็น
“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า? นี่มันต้องเป็นกลลวงบางอย่าง เจ้าจะบอกว่าหานเซิ่นทำให้คนอีกคนกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?”
“นี่ใครช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้ไหมว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?”
“เขาเป็นบิดาของเทพ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นได้ และนี่ก็เป็นหลักฐานอีกอย่างที่ยืนยันว่าเขาอวยพรให้คนอื่นได้จริงๆ”
“ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน? เจ้าแค่จำเป็นต้องมียีนระดับราชัน 2 พันยีนเพื่อจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ? โลกนี้มันบ้าไปแล้วหรือว่าเป็นข้าที่กำลังจะเป็นบ้า? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นถูกขนาดนี้?”
ในตอนนี้ทั้งจักรวาลดูเหมือนจะเป็นบ้ากันไปหมด ทุกคนมองหานเซิ่นเหมือนกับรูปปั้นเทพ พวกเขาต้องการไปตรงหน้าหานเซิ่นและก้มลงกราบโดยหวังว่าหน้าผากของพวกเขาจะถูกสัมผัสและได้กลายเป็นระดับเทพเจ้า
“บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ?” ลุงหกจ้องมองหน้าจอขณะที่อ้าปากค้าง
“ถ้าอยากรู้ว่าบาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงหรือไม่ ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็คือส่งคนไปที่เผ่าเดสทรอยเยอร์และถามความจริงจากปากเจ้าตัว” เหมิงเลี่ยพูด
ผู้นำของทุกเผ่าพันธุ์ทำเหมือนกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาอยากจะรู้เกี่ยวกับสถานะของบาร์ในตอนนี้ บาร์ไม่ได้หลบซ่อนตัว เขาออกมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนโดยที่ไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เขากลายเป็นระดับเทพเจ้า
“เขากลายเป็นระดับเทพเจ้าจริงๆ”
ในตอนนี้ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไป ขณะนี้ทุกคนในเผ่าพันธุ์ชั้นสูงมองหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเทพ ทุกคนจัดเตรียมยีนซีโน่เจเนอิคของตัวเองโดยหวังว่าพวกเขาจะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่น
ยีนซีโน่เจเนอิคราชัน 2 พันยีนถือเป็นตัวเลขที่สูง แต่เมื่อเทียบกับการกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว นั่นถือว่าไม่เท่าไหร่ การแลกเปลี่ยนยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนกับการกลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นถือเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าคุ้มค่า
ถ้าหานเซิ่นยินดีจะอวยพร ทุกเผ่าพันธุ์ก็ยินดีจะจ่ายค่าอวยพรจนกระทั่งพวกเขาหมดเนื้อหมดตัว
อาเธอร์มองบาร์ที่กลายเป็นระดับเทพเจ้า เขาดีใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนแลกกับการที่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้านั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ
แม้แต่เดียร็อบเบอร์เองก็ประหลาดใจ เขาคิดว่าการอวยพรของหานเซิ่นแค่จะช่วยส่งเสริมยีนของบาร์เท่านั้น เขาไม่ได้คาดคิดว่าบาร์จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าในทันที
“ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว” เดียร็อบเบอร์รู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา
มันไม่ใช่แค่เดียร็อบเบอร์เท่านั้นที่รู้สึกกลัว ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็หวาดกลัวหานเซิ่นเช่นกัน นี่เป็นความกลัวที่พวกเขาไม่เคยได้ประสบมาก่อน
สิ่งมีชีวิตระดับราชันคนหนึ่งสามารถช่วยให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ มันเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินกว่าจะเชื่อได้ การมีอยู่ของเขานั้นพลิกผันทั้งจักรวาลจีโน
ส่วนระดับราชันและขุนนางทั่วไปนั้นไม่ได้กังวลอะไรมากนัก พวกเขาแค่คิดว่าหานเซิ่นทำบางสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์
“ก็อดฟาเธอร์นี่แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ น่าเสียดายข้าไม่มียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีน”
“ยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนเป็นสิ่งที่ข้าคงจะหามาไม่ได้ นี่เขาสนใจเอาผู้หญิงแทนไหม? ข้ายินดีจะจ่ายด้วยร่างกายของตัวเองถ้าเขาต้องการ”
“เลิกฝันกลางวัน ลองส่งกระจกดูตัวเอง นี่เจ้าคิดว่าตัวเองงดงามเหมือนอย่างผู้หญิงทั้ง 2 คนที่ก็อดฟาเธอร์มีอย่างนั้นหรอ?”
“เขามีทั้งพลังที่สุดยอดและผู้หญิงที่งดงาม เขามีทุกอย่าง”
หานเซิ่นได้รับสมญานามก็อดฟาเธอร์มา ก่อนหน้านี้ผู้คนเรียกหานเซิ่นว่าบิดาของเทพ แต่สมญานั้นถูกเรียกอย่างลับๆและมันไม่ใช่บางสิ่งที่จะถูกเรียกในที่สาธารณะ
แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้สมญานามก็อดฟาเธอร์ก็กลายเป็นอะไรที่แพร่หลาย มันทำให้เขาฟังดูเหมือนกับพ่ออุปถัมภ์ แต่มันไม่ได้หมายความแบบนั้น
ในตอนนี้คนที่หดหู่ที่สุดคือจี๋หยางเซิง เขาลากรถม้าให้กับหานเซิ่นเป็นเวลานาน และเขายังมอบยีนซีโน่เจเนอิค 5 ร้อยยีนให้กับหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้รับอะไรกลับมา ขณะที่บาร์กลายเป็นระดับเทพเจ้า
ถ้าจี๋หยางเซิงมีโอกาสอีกครั้ง เขาก็คงจะบอกกับหานเซิ่นว่า “ตกลง ข้าจะมอบยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนให้กับเจ้า”
ถ้าเขารู้ว่าหานเซิ่นสามารถทำให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ เขาก็ยินดีจะจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันมากกว่า 2 พันยีน เขายินดีจะจ่ายเป็น 2 เท่าของราคานั้น
ปัญหาเดียวคือตอนนั้นเขาไม่ได้เชื่อว่าหานเซิ่นจะทำให้คนอื่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้จริงๆ เพราะยังไงซะมันก็ฟังดูเวอร์ไปหน่อย
เมื่อหานเซิ่นกลับเข้าในคอร์แอเรีย ราชันจากทุกเผ่าพันธุ์ก็แห่กันมาพบกับเขา
“อาจารย์หาน ข้านำยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับอาจารย์ ถ้าอาจารย์ยินดีจะอวยพรให้กับข้า ข้าก็จะมอบพวกมันให้กับอาจารย์”
“ไสหัวออกไป! ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนอะไรกัน? เจ้าขี้ตระหนี่แบบนั้นต่อหน้าก็อดฟาเธอร์ได้ยังไง? ข้ามียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2500 ยีน ข้าควรจะได้รับพรก่อน”
“ข้ามียีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 3 พันยีน…”
แม้แต่จี๋หยางเซิงเองก็นำยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่น แต่เมื่อเขาเห็นผู้คนที่แห่กันมา เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสมากนัก เขารู้สึกเศร้าสร้อย