19/11/2020
ตอนที่ 2562 แบ่งเท่ากัน?
หานเซิ่นตกใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าคนพวกนี้อาจจะมาเพื่อรุมทำร้ายเขา แต่จริงๆแล้วพวกเขาทั้งหมดมาเพื่อขอให้เขาช่วยอวยพร เมื่อรู้สึกตัวมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
“ข้าขอบอกกับพวกเจ้าตามตรงว่าการอวยพรจะลดอายุขัยของข้า หลังจากที่อวยพรคนหนึ่งไป ข้าต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเพื่อพักฟื้น แถมอายุขัยของข้ายังลดลงหนึ่งร้อยปี ด้วยเหตุนั้นถ้าข้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยีนซีโน่เจเนอิค ข้าคงไม่รับคำขอของบาร์ ดังนั้นถึงพวกเจ้าจะเสนอยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พัน 4 พันหรือแม้แต่ 5 พันยีน ข้าก็จะไม่ทำ ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้พวกเจ้าทุกคนผิดหวังแบบนี้”
ถึงแม้การใช้พลังอาณาเขตของวิชาโลหิตชีพจรจะกินพลังงานมาก แต่มันก็แย่ไม่ได้อย่างที่หานเซิ่นพูดออกไป เขาแค่จำเป็นต้องพัก 2 วันเท่านั้น และในเรื่องลดอายุขัยก็เป็นอะไรที่เหลวไหว
หานเซิ่นพูดแบบนี้ก็เพราะเขาไม่อยากจะอวยพรให้กับทุกคน และเขาจำเป็นต้องรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่พิเศษอีกต่อไปถ้าเขาไปอวยพรให้กับทุกๆคน
ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นพูดโกหก พวกเขาไม่เชื่อว่าพลังที่ช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั้นจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย
ด้วยเหตุนั้นสิ่งที่หานเซิ่นพูดจึงดูสมเหตุสมผล การลดอายุขัยหนึ่งร้อยปีสำหรับการช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั้นยังถือเป็นราคาที่ถูก
และเนื่องจากมันไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อพวกเขา ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหดหู่คือความจริงที่หานเซิ่นจะไม่รับยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเพื่อช่วยอวยพรให้กับพวกเขา
ตอนนี้ทุกเผ่าพันธุ์รู้สึกเสียใจ ถ้าพวกเขารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงจะนำยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีนมาให้กับหานเซิ่นก่อนหน้าบาร์ สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอะไรที่เลวร้าย ถึงแม้พวกเขาจะยอมจ่ายเป็น 3 เท่าจากราคาเดิม หานเซิ่นก็จะไม่อวยพรให้กับพวกเขา
“พวกเราปล่อยให้เผ่าเดสทรอยเยอร์ตัดหน้าไป” ผู้คนของเผ่าพันธุ์ขั้นสูงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พวกเขารู้สึกอิจฉาบาร์ของเผ่าเดสทรอยเยอร์
“ก็อดฟาเธอร์ ข้ายินดีใช้ร่างกายของตัวเอง ข้ายินดีจะเป็นสาวใช้หรืออะไรก็ตามที่ท่านต้องการให้ข้าเป็น ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยอวยพรให้กับข้าสักครั้งหนึ่ง” จิ้งจอกสาวกระพริบตาปริบๆให้กับเขา
“อาจารย์หาน นี่เป็นดอกบัวสมบัตินภาที่รู้จักกันในฐานะสมบัติทั้ง 5 การกินดอกบัวนี้เข้าไปจะช่วยเพิ่มอายุขัยของอาจารย์ได้สิบปี พวกเราเตรียมมันมาทั้งหมด 23 ดอกด้วยกัน ข้าหวังว่าอาจารย์จะช่วยอวยพรให้กับเจ้านายของพวกเราสักครั้ง”
“อาจารย์หาน…”
หานเซิ่นบอกว่าไม่รับยีนซีโน่เจเนอิคอีกแล้ว ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มหันไปเสนอผลประโยชน์อย่างอื่นแทน
“ร่างกายของข้ายังไม่ฟื้นตัว ตอนนี้ข้ายังอวยพรให้กับพวกเจ้าไม่ได้ ดังนั้นถึงข้าจะให้สัญญากับพวกเจ้าไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเจ้าควรจะรอจนกระทั่งร่างกายของข้าฟื้นตัวซะก่อน”
การพูดกับพวกเขาต่อไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามอธิบายสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมคนอื่นได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจออกมาจากคอร์แอเรีย
เมื่อกลับไปที่วาฬขาว หานเซิ่นก็กลับเข้าไปในคอร์แอเรียด้วยฐานะดอลลาร์
ด้วยยีนซีโน่เจเนอิค 2 พันยีน เขาใกล้จะพัฒนาอาณาเขตทั้ง 4 จนถึงขั้นที่ 9 แล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงมีแผนที่จะล่าซีโน่เจเนอิคด้วยตัวเองเพิ่มอีกหน่อย และในขณะที่ทำแบบนั้นเขาก็จะฝึกฝนวิชาเทเลพอร์ตและบิ๊กเดสทรอยเยอร์ไปด้วย
เนื่องจากหานเซิ่นใช้ตัวตนดอลลาร์เข้าไปในคอร์แอเรีย ทำให้ไม่มีคนเข้ามายุ่งกับเขามากนัก แต่ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครตามหาตัวเขา
หานเซิ่นพบเตาหลอมทองแดง และหลังจากที่พวกเขาบินไปได้เพียงไม่นาน ผู้หญิงเผ่านภา 2 คนก็บินตรงเข้ามาหาเขา หนึ่งในนั้นคือหลี่เคอเอ๋อ หานเซิ่นรู้จักเธอเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้หญิงอีกคนมีม่านสีขาวปิดบังใบหน้าของเธอ หานเซิ่นไม่สามารถระบุได้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง แต่เขารู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในเผ่านภา
“ดอลลาร์ ไม่ได้เจอกันนานเลย” หลี่เคอเอ๋อพูดและพยายามทำท่าทางเป็นกันเองมากที่สุด
เธอและผู้หญิงอีกคนรอคอยการกลับมาของหานเซิ่นอยู่ตลอด แต่มันเป็นเวลานานแล้วที่หานเซิ่นไม่ได้เข้ามาในคอร์แอเรียในฐานะดอลลาร์ ด้วยเหตุนั้นพวกเธอทั้ง 2 คนจึงรออยู่เป็นเวลานาน
โชคดีที่พวกเธอมีความอดทน พวกเธอรอคอยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งดอลลาร์กลับเข้ามา
“มิสหลี่ ผู้หญิงคนนี้คือใครกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่มองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างแปลก เธอดูไม่เหมือนกับว่ากำลังมองมาที่คนๆหนึ่ง แต่มันเหมือนกับว่าเธอกำลังตรวจดูสินค้ามากกว่า นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“นี่คือพี่สามของข้า ชื่อของนางคือเอ็กซ์ควิสิท”
หลังจากที่หลี่เคอเอ๋อแนะนำตัวผู้หญิงอีกคน และเธอก็พูดต่อ “ดอลลาร์ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไร พวกเราไปล่าซีโน่เจเนอิคด้วยกันไหม?”
หานเซิ่นลังเล เขาไม่อยากจะเดินทางร่วมกับคนอื่น เขาแค่ต้องการล่าซีโน่เจเนอิคและฝึกฝนวิชาอย่างเงียบๆ แต่เขาเคยมีอดีตร่วมกับหลี่เคอเอ๋อ ดังนั้นเขาจะรู้สึกแย่ถ้าปฏิเสธคำชวนของเธอ
‘หลี่เคอเอ๋อสอนเราเกี่ยวกับการเทเลพอร์ต และเธอก็รู้ว่าเรามีบิ๊กเดสทรอยเยอร์อยู่ มันคงจะไม่ได้เสียหายอะไรถ้าเราฝึกมันต่อหน้าเธอ’
หานเซิ่นคิด เขาพยักหน้าให้กับเธอ “เอาสิ ข้าไม่คุ้นเคยกับบริเวณนี้ เจ้ารู้สถานที่ที่มีซีโน่เจเนอิคระดับราชันไหม?”
“ข้ารู้จักที่ที่หนึ่งที่มีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก ข้าพาเจ้าไปที่นั่นได้” หลี่เคอเอ๋อพูดและหัวเราะ
หานเซิ่นเงียบอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ถ้าพวกเราจะร่วมมือกัน พวกเราก็ควรจะตกลงกันซะก่อน พวกเราจะแบ่งของที่พวกเราล่ามาได้กันยังไง”
“แบ่งเท่าๆกันเป็นยังไง?” หลี่เคอเอ๋อเสนอ
“ข้าคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี ข้าจะเอา 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์พวกเจ้าเอาไป พวกเจ้าโอเคกับเรื่องนี้ใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด
หลี่เคอเอ๋อประหลาดใจ ในตอนที่เธอเสนอให้แบ่งเท่าๆกัน เธอหมายความว่าควรจะแบ่งสิ่งที่ล่ามาได้เป็น 3 ส่วนและทุกคนก็จะได้กันไปคนละส่วน การแบ่งเท่าๆกันของเธอแตกต่างไปจากการแบ่งของเขา
เอ็กซ์ควิสิทพูด “การแบ่งนั่นดูไม่ยุติธรรม ใครที่ล่าได้มากที่สุดก็ควรจะได้มากที่สุด ถึงพวกเราจะร่วมมือกัน แต่ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องแบ่งสิ่งที่ล่ามาได้ มันมีซีโน่เจเนอิคอยู่เป็นจำนวนมาก ใครฆ่าซีโน่เจเนอิคได้ก็ได้มันไป การแบ่งกันไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
“ข้าชอบวิธีการคิดของเจ้า” หานเซิ่นพยักหน้า เขาเองก็คิดว่าแบบนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ด้วยการนำทางของหลี่เคอเอ๋อ พวกเขาทั้ง 3 คนบินสู่อวกาศ
หานเซิ่นสามารถพูดคุยกับหลี่เคอเอ๋อได้ง่าย แต่เอ็กซ์ควิสิทนั้นดูเหมือนจะเป็นคนรักสันโดษ เธอไม่ชอบการพูดคุย และเธอก็ไม่ได้พูดกับหานเซิ่นเลยสักคำ
แถมสายตาที่เธอมองทำให้หานเซิ่นรู้สึกไม่สบายใจ เธอเป็นเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
เอ็กซ์ควิสิทคิดจะใช้การล่าซีโน่เจเนอิคในครั้งนี้เพื่อตรวจสอบพลังของหานเซิ่นกับตาตัวเอง และเธอก็อยากจะเห็นบุคลิกภาพของเขาด้วย
เธอไม่ได้คิดว่าหานเซิ่นจะเสนอการแบ่งของที่มาล่าได้แบบนั้น แทนที่จะพูดอะไร เอ็กซ์ควิสิทนั้นมีแผนที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับหานเซิ่น
เธอคิดจะทดสอบจิตใจของหานเซิ่นและขโมยเหยื่อทั้งหมดของเขา
‘อยากเห็นจริงๆว่าเขาเป็นคนยังไง’ เอ็กซ์ควิสิทสัมผัสตาตัวเอง ตอนนี้พวกมันฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว แต่เธอยังคงหวาดกลัวเรื่องที่เกิดขึ้น
เตาหลอมทองแดงบินข้างๆหานเซิ่น เมื่อพวกเขาไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มันก็หยุดไปและเริ่มจะส่งเสียงร้องกับหานเซิ่น
“มีอะไร?” หานเซิ่นถามและมองไปที่เตาหลอมทองแดง
“อันตราย” เตาหลอมทองแดงพูดด้วยตัวอักษรที่มันพ่นออกมา