เมื่อทุกคนเห็นท้องฟ้าของระบบจักรวาลเคออส พวกเขาก็ดูดีใจอย่างมาก
หานเซิ่นมองไปรอบๆขณะที่พวกเขาโผล่ออกมา แต่เขาไม่เห็นแมงมุมหลุมดำ รอยแยกของอวกาศที่พวกเขาเพิ่งจะออกมานั้นลอยอยู่ในท้องฟ้า
เมื่อพวกเขาออกมาจากรอยแยกนั้นแล้ว มีดสั้นเล่มหนึ่งก็บินตามหลังพวกเขามา มีดเล่มนั้นมีรูปร่างเหมือนกับกริชและมีความยาวแค่หนึ่งฟุต มันโค้งเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวและมีสีขาวเหมือนกับเขี้ยว อวกาศนั้นบิดเบือนรอบๆอาวุธนั้นขณะที่มันเคลื่อนที่เข้ามา
อี๋ซากำลังถือฝักที่โค้งเว้าอยู่ในมือ เมื่อมีดที่เหมือนกับเขี้ยวบินมาถึงเธอ เธอก็สไลด์มันเข้าไปในฝักและติดฝักเอาไว้ที่เอว
รอยแยกของอวกาศสูญเสียการสนับสนุนจากพลังเขี้ยว และในไม่กี่วินาทีมันก็พังทลายและหายลับไป
“อาจารย์ นั่นมันเป็นมีดแบบไหนกัน? ทำไมออร่าของมันถึงได้คุ้นเคยสำหรับข้า?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามอี๋ซา มีดที่เหมือนกับเสี้ยวพระจันทร์มีพลังเขี้ยวอยู่ และพวกมันก็ไม่ใช่พลังเขี้ยวธรรมดาๆ
“นี่เป็นมีดของอัลฟ่าเผ่าพันธุ์ข้า มันมีชื่อว่าเขี้ยวฝ่าอวกาศ ถ้าข้าไม่มีมีดเล่มนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเข้าไปในท้องของแมงมุมหลุมดำเพื่อช่วยเจ้า” อี๋ซาพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
“อาจารย์ ท่านรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ?” หานเซิ่นสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่ที่เธอปรากฏตัวออกมา
ถึงแม้เธอจะมีมีดเขี้ยวฝ่าอวกาศ ซึ่งสามารถเปิดอุโมงค์อวกาศได้ แต่อี๋ซาก็จำเป็นต้องรู้ตำแหน่งที่หานเซิ่นอยู่ซะก่อน เธอตัดผ่านเข้าสู่กระเพาะของแมงมุมหลุมดำเพื่อช่วยเขาได้อย่างแม่นยำได้ยังไงกัน?
ถ้าเธอทำพลาดแม้แต่นิดเดียวเช่นการเปิดอุโมงค์อวกาศภายในเนื้อหนังของแมงมุมหลุมดำและทำให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา อี๋ซาก็คงจะพบจุดจบที่ไม่สวยนัก
“ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเรารีบตรงไปที่ปราสาทนภา” อี๋ซาพูด เธอไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น
ถ้าอี๋ซาไม่อยากจะตอบ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่หานเซิ่นจะถามเธออีกครั้ง เขาตามเธอต่อไปเรื่อยๆขณะที่เดินทางผ่านระบบจักรวาลเคออส
ด้วยการที่มีอี๋ซาคอยนำทาง การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื้น หานเซิ่นได้ปลดล็อคขั้นที่ 9 ของวิชาโลหิตชีพจรในระหว่างที่เขาอยู่ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำ เรื่องราวของยีนเองก็เพิ่มระดับขึ้นเช่นกัน
มันเป็นอย่างที่หานเซิ่นคาดคิด เมื่ออาณาเขตของเรื่องราวของยีนเลื่อนระดับขึ้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นตามมันไป การเชื่อมต่อของเขากับชุดเกราะคริสตัลสีดำเองก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างยิ่งขึ้น
‘ถ้าเรากลายเป็นครึ่งเทพ เราจะใช้งานชุดเกราะคริสตัลสีดำได้ไหมนะ?’ หานเซิ่นสงสัย
เสือขาวติดตามพวกเขาออกมาด้วย มันบินไปพร้อมกับพวกเขา
มันเป็นอะไรที่แปลก ในตอนที่พวกเขาออกมาจากท้องของแมงมุมหลุมดำ เห็ดบนหัวของพวกเขาก็ตายไปและไม่งอกกลับมาอีก
แต่บนหัวของเสือขาวยังคงมีเห็ดอยู่ และเห็ดนั่นก็ไม่แสดงวี่แววว่ามันจะตายไป แต่ทว่าคนอื่นๆรู้สึกปลาบปลื้มใจที่เห็ดบนหัวตายไปแล้ว มันเหมือนกับว่าเครื่องถ่วงน้ำหนักถูกยกออกไปเมื่อวิกฤตคลี่คลายไป อี๋ซามองมาที่เสือขาวและพูด
“ภายในท้องของแมงมุมหลุมดำไม่มีอะไรที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพเจ้า ที่พวกเจ้าทุกคนรอดได้นานขนาดนี้ มันก็เป็นเพราะเห็ดที่พวกเจ้าได้รับมา”
หานเซิ่นและคนอื่นแปลกใจ พวกเขามองเห็ดบนหัวตัวเองเป็นเหมือนกับคำสาป พวกเขาไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าเห็ดกำลังปกป้องพวกเขา พวกเขามองไปที่อี๋ซาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะอยู่อาศัยภายในท้องของแมงมุมหลุมดำอย่างนั้นหรอ?” อี๋ซาถามอย่างเคร่งขรึม
“มันมีพลังที่น่ากลัวอยู่ในนั้น แต่พวกเจ้ามองไม่เห็น พลังนั้นเป็นเหมือนกับไวรัสที่จะคุมคามร่างกายของสิ่งมีชีวิต พวกมันจะสลายทั้งร่างกายของสิ่งมีชีวิตจนไม่เหลืออะไรนอกจากสารอาหารเพื่อป้อนให้กับแมงมุมหลุมดำ เห็ดที่แมวขาวนั้นปลูกบนหัวของพวกเจ้าเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเจ้ารอดชีวิตภายในนั้นได้เป็นเวลานาน”
เมื่อหานเซิ่นได้ยินที่อี๋ซาพูด เขาก็นึกย้อนไปถึงข้อมูลที่ค้นพบภายในยานอวกาศที่พัง เขาคิดกับตัวเอง ‘ในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นทำการทดลอง มันเป็นการทดลองเพื่อทำให้เจ้าเสือขาวมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างนั้นหรอ? ถ้าที่อี๋ซาพูดเป็นความจริง มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เห็ดบนหัวเจ้าเสือขาวคงจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นคิดค้นขึ้นมา มันเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสที่จะทำลายร่างกายของเจ้าเสือขาว พวกเราถูกมันปกป้อง’
หานเซิ่นไม่แน่ใจว่า “วัคซีน” เป็นคำที่ถูกต้องสำหรับบรรยายเห็ดที่งอกขึ้นบนหัวของพวกเขาหรือเปล่า แต่เขาตัดสินใจจะใช้มัน
‘ถ้าเป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่พวกเรามาไปถึงที่นั่น เจ้าเสือขาวก็ช่วยรักษาชีวิตของพวกเรา ถ้าไม่มีมัน ถึงแม้เราจะรอดชีวิต แต่คนอื่นๆก็คงจะต้องตาย’
‘แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในอยู่ท้องของแมงมุมหลุมดำตั้งแต่แรกได้ยังไงกัน? และทำไมเธอถึงจากไปเพียงลำพังโดยที่ทิ้งเจ้าเสือขาวเอาไว้?’ หานเซิ่นอยากหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอและถามเธอตรงๆ แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาตัวเธอได้ที่ไหน
“เจ้าเป็นอะไร?” อี๋ซาถามขณะที่มองไปที่หัวของหานเซิ่น
เป่าเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่นและเล่นกับหูจิ้งจอกของเขา เธอบีบพวกมันซ้ำๆอย่างสนุกสนาน
หานเซิ่นบอกอี๋ซาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในถ้ำใต้เกาะ และเมื่ออี๋ซาได้ยินที่เขาพูด เธอก็ดูตกตะลึง “ให้ข้าดูแส้เหล็กนั่น”
หานเซิ่นนำแส้เหล็กทองแดงสีม่วงออกมาให้อี๋ซาดู หลังจากมองดูอยู่สักพัก อี๋ซาก็พยักหน้าและพูด
“ไม่ผิดแน่ๆ! นี่คืออาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอก”
“มันคืออาวุธเผ่าพันธุ์?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอะไรแบบนั้นมาก่อน
อี๋ซาถอนหายใจและพูด “ในยุคสมัยนี้น้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับอาวุธเผ่าพันธุ์ ในสมัยโบราณทุกเผ่าพันธุ์ที่จุดดวงไฟในจีโนฮอลล์จะสร้างอาวุธจากยีนของตะเกียงในจีโนฮอลล์ อาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาจะทรงพลังและกลายเป็นอาวุธที่พิเศษมากๆ อาวุธเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งเป็นเหมือนกับอาวุธระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต และพวกมันยังมีโอกาสที่จะทรงพลังยิ่งไปกว่านั้น แต่ยีนของตะเกียงแต่ละอันภายในจีโนฮอลล์นั้นจะใช้สร้างอาวุธเผ่าพันธุ์ได้แค่ชิ้นเดียว มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์ชุดแรกที่จุดดวงไฟในตะเกียงเท่านั้นที่จะได้รับยีนไปทำเป็นอาวุธ เผ่าพันธุ์ที่มาชิงตะเกียงของจีโนฮอลล์ต่อจากพวกเขาจะไม่ได้รับยีนของตะเกียง การขโมยอาวุธเผ่าพันธุ์นั้นเป็นหนทางเดียวที่จะได้รับอาวุธเผ่าพันธุ์มา ด้วยเหตุนั้นในตอนนี้จึงมีคนไม่มากนักที่จะรู้เกี่ยวกับอาวุธเผ่าพันธุ์ ถึงแม้พวกเขาจะพบเห็นมัน แต่คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าพวกมันเป็นแค่อาวุธระดับเทพเจ้าที่ทรงพลังมากๆอันหนึ่ง”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อี๋ซาก็พูดต่อ “อาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอกนั้นถูกบอกกันว่าคือกระจกไนน์สปินเดสทินี่ แต่เท่าที่ข้ารู้ นั่นเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ที่เผ่าจิ้งจอกขโมยมา มันไม่ได้เป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของพวกเขา ข้าเคยได้ยินว่าอาวุธเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาได้รับมาตอนที่จุดดวงไฟในตะเกียงนั้นคือแส้เหล็กทองแดงสีม่วง แต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เพราะตอนนี้กระจกไนน์สปินเดสทิเองก็อยู่ที่เขา แต่เขาไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน เขาแค่ได้ยินมาจากราชินีจิ้งจอกว่ากระจกไนน์สปินเดสทินั้นจะทำงานเฉพาะกับคนที่เป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นความจริงหรือเปล่า
“อาจารย์ มันมีหนทางที่จะลบล้างผลที่มันมีต่อร่างกายของข้าออกไปไหม?”
หานเซิ่นมองไปที่อี๋ซาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เธอรู้ว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้มาจากไหน ดังนั้นเธอก็อาจจะรู้วิธีที่จะแก้ไขมัน