ตอนที่ 2586 แส้เหล็กทองแดงสีม่วง
จันทราสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเท่าที่ระดับราชันจะแข็งแกร่งได้ แต่การโจมตีอย่างเต็มกำลังของเธอกลับไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนหินเลย หินของที่นี่นั้นทนทานกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
“นกแดงน้อย!” หานเซิ่นเรียก
นกแดงน้อยเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นต้องการจะสื่อ มันปล่อยเพลิงฟินิกซ์ออกไปเพื่อเผาผลาญหินที่อยู่รอบๆแส้เหล็ก
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมง การเผาผลาญด้วยเพลิงอันร้อนแรงก็เริ่มจะเกิดผล พวกมันเริ่มจะเปลี่ยนหินเป็นสีแดง ถ้าหานเซิ่นพยายามจะใช้เพลิงฟินิกซ์ของนกแดงน้อยเพื่อละลายหินรอบๆแส้เหล็กล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหน
กู่ชิงเฉิงมองหินที่กำลังถูกเผาและพูด “แมงมุมหลุมดำกลืนกินดวงดาวและก้อนหินมากมาย เจ้าแมงมุมนั้นต้องกินโลหะชั้นสูงและวัตถุพิเศษมาเป็นเวลาหลายปี แต่ระบบย่อยอาหารของมันย่อยได้ไม่หมด อะไรที่ไม่ถูกย่อยก็มารวมตัวกันจนกลายเป็นหินพวกนี้ ถ้าหินพวกนี้ทนต่อระบบย่อยอาหารของแมงมุมหลุมดำได้ สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าธรรมดาก็คงจะสร้างความเสียหายกับหินพวกนี้ไม่ได้ง่ายๆ”
จันทราสวรรค์พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่กู่ชิงเฉิงพูด แมงมุมหลุมดำเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย ถ้าแม้แต่มันยังย่อยวัตถุที่มารวมกันเป็นหินนี้ไม่ได้ แบบนั้นพวกหานเซิ่นก็คงจะทำลายมันไม่ได้เช่นกัน
โชคดีที่นกแดงน้อยเผาผ่านหินไปได้อย่างช้าๆ ด้วยความพยายามและความอดทน แม้แต่เหล็กแท่งโตก็สามารถถูกฝนจนกลายเป็นเข็มได้ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำในตอนนี้ก็คืออดทน
ขณะที่นกแดงน้อยยังคงพ่นไฟอันร้อนแรงต่อไป สายลมก็ปะทุขึ้นมาจากแส้เหล็กอีกครั้ง สายลมนั้นพัดเพลิงฟินิกซ์กระจัดกระจายไปทั่วและกลับมาที่พวกหานเซิ่น
นกแดงน้อยหยุดพ่นไฟออกมา แต่มันสายเกินไปแล้ว เปลวเพลิงของมันได้เผาเส้นผมและคิ้วของพวกเขาจนไหม้ แต่โชคดีที่พวกเขาได้ได้รับบาดเจ็บหนักอะไร พวกเขาแค่ดูทรุดโทรมลงไปเท่านั้น
“แส้เหล็กจะปลดปล่อยสายลมออกมาอยู่เรื่อยๆ พวกคงจะเผาผลาญหินเพื่อเอามันออกมาไม่ได้ มันยังมีหนทางอื่นอีกไหม?” หานเซิ่นมองกู่ชิงเฉิงและคนอื่นๆ
ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากันและกัน แต่ไม่มีใครมีไอเดียอะไร
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะลองดึงมันทีละคน” หานเซิ่นพูด เขาเรียกเสือคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมาและเดินเข้าไปหาแส้เหล็ก แสงสีรุ้งที่ปกคลุมมือของเขาขณะที่เขาพยายามจะดึงอาวุธออกมา
ลวดลายลึกลับบนแส้เหล็กเรืองแสงสีม่วงออกมา หลังจากนั้นมันก็ปลดปล่อยสายลมที่น่ากลัวออกมา มันพัดทุกคนกระเด็นออกไป
หานเซิ่นยังคงจับแส้เหล็กเอาไว้แน่น เขายันเท้าไว้กับก้อนหินและพยายามจะดึงแส้เหล็กออกไป แต่หลังจากพยายามอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่สามารถทำให้มันขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย แถมลมพายุของแส้เหล็กก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เสื้อคลุมขนนกและเส้นผมของเขาปลิวไสว
ตูม!
ในที่สุดแล้วหานเซิ่นก็ไม่สามารถทนต่อแรงลมได้และถูกพัดกระเด็นออกไป เขาเด้งกับกำแพงหินหลายครั้งจนกระทั่งเขาออกไปจากถ้ำ
หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็บินกลับเข้ามา และลมพายุในถ้ำก็สงบลงในที่สุด
“หนิงเยวี่ย เธอลองดู บางทีเธออาจจะทำสำเร็จ” หานเซิ่นพูดกับหนิงเยวี่ย
หนิงเยวี่ยส่ายหัวและก้าวถอยออกไปหนึ่งก้าว เธอพูดขึ้นมา
“ถ้าพวกนายทำไม่ได้ ฉันก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ลองดู ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะโยนเธอไปให้พวกงูกิน” หานเซิ่นข่มขู่
ลมพายุของแส้เหล็กไม่ได้ทำร้ายใคร มันแค่พัดพวกเขาไปรอบๆ แต่มันจะไม่ฆ่าพวกเขา
หนิงเยวี่ยถูกปกป้องโดยดาบเขียว ลมพายุนั้นไม่สามารถทำอะไรเธอได้ บางทีเธออาจจะดึงแส้เหล็กออกมาได้สำเร็จ
หนิวเยวี่ยรู้สึกแย่ เธอหวาดกลัว แต่หลังจากการข่มขู่ของหานเซิ่น เธอก็ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เธอค่อยๆวางมือลงบนแส้เหล็ก
ปัง!
หนิงเยวี่ยแค่สัมผัสกับแส้เหล็กเท่านั้นก่อนที่ลมพายุจะพัดเธอกระเด็นออกไป ครั้งนี้พลังของดาบเขียวไม่ได้ปกป้องเธอ และหนิงเยวี่ยก็กลิ้งไปรอบๆสักพักหนึ่งก่อนจะหยุด
“ฉันบอกนายแล้วว่าทำไม่ได้ แต่นายก็ยังบังคับให้ฉันทำ!” หนิงเยวี่ยพูดขณะที่นั่งอยู่กับพื้น ผมของเธอดูยุ่งเหยิงและเธอก็เกือบจะร้องไห้ออกมา
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัว ในพวกเขาไม่มีใครที่ดึงแส้เหล็กออกมาได้ โดยปกติแล้วถ้าสมบัติหนึ่งดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามา หานเซิ่นก็จะปล่อยมันไป
แต่ตอนนี้ถ้าเขาไม่เอาแส้เหล็กนี่ไป เขาก็จะไม่สามารถจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ข้างนอกได้ พวกเขาจะติดอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
“พ่อ พ่ออยากได้แส้เหล็กนั่นจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เป่าเอ๋อถามขณะที่ดึงแขนเสื้อของหานเซิ่น
“ใช่ พวกเราจำเป็นต้องใช้แส้เหล็กทองแดงสีม่วงนั่น หนูมีความคิดอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเป่าเอ๋อ
“พ่อแค่ต้องดึงมันออกมา” เป่าเอ๋อพูด
“ถ้าพวกเราดึงมันออกมาได้ พวกเราก็คงจะไม่มัวยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร” จันทราสวรรค์พูด
หนิงเยวี่ยร้องและพูด “ใช่ เจ้าสิ่งนี้มันแปลก! เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอสัมผัสมัน สายลมก็จะพัดออกมา”
เป่าเอ๋อกระพริบตาปริบๆและกระโดดเข้าไปหาแส้เหล็ก เธอยื่นมือออกไปจับด้ามของแส้เหล็ก ขณะที่เธอทำแบบนั้น ทุกคนก็เตรียมตัวเพื่อรับลมพายุที่จะออกมา พวกเขาไม่อยากจะถูกพัดกระเด็นออกไปอีกครั้ง
แต่หลังจากที่มือน้อยๆของเป่าเอ๋อจับด้ามของแส้เหล็ก มันก็ไม่มีลมพายุออกมา เป่าเอ๋อจับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงเอาไว้แน่น หลังจากนั้นเธอก็ดึงมันออกมาราวกับว่าเธอกำลังดึงแครอทออกมาจากพื้น
หนิงเยวี่ยและคนอื่นๆเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เป่าเอ๋อดึงเอาแส้เหล็กที่ยาวหนึ่งเมตรออกมา มันมีความสูงมากกว่าตัวเธอซะอีก เธอนำมันมาส่งให้กับหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม “ได้แล้วพ่อ”
“เป่าเอ๋อ หนูเป็นเด็กดีที่สุด เมื่อกลับไป พ่อจะซื้อไอศกรีมให้หนูเยอะๆ” หานเซิ่นรับแส้เหล็กและยิ้มกว้างออกมา
น่าแปลกที่ในตอนที่แส้เหล็กฝังอยู่ในหิน มันจะปลดปล่อยลมพายุออกมาเมื่อถูกสัมผัส แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นถือมันอยู่ในมือ มันกลับไม่มีลมพายุออกมา
หานเซิ่นมองดูแส้เหล็กทองแดงสีม่วงในมือ มันดูเหมือนกับอันที่เขาเห็นผ่านวิญญาณอสูรเนตรม่วง มันมีความยาว 1.2 เมตร ใบมีดของมันเป็นสี่เหลี่ยมและถูกสร้างขึ้นมาจากทองแดงสีม่วง มันค่อนข้างหนักและทั้ง 4 ด้านของอาวุธมีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่
แต่สัญลักษณ์ประหลาดเหล่านั้นแตกต่างไปจากสัญลักษณ์ประหลาดบนด้ามจับ หานเซิ่นลองใส่พลังเข้าไปในแส้เหล็กเพื่อดูว่าจะปลุกพลังของมันให้ตื่นขึ้นมาได้ไหม
มันเป็นกระบวนการที่ราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ หลังจากที่พลังของศาสตร์ตงเสวียนเข้าไปในแส้เหล็ก สัญลักษณ์บนอาวุธก็สว่างขึ้นมาด้วยแสงสีม่วง
หานเซิ่นพึงพอใจที่เห็นอาวุธแสงเรืองออกมา ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้หลังจากที่ได้รับมันมา นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมากๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป
สัญลักษณ์สีม่วงบนแส้เหล็กสว่างไสว ทุกคนในถ้ำสัมผัสได้ว่าพลังที่แท้จริงของแส้เหล็กนั้นไม่ใช่สายลม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้คล้ายคลึงกับพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากด้ามจับ
แสงสีม่วงของแส้เหล็กสว่างขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นเปลวไฟสีม่วง แส้เหล็กทองแดงสีม่วงถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ และไฟสีม่วงก็ค่อยๆลามไปยังมือและส่วนอื่นๆของร่างกายหานเซิ่น